ปัจจุบัน AI ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ และเชื่อว่าหลายคนคุ้นเคยกันดี รู้ว่ามี AI ที่ช่วยในการแต่งเพลงด้วย เราอาจจะมีคำถามว่า ในยุคที่ AI ทำเพลงได้ขนาดนี้ แล้ว producer ควรจะทำยังไง วันนี้เลยจะแนะนำ 5 ทักษะ ที่โปรดิวเซอร์ควรจะต้องมีเพิ่ม เพื่อทำงานได้ในยุค AI นี้ มาดูกันครับ
การเข้ามาของ AI ช่วยเราได้ในหลาย ๆ เรื่อง แต่ก็ต้องพูดว่าเข้ามา disrupt หลายส่วนด้วยเหมือนกัน อย่างในงานเพลงก็มี AI ที่แต่งเพลงได้ทั้งเพลงโดยที่เราแค่ใส่รายละเอียดเท่านั้นเอง แต่ในบางงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ความพิเศษมาก ๆ AI ก็ยังไม่สามารถ disrupt ได้นะครับ หลัก ๆ แล้วเพราะคนที่ทำงานด้านนั้น ยังเก่งกว่า AI ทำอะไรได้เยอะกว่าที่ AI ทำได้ ทำให้ยังมีคนที่ต้องการอยู่เสมอ แค่อาจจะไม่รวดเร็วเท่า AI (ซึ่งเป็นอย่างนี้นานแล้วด้วย แค่การเข้ามาของ AI ทำให้เห็นชัดเจนขึ้น)
ฉะนั้น 5 ทักษะที่ว่านี้ ขอใช้คำว่าเป็นทักษะที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่โปรดิวเซอร์มี เพื่อให้โปรดิวเซอร์นั้นยังคงเก่งกว่า AI และทำในสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ แม้ว่าจะทำเร็วสู้ AI ไม่ได้ แต่ทำเพื่อให้งานของเรายังมีคุณภาพ ตอบความต้องการของคนที่ต้องการงานที่มีคุณภาพอยู่
เราต้องรู้ให้ได้ว่า AI แต่ละตัวใช้ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งควรจะรู้จักให้นอกเหนือจาก AI ที่เกี่ยวข้องกับเพลงด้วย ถ้าเรายิ่งสังเกตได้มากเท่าไหร่ เราจะปรับตัวและรู้ว่าควรเอา AI ตัวไหนมาใช้ทำอะไรเพื่อซัพพอร์ตการทำงานของเรา ส่วนใหญ่ถ้าใครที่ทำเพลงเองได้ มักจะไม่ใช้ AI มาทำเพลงตรง ๆ เพราะไม่ใช่แค่ความละเอียดของงานที่เราทำได้มากกว่า แต่ความสนุกในการทำเพลงจะหายไปด้วย เรียกว่ารู้ทั้งรู้ว่า AI ทำได้ แต่เราอยากจะทำเองมากกว่า โดยมากงานศิลปะแทบทุกอย่างจะเป็นสิ่งที่มนุษย์อยากลงมือทำเอง เพื่อตอบโจทย์ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองเสมอ ถ้าใครที่ใช้ AI อาจจะเป็นไปได้ว่ายังทำเพลงได้ไม่เก่ง หรือพอใจในการทำเพลงของ AI เพราะเอาไปใช้ตามที่ต้องการได้แล้ว
แต่ AI ก็มาใช้ทดแทนในสิ่งที่เราไม่ถนัดได้ เช่น ใช้ในการแต่งเนื้อร้องซึ่งเราอาจจะไม่ถนัด หรือใช้ในการหาไอเดียต่าง ๆ ซึ่งการที่เราจะใช้ AI เพื่อทดแทนความสามารถบางอย่างของเราได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่ว่าเรารู้จัก AI มากแค่ไหนเช่นกัน
AI ทำเพลงมีสารพัดยี่ห้อเลย หลายตัวก็ทำเพลงได้เหมือนกัน แต่เราต้องรู้ให้ได้ว่า ถึงแม้ทุกตัวจะทำเพลงได้ แต่ว่ามีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร บางตัวทำได้เร็วกว่า บางตัวใส่รายละเอียดแล้วออกมาเหมือนที่เราใส่มากกว่า บางตัวเสียงร้องไม่เป็นธรรมชาติเลย หรืออื่น ๆ ถ้าเราวิเคราะห์ออกมาได้ เราก็สามารถใช้ AI ให้เป็นประโยชน์ หรือเอามาปรับบางอย่างเพื่อใช้เสริมในงานของเราให้มีคุณภาพมากขึ้น
นี่เป็นเรื่องปกติในยุคนี้ไปแล้ว อย่าง ChatGPT ก็มีคนเอามาใช้ในหลากหลายบทบาท เช่น ช่วยคิดหาไอเดีย ช่วยแปลภาษา หรืออื่น ๆ ที่ไว้ทำงานร่วมกับเราได้ โดยเราเอาไอเดียนั้น ๆ มาปรับใหม่ ใส่ความต้องการของเราเข้าไป ในด้านดนตรีก็เหมือนกัน พวก AI ที่ช่วยเราทำเพลงได้ แต่ AI ก็ยังไม่สามารถทำได้ตามที่เราต้องการอยู่ดี ทีนี้เราต้องมีทักษะดนตรีในการแก้งานจาก AI ให้ได้ แบบนี้ถึงจะบอกได้ว่าเราใช้งาน AI ในการทำงานได้อย่างเกิดประโยชน์ เช่น เรารู้ว่าปัญหาเสียงร้องไม่ได้ หรือเมโลดี้มีบางตัวที่เพี้ยนไป เราก็ต้องทำดนตรีใหม่ให้เหมือน AI และเลือกปรับในจุดที่มีปัญหาคือ ทำไลน์ดนตรีหลักใหม่ ปรับเสียงร้องใหม่ หรือถ้าทำใหม่หมดไม่ได้เพราะงบประมาณ ก็ใช้ AI ที่ช่วยแยกเสียงต่าง ๆ ออกมา (ใน Logic Pro มี Stem Splitter ที่ใช้ AI แยก track ต่าง ๆ ได้) เพื่อให้เรายังสามารถทำงานได้อยู่
ถ้าต้องใช้ AI จริง ๆ เราต้องพยายามใช้ให้ได้ดีกว่าที่คนอื่น ๆ ใช้ เพราะเรารู้แหละว่า AI ทำอะไรได้บ้าง แต่จะออกมาดีหรือไม่ได้ ทั้งนี้มันอยู่ที่การสั่งการด้วย ฉะนั้นหลัก ๆ มันก็อยู่ที่คนใช้ ซึ่งถ้าเราใช้งานได้ดีกว่าคนอื่น ๆ ก็จะทำให้ได้งานออกมาที่ดูดีกว่าคนอื่น ๆ เราต้องใส่รายละเอียดให้ชัดเจน ไม่กว้างเกินไป ถ้าไม่กำหนดให้ชัดเจน AI ก็ทำได้แบบกว้าง ๆ สมมุติว่า เรากำหนดให้ AI ทำเพลงรัก มีเครื่องสายประกอบด้วย เป็นแนว ballad ถ้าเราบอกแค่นี้ AI มันก็คิดไม่ได้ว่าจะทำคีย์อะไร มี chord progression ยังไง มีเนื้อเพลงยังไง เรียกว่าความเป็นไปได้มันมีมากเกินไป ทำให้ตรงใจเราได้ยาก การจะได้งานที่ดีเหนือกว่าคนอื่นก็น้อยลง กลับกันถ้าเราทำงานเอง เราก็ต้องการบรีฟที่ละเอียด ให้ข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อทำงานที่ตอบโจทย์ได้ ซึ่งรายละเอียดพวกนี้คนที่จะใส่ได้ ก็ต้องเป็นคนที่เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ อยู่ดี คีย์ดนตรี สเกลดนตรี คอร์ดรูปแบบต่าง ๆ และอื่น ๆ การจะรู้พวกนี้ได้ก็ต้องอาศัยความรู้ดนตรี ทำให้เรารู้ศัพท์เทคนิค รู้กระบวนการต่าง ๆ อยู่ดี
นอกจากนี้ AI มักจะ generate งานมาให้โดยเอาค่าเฉลี่ยของหลาย ๆ งานที่มีคุณภาพมาใช้ ทำให้มักจะได้งานที่ไม่มีเอกลักษณ์ กลับกันงานที่มาจากมนุษย์ แม้จะมีข้อผิดพลาด ไม่ได้เป๊ะเท่า AI แต่กลับมีเสน่ห์ในแบบที่รู้ว่ามนุษย์เป็นคนทำด้วย
AI ทำได้หลากหลายก็จริง แต่ยังไง AI ก็มีข้อจำกัด ทำไม่ได้ทุกอย่าง สมมุติว่าทำเพลงที่ไม่มีในฐานข้อมูลของ AI เช่น แนวเพลง avant-garde ที่เป็นแนวทดลองไปเลย ใช้เสียงแปลก ๆ มีการเรียบเรียงที่ไม่เป็นแบบแผนเหมือนแนวอื่น ๆ ที่ไม่มีใครมาใช้ AI ทำ หรือไอเดียอื่น ๆ ที่เราคิดขึ้นมาใหม่ ท่วงท่า ลูกเล่นต่าง ๆ ไม่ซ้ำใคร AI ก็ไม่รู้จะเอาฐานข้อมูลไหนมา generate ให้เราได้
AI ทำได้หลายอย่างก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัด ที่เสียเปรียบมนุษย์ในหลาย ๆ อย่าง กลับกันมนุษย์นี่แหละที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้ไม่จำกัด อาจจะมีแค่เรื่องเวลาที่เรามีจำกัดเท่านั้น แต่อย่างที่บอกว่าตราบใดที่เรายังทำงานที่ AI ไม่สามารถทำได้ โลกนี้ก็ยังต้องการงานที่มาจากมนุษย์อยู่ดี ต่อให้ AI จะพัฒนาขึ้นไปแค่ไหนก็ตามครับ
สำหรับใครที่สนใจในการทำเพลง อยากเรียนรู้อย่างมืออาชีพ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหลักสูตร The Real Producer ได้เลย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนครับ
The Real Producer
REAL / DEEP / EXCLUSIVE
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :
– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
https://line.me/ti/p/@verycatacademy
– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound