รายละเอียดเนื้อหาคอร์ส

PART 1: The Songwriter’s Toolkit (สร้างกลไกที่จำเป็น)

ครั้งที่ 1: “สถาปัตยกรรมของเพลง” (Song Architecture & Modern Form)

• ทำไม: เข้าใจ “พิมพ์เขียว” ที่เพลงฮิตใช้ เพื่อสร้างเพลงที่มีทิศทาง
• เนื้อหา:
  • องค์ประกอบของดนตรี (Music Components) ที่นักแต่งเพลงต้องควบคุม
  • หน้าที่และการทำงานของแต่ละท่อน (Verse, Pre-Chorus, Chorus, Bridge Functions)
  • การวิเคราะห์ “โครงสร้างเพลงป๊อป” (Modern Pop Structure) vs. โครงสร้างคลาสสิก (A-B Form)
  • Case Study: วิเคราะห์โครงสร้างเพลงยุคใหม่ที่หลากหลาย (Non-Linear Forms) เทียบกับเพลงยุคก่อน
  • เทคนิคการใช้ Dynamic และ “โครงสร้างการเรียบเรียง” (Arrangement Form) เพื่อเล่าเรื่อง
  • Workshop: การออกแบบโครงสร้างเพลงของตัวเอง

ครั้งที่ 2: “ศาสตร์แห่งทำนองและจังหวะ” (Melodic & Rhythmic Crafting)

• ทำไม: สร้างเมโลดี้ที่ “ติดหู” ด้วยการ “เลือกโน้ต” และ “วางจังหวะ” อย่างชาญฉลาด
• เนื้อหา:
  • รูปแบบการเคลื่อนที่ของทำนอง (Melodic Motion: Static, Conjunct, Disjunct)
  • การพัฒนา “ท่อนจำ” (Motif Development) และ “ฮุค” (Hook)
  • การออกแบบ “แพตเทิร์นจังหวะ” (Rhythmic Pattern) ให้สมเหตุสมผลและสมมาตร (Symmetry)
  • ข้อควรระวัง (Common Pitfalls) ในการสร้างประโยคเพลง (Phrasing) ที่มือใหม่มักพลาด
  • เทคนิคการ “เลือกโน้ต” (Note Selection) ให้สัมพันธ์กับคอร์ด (Chord Tones vs. Non-Chord Tones)
  • กลยุทธ์การสร้างทำนองเพลง (Melody Generation Strategies & Methods)
  • การใช้ “โน้ตโครมาติก” (Chromatic Notes) เบื้องต้น เพื่อสร้างทางผ่าน (Passing Tones) หรือเพิ่มสีสัน (Color)
  • การใช้ “บลูส์ โน้ต” (Blue Notes – b3, b5, b7) เพื่อสร้าง “สำเนียง” (Accent) และ “รสชาติ” (Flavor)

ครั้งที่ 3: “ศาสตร์แห่งการเล่าเรื่อง” (Lyrical Storytelling)

• ทำไม: การวาง “คำ” และ “คอนเซ็ปต์” คือหัวใจของการเล่าเรื่อง
• เนื้อหา:
  • 3 Workflow การเขียนเพลง: (Melody-first vs. Lyric-first vs. Rhythmic/Chordal-first) และการทำให้ทำนองกับเนื้อร้องไปด้วยกัน
  • แก่นการเขียนเนื้อเพลง (Lyric Concepts): การสื่อสาร (Communicate), การเชื่อมโยง (Relate)
  • การสร้าง Concept, Title, และการออกแบบจุด “Peak” และ “Opening” ของเพลง
  • เทคนิคการวาง “คำไทย” (Prosody) กับทำนอง: การจัดการวรรณยุกต์และคำเน้น (Emphasis) ให้เข้ากับทำนองและจังหวะ (Melody & Rhythm) อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ขัดเขิน

ครั้งที่ 4: “ไวยากรณ์ของอารมณ์” (Harmonic Progression & Function)

• ทำไม: เข้าใจ “หน้าที่” ของคอร์ด เพื่อ “เล่าเรื่อง” ไม่ใช่แค่ “วางคอร์ด”
• เนื้อหา:
  
  • ความสัมพันธ์ของ Scale และ “กลุ่มหน้าที่คอร์ด” (Chord Classes/Functions: Tonic, Subdominant, Dominant)
  • การสร้าง “แผนที่ทางเดินคอร์ด” (Chord Mapping) เพื่อการใช้งานจริง
  • การวิเคราะห์ Progressions ที่พบบ่อย (Major/Minor Cadence, Andalusian, etc.)
  • การใช้ Diatonic Chords (I, ii, iii, IV, V, vi) เพื่อสร้าง Movement และ Resolution

PART 2: The Modern Pop Mechanics (ถอดรหัส Case Study)

ครั้งที่ 5: ถอดรหัส K-POP / T-POP

• ทำไม: วิเคราะห์ “สำเนียง” และเทคนิคที่ทำให้เพลง K-Pop/T-Pop โดดเด่น
• เนื้อหา: (Pillar 2)
  • Case Study (เช่น NewJeans, BLACKPINK, T-Pop):
  • วิเคราะห์การใช้ “Topline” (เมโลดี้) ที่เน้นจังหวะ
  • การสร้าง Dynamic และโครงสร้างการเรียบเรียง (Arrangement Form) ที่เร่งอารมณ์
  • การวิเคราะห์ทำนอง (Melody Analysis) และเทคนิคการฝึกฝน (Practice Methods)

ครั้งที่ 6: ถอดรหัส J-POP / INTER

• ทำไม: วิเคราะห์การเล่าเรื่องและความซับซ้อนในเพลง J-Pop และ Inter
• เนื้อหา: (Pillar 2)
  • Case Study (เช่น YOASOBI, Fujii Kaze, Western Pop):
  • J-Pop: วิเคราะห์เมโลดี้ที่ “ซับซ้อน” (Complex Melodies) และคอร์ดที่ “สีสัน”
  • Inter Pop: วิเคราะห์การเล่าเรื่อง (Storytelling) และโครงสร้างที่เน้น Bridge
  • การวิเคราะห์โครงสร้างการเรียบเรียง (Arrangement Form) ที่ส่งผลต่อการเล่าเรื่อง

PART 3: The Next Level (ปูทางสู่ Lv.3)

ครั้งที่ 7: “สีสัน” ขั้นสูง

• ทำไม: แง้มเทคนิคการใช้ “Chromaticism” (โน้ตนอกคีย์) เพื่อสร้างเพลงที่ “เหนือชั้น” กว่า Diatonic
• เนื้อหา: (Pillar 3)
  • Chromaticism 101: การทำงานของโน้ตนอกคีย์ (Non-Diatonic Tones)
  • “Modal Interchange”: การยืมคอร์ดจาก Minor (Borrowed Chords) – iv, bVII, bVI
  • “Secondary Dominants” (V/V, V/vi): การสร้างแรงส่งนอกคีย์ (Non-Diatonic Resolution)

ครั้งที่ 8: “ความซับซ้อน” และ Workshop

• ทำไม: นำทุกอย่างมารวมกัน และเตรียมพร้อมสู่ Lv.3
• เนื้อหา: (Pillar 3)
  • “Chord Extensions” (Tensions): การใช้ 9, 11, 13 เพื่อเพิ่มมิติ
  • “Chord Alteration”: การ “ดัดแปลง” คอร์ดเบื้องต้น (Simplify) – เปลี่ยน 1-2 โน้ต (semitone)
  • “Harmonic Substitutions”: การใช้คอร์ดแทน (เช่น Tritone Sub)
  • Final Workshop & Modern Application:
    • การวิเคราะห์ทำนอง (Melody Analysis) และรับ Feedback เพลงที่นักเรียนแต่ง
    • การประยุกต์ใช้ความรู้ทั้งหมด (Form, Phrasing, Prosody) เพื่อ “Humanize” หรือแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในเพลงที่สร้างโดยเทคโนโลยีสมัยใหม่ (AI-Generated Music)