วิธีใช้ BandLab EP2 เจาะการใช้โปรแกรมแบบลึกขึ้น

วิธีใช้ BandLab EP2 เจาะการใช้โปรแกรมแบบลึกขึ้น

Share via:

Krissaka Tankritwong

วิธีใช้ BandLab EP2 เจาะการใช้โปรแกรมแบบลึกขึ้น

BandLab เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมทำเพลงฟรีที่ใช้งานได้จริง ก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึง BandLab กันมาบ้างแล้วใน EP1 แต่ตอนนั้นเน้นไปที่ฟังก์ชั่นพื้นฐานสำหรับทำเพลงเบื้องต้น ซึ่งถ้าใครสนใจมากกว่านั้น วันนี้เราจะมาเจาะลึก BandLab เพิ่มเติม เรียกว่าเป็น EP2 ละกัน ไปดูกันครับ

BandLab เป็นโปรแกรมฟรีที่ถือว่าเอาไปใช้งานจริงได้ หลายๆ คนก็เริ่มต้นจาก BandLab ทั้งการฝึกฝนให้ตัวเองชินกับการทำงานบน DAWs จนไปถึงใช้สร้างไอเดียทำเพลงจริง ๆ กันได้เลย ซึ่งฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ BandLab มี บางทีเราก็อาจจะไม่ได้ใช้งานจนครบ หรือไม่รู้ว่าอันไหนคืออะไร เราก็ขอแนะนำฟังก์ชั่นที่น่าสนใจมาให้ และหวังว่าจะเอาไปใช้งานกันได้จริง 

เริ่ม Project ใหม่ด้วย SongStarter

อย่างแรกที่อยากพูดถึงคือ ตอนเริ่มสร้าง Project ถ้าเป็นปกติเราก็จะเลือก New Project กันทั่วไป แต่มีอีกอย่างที่หลายคนไม่รู้นั่นคือ SongStarter ที่เป็นการสร้าง Project เหมือนกัน แต่จะมี preset ดนตรีเสริมเข้ามา ซึ่งใช้ AI ในการ generate โดยเราสามารถเลือกแนวเพลง เช่นถ้าเราเลือก R&B ตัวโปรแกรมก็จะทำโครงสร้างดนตรีแบบ R&B มาให้ ให้เราเลือกความเร็วเท่าไหร่ คีย์เพลงอะไร ฟีลลิ่งแบบไหน AI โดยทุกครั้งที่กดสุ่ม ก็จะสุ่มให้เราเลือกประมาณ 3 แบบ แต่ถ้ายังไม่ชอบก็กด generate ได้ แต่ถ้าเราโอเคแล้ว โปรแอกรมก็จะสร้างเป็น Region Track ต่าง ๆ มี MIDI เป็นโน้ตขึ้นมาเลย ฟังก์ชั่นนี้ก็ช่วยจุดประกายไอเดียของเราได้เร็วขึ้น 

Track ที่น่าสนใจในกรณีเลือก New Project

มาดูแบบปกติกันบ้าง ในกรณีที่เราเลือก New Project ตัวโปรแกรมก็จะถามเราว่าอยากสร้าง Track แบบไหน

Voice  / Audio : Track สำหรับอัดเสียงใหม่ ทั้งเสียงร้อง เครื่องดนตรี

Instruments : Track สำหรับ MIDI เสียบต่อคีย์บอร์ดใบ้

Drum Machine : Track สำหรับสร้างไลน์กลองโดยเฉพาะ

ทั้งสามเป็น Track ที่น่าจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ที่อยากแนะนำเพิ่มเติมคือ Track ต่อไปนี้

Sampler : Track ที่มีช่อง Drum Pad สำหรับใส่เสียง ไม่ว่าจะ Record ใหม่ หรือ Import เสียงที่เรามีอยู่ในเครื่อง หรือ Browse เสียงจากของ BandLab เอง มาอยู่ใน Drum Pad โดย Drum Pad ก็จะมีตัวอักษรตามแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดของเรา ทำให้เราสามารถสร้าง Drum Pad ของเราและเล่นเสียงนั้นได้สะดวกขึ้น

ในกรณีที่เราเลือก Browse เสียงของโปรแกรมเข้ามา เรายังสามารถเลือก Set Kit เสียงที่ใกล้เคียงกันตามแนวที่เราเลือก เรียกว่าใช้เสียง Set เดียวในการทำทั้งเพลงได้เลย

เสียงต่าง ๆ เรายังปรับแต่งได้ด้วย เช่น pitch สูงต่ำ Attack ของเสียง Crop เสียงได้ Reverse ได้ รวมถึงใส่ effect ต่าง ๆ ได้ เรียกว่าสะดวก ทำงานได้เร็วขึ้นมาก ๆ

ในการกด Drum Pad ยังมีฟังก์ชั่นให้เราปรับ เช่น กดค้างเพื่อให้เล่นเสียงตามที่เราต้องการจนกว่าจะยกออก หรือปรับให้กดทีเดียวแล้วยกออกเพื่อเล่นเสียงทั้งหมดในปุ่มนั้น ๆ หรือปรับ Loop ปรับ One Shot ก็ได้

ในการ Record เราก็กด Drum Pad เพื่อสั่งให้สร้างเป็น MIDI เสียง เหมือนกับ Track Instrument ทั่วไป สามารถปรับโน้ตได้ ลบหรือเพิ่มเองได้ หรือจะ quantize ก็ได้ เรียกว่าทำเหมือนกับ Track Instrument ทั่วไป Track Sampler จะมีฟังก์ชั่นที่ช่วยให้เราสร้าง Drum Pad ของเรา และสร้างเสียงต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

Guitar & Bass : Track สำหรับอัดกีตาร์หรือเบส ที่ตัว Track จะมี Input ขึ้นให้เราเลือกแหล่งที่มาของเสียง ซึ่งเราสามารถปรับให้ตรงกับกีตาร์หรือเบสที่ต่อเข้ากับโปรแกรมอยู่ ก็เรียกว่าเป็น Track ที่ช่วยให้เราอัดได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการตั้งค่าเฉย ๆ 

ใส่ Reverb หรือ Pan ได้ มี Tuner สำหรับการตั้งสายด้วย ก็เรียกว่าสะดวกขึ้นกว่าเราไปสร้าง Track Audio ทั่วไปขึ้นนิดนึง แต่ลักษณะเสียงที่ได้ก็เป็น wave ไม่ต่างกัน 

การปรับเสียงร้องใน Track Voice / Audio เพิ่มเติม

ขอกลับมาอธิบาย Track Voice / Audio เพิ่มเติม ฟังก์ชั่นที่สำคัญ คือการปรับเสียงที่เราอัดมา ในที่นี้ขอพูดถึงเสียงร้องเป็นหลัก นั่นคือการ tune ต่าง ๆ โดยในกรณีที่เราร้องไม่ตรงกับเมโลดี้ เราสามารถ AutoPitch เสียงของเราตามคีย์ของเพลงเราได้ แต่ก็ต้องเช็คด้วย บางทีมัน Auto ให้เราไม่ตรง

ซึ่ง AutoPitch จะยังทำงานร่วมกับ preset ที่ช่วยปรับเสียงของเราตามฟีลลิ่งที่ต้องการได้ เช่น Sci Fi , Hip Hop , Hyperpop , Essential โดยเราสามารถเลือกปรับเสียงให้เป็นสเกลตามต้องการได้อีก เช่น Chromatic , Major , Minor ซึ่งถ้าเราเลือก Major โปรแกรมก็จะรู้ว่าต้องปรับเสียงของเราให้เป็นไปตามโน้ตในสเกลเท่านั้น ไม่สามารถมีโน้ตนอกสเกลได้

เรายังสามารถเลือกความเข้มข้นของ AutoPitch ได้ ว่าอยากให้มันปรับตรงเป๊ะมากน้อยแค่ไหน ถ้าเราปรับเข้มข้นมาก การเอื้อนต่าง ๆ ก็จะหายไป ก็จะเป็นการร้องทื่อ ๆ  เพราะลูกเอื้อนมันถือว่าเป็นโน้ตนอกสเกลที่เราตั้งไว้ ก็ต้องปรับบาลานซ์ให้ดี

ในกรณีที่เราเลือก Essential ก็จะมีฟังก์ชั่งที่ปรับเฉพาะกับฟีลลิ่งนี้อย่างการ Duet ที่ทำให้เสียงเกิดไลน์ประสานเป็นคู่ 3 ขึ้นมา หรือ Harmony ที่ทำให้เสียงของเราประสานกันมากกว่า 2 เสียง หรือกำลังประสานกันเป็นคอร์ด

ซึ่งในกรณีที่เราเลือกอื่น ๆ เช่น Hip Hop ก็จะมีให้เลือกอย่างอื่นแทน ทั้ง Modern Rap ที่สร้างไลน์เสียงต่ำขึ้นมา หรือถ้าเลือก Sci Fi ก็จะเป็นเสียงแบบ Robot แทน

ปุ่มต่าง ๆ ในหน้าต่างโปรแกรม

เรามาพูดถึงปุ่มต่าง ๆ กันบ้าง 

แถบด้านบนของโปรแกรม

  • Undo & Redo : ลูกศรซ้ายขวามุมซ้าย ที่ช่วย Undo ย้อนกลับไปยังสิ่งที่เราทำก่อนหน้า หรือกรณีที่เราย้อนกลับมากเกินไป ก็ Redo ไปการกระทำล่าสุดของเราได้
  • Metronome : ให้เสียงจังหวะ เลือกความเร็ว เลือกเสียง เลือกความดัง ปรับความสั้นยาวของ countdown ก่อนเริ่มอัด
  • Bpm : ปรับความเร็วเพลง
  • สัดส่วนจังหวะที่เป็นตัวเลข 4/4 : ปรับได้ว่าเป็น 4/4 3/4 6/8 หรืออื่น ๆ
  • Key : กำหนดคีย์ต่าง ๆ อันนี้ปรับให้ตรงตามเพลงของเราก็ดี เพราะอาจจะมีผลต่อการปรับฟังก์ชั่นอื่น ๆ เช่น การปรับ AutoPitch 
  • รูปลำโพง : เป็นการปรับเสียงมาสเตอร์โดยรวม แนะนำอย่าปรับ เพราะอาจะทำให้เสียงที่เราทำเสียงสมดุล ให้ปรับที่หูฟังหรือลำโพงของเราแทน
  • Mastering : จะช่วยปรับให้เรา export เพลงที่เราทำได้ทำการมิกซ์ไปแล้ว โดยจะปรับ Gain ให้เพลงของเรามีความดังเพียงพอต่อการเอาไปใช้ เสียงที่ได้จะเต็ม คมชัด ใส หรือสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งมีหลาย preset ให้เลือกใช้ 

แถบด้านซ้ายเหนือ Track

  • Add Track : สร้าง track เพิ่ม
  • Automation (เส้นเฉียงขึ้น) : ช่วยควบคุม parameter ณ ช่วงเวลานั้น ส่วนใหญ่ใช้กับ Volumn เช่น ปรับให้เสียงค่อย ๆ ดังขึ้หรือเบาลงในช่วงนั้น ๆ
  • Stretch(ลูกศรขยาย) : ช่วยให้เรายืดหรือหด region ทำให้เสียงเร็วขึ้นหรือช้าลง

แถบด้านขวา

  • Snap to Grid (รูปแม่เหล็ก) : ทำให้เราขยับ region , MIDI ตามกริดของหน้าโปรแกรม
  • แว่นขยาย : Zoom in , Zoom Out

แถบด้านล่างที่จะปรากฏเมื่อกด track

  • Instrument : กดเพื่อเรียก piano roll สำหรับใช้คีย์บอร์ดในการเล่นโน้ต
  • Smart Key : ปรับ piano roll ให้เหลือแต่โน้ตตามคีย์ของเรา หรือก็คือตัดลิ่มที่เป็นโน้ตนอกคีย์ออก
  • Smart View : ตัดโน้ตที่ไม่อยู่ในคีย์ ในหน้า MIDI editor ซึ่งเราสามารถปรับคีย์ที่ต้องการ เพื่อตัดโน้ตที่อยู่นอกคีย์ออกได้

ปุ่มต่าง ๆ ใน track

  • M : Mute เสียง ไม่ฟัง track นี้
  • S : Solo ได้ยินแค่ track นี้
  • วงกลม L R : pan เสียงซ้ายขวา
  • เส้นข้างวงกลม LR : ปรับความดังของ track

แถบด้านขวาล่าง

  • Lyric / Notes : ปุ่มใส่เนื้อเพลง หรือโน้ตคำต่าง ๆ 
  • BandLab Sound : คลัง Sample ของโปรแกรม สามารถเลือกเสียงและลากมาใส่ใน track ของเราได้ โดยจะปรับความเร็วให้เข้ากับ Bpm ที่เราตั้งไว้ ซึ่งเราสามารถสร้างเป็นคอลเล็คชั่นที่เราใช้บ่อย ๆ ได้
  • Shortcuts : กดดูคีย์ลัดต่าง ๆ และสามารถปรับคีย์ลัดตามที่เราต้องการได้

เรียกว่าเจาะลึก BandLab กันแบบละเอียดแทบจะทุกฟังก์ชั่นแล้ว แนะนำว่าให้ลองใช้โปรแกรมด้วยตัวเอง และสังเกตดูว่าปุ่มไหนทำอะไร ใช้งานยังไง เพื่อให้เราจดจำจากการทดลองใช้เอง ซึ่งจะช่วยให้เราจำได้ดีกว่า รวมถึงจะได้รู้ว่ามีฟังก์ชั่นไหนที่เราน่าจะต้องใช้เป็นประจำ ก็จะทำให้เราชินกับมันได้เร็ว ใช้คีย์ลัดต่าง ๆ ได้คล่องขึ้น ช่วยให้การทำเพลงของเรารวดเร็วขึ้นนั่นเองครับ

สำหรับใครที่สนใจในการทำเพลง เรามีคอร์สเรียนต่าง ๆ ทั้งการใช้โปรแกรม DAWs เบื้องต้นสำหรับการทำเพลง รวมถึงทฤษฎีดนตรี การแต่งเพลง การเรียบเรียงดนตรี และอื่น ๆ ที่ช่วยให้คุณทำเพลงได้แบบมืออาชีพ สามารถติดต่อและดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Verycatsound หลักสูตร The Real Producer หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนครับ


สนใจเรียนทำเพลงอย่างจริงจังกับ VERYCATSOUND?
.
VERYCATSOUND Membership เริ่มต้นเส้นทางโปรดิวเซอร์ของคุณด้วยคลาสเรียน Exclusive รายเดือนในราคาที่เข้าถึงได้
► ดูรายละเอียดและสมัครเลย: https://verycatsound.com/join-member/
.
หลักสูตรเต็ม The Real Producer “ลึกและตรงประเด็น” สำหรับผู้ที่พร้อมจะไปให้สุดทาง สู่การเป็นโปรดิวเซอร์มืออาชีพอย่างเต็มตัว
► สอบถามหลักสูตร: LINE Official @verycatacademy คลิก: https://line.me/ti/p/@verycatacademy

ติดต่อจ้างทำเพลง / อื่นๆ
► LINE: @verycatsound
► โทร: 085-666-2425

#VeryCatSound #TheRealProducer #สอนทำเพลง #เรียนทำเพลง #โปรดิวเซอร์ #bandlab #musicproducer #program

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.