Chord Progression หรือก็คือทางเดินคอร์ด ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราจะไม่รู้จักไม่ได้เลย เพราะมันคือรากฐานในการแต่งเพลงต่างๆ และช่วยให้เราสามารถคิดเพลงได้ง่ายขึ้น ซึ่งวันนี้ใครที่เป็นมือใหม่และยังไม่รู้จัก Chord Progression ว่ามีตัวไหนเป็นที่นิยมบ้าง วันนี้พวกเราก็จะมาดูกันครับว่ามีอะไรบ้างกับ
6 Chord Progression ยอดนิยม รู้ไว้ใช้ทำเพลงได้สารพัด
Chord Progression ตัวนี้รถือเป็นคอร์ดที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดตัวนึงเลย จนได้ชื่อว่า “The Most Popular Progression” หรือคอร์ดที่ดังที่สุด เพราะมันสามารถเอาไปใช้ได้หลายแนวมากๆ ตั้งแต่ Post-punk ยังแนว Country
เป็นอีกคอร์ดที่ถ้าเล่นแล้วจะให้ความรู้สึกที่เต็มอิ่มตลอดเวลาเลย เพราะทุกครั้งที่เล่นจะให้อารมย์ที่สดใหม่อยู่ตลอด แม้จะเล่นในแนวอื่นก็ตาม และถูกใช้งานในเพลง Pop เยอะมากๆถ้าหากเราฟังดีๆ เช่น “I’m Yours” ของ Jason Marz หรือ “Take On Me” ของ A Ha
I – IV – V เป็นอีก Chord Progression ที่ถูกใช้เยอะในเพลงสากล โดยเฉพาะเพลง Rock เพราะถือว่าเป็นคอร์ดที่เล่นง่าย ใช้ง่าย แค่เล่น I – IV – V – IV แล้วกลับวนหลูปแบบนี้ได้จนจบเพลง แถมยังสามารถต่อยอดไปเป็น 12 Bar Blues ได้อีกด้วยเพียงแค่เพิ่มห้องในการเล่นขึ้นมา เพลงดังๆก็เช่น “Twist And Shout” ของ The Beatles
Chord Progression สำหรับสาย Jazz ที่ใครเป็นสายนี้จะรู้จักดีแน่นอน เพราะมันคือคอร์ดที่สำคัญที่สุดสำหรับเล่นเพลง Jazz และทุกคนที่เป็นนักดนตรีสายนี้ต้องฝึกเล่นไว้ตลอด ซึ่งนอกจากจะเป็น Chord Progression พื้นฐานสำหรับแนว Jazz ยังมีเพลง R&B หลายเพลงใช้คอร์ดตัวนี้อยู่เหมือนกัน เช่นเพลง “Sunday Morning” ของ Maroon 5
Chord Progression หรือก็คือ I-IV-V ที่เพิ่มห้องขึ้นมาในแต่ละคอร์ด ที่ได้อารมย์มากขึ้น แต่จะแตกต่างจาก Progression ตัวอื่นๆที่ผมได้กล่าวมา เพราะอย่างที่กล่าวไปตัวนี้ 1 คอร์ดต้องเล่นหลายห้อง ไม่เหมือนกับตัวบนๆที่จะเล่น 4 คอร์ดจบในห้องเดียว นิยมใช้กันในเพลง Rock ‘n’ Rolls เป็นส่วนมาก
ถ้าหากยังนึกภาพไม่ออกผมแนะนำว่าให้ลองฟังเพลงของ “Johnny B. Goode” ของ Chuck Berry หรือเพลง “Hound Dog” ของ Elvis Presley ดูได้ครับ
Chord Progression ตัวนี้ไม่รู้จักไม่ได้ เพราะถือเป็นคอร์ดอีกตัวที่ได้รับความนิยมมากๆตัวนึงบนโลก เพราะสามารถใช้ได้หลากหลายแนว และได้หลายอารมย์มาก เป็นอีกหนึ่งคอร์ดที่ถ้าเราฟังดีๆเราจะรู้ได้ทันทีว่ามีศิลปินหลายคนใช้กันเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่นเพลง “Hello” ของ Adele
หรือเพลง “Stand by me” ของ Ben E. King ก็ใช้ Chord Progression ตัวนี้นั่นเองครับ
ถ้าหากคุณคิดว่า Chord Progression ตัวนี้มาจากเพลง Canon ที่เป็นดนตรีคลาสสิคละก็ ขอบอกเลยว่าถูกต้องแล้วครับ เพราะคอร์ดตัวนี้เป็นคอร์ดที่อิงมาจากตัวเพลง Canon แถมยังเป็นที่นิยมในหมู่ศิลปินดังๆอีกด้วย ซึ่งคอร์ดตัวนี้นอกจากจะให้อารมย์ที่ลึกซึ้งแล้ว ยังยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยน Progression ได้อีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะไปเปลี่ยนกันในห้องที่ 5 ขึ้นไป เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเพลง ซึ่งมีหลายเพลงดังๆที่ใช้คอร์ดนี้แต่ก็มีปรับเพื่อให้หลายๆคนฟังแล้วรู้สึกไม่ซ้ำกับคนอื่น
เช่นเพลง “Attention” ของ Charlie Puth, หรือเพลง “Never Gonna Give You Up” ของ Rick Astley
แน่นอนว่าหลายอาจจะฟังแล้วไม่รู้มาก่อนว่ามันคือ Canon Chord Progression
แต่ใครที่จะใช้ Chord Progression ตัวนี้และอยากจะปรับเปลี่ยนคอร์ดละก็ ขอแนะนำว่าให้รู้เรื่องทฤษฏีดนตรีมาระดับนึงก่อน เพราะไม่ใช่ว่าจู่ๆ เราจะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้นะครับ
ใครยังไม่รู้ว่าต้องใช้ Chord Progression ยังไง แล้วต้องรู้ทฤษฏีอะไรบ้าง ผมของแนะนำ The Real Producer หลักสูตรที่จะสอนทฤษฏีดนตรีให้เข้าใจง่าย และใช้งานได้จริง ตั้งแต่ไม่มีความรู้พื้นฐานเลยจนระดับ Advanced หากสนใจสามารถติดต่อแอดมินทางไลน์ @verycatacademy หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก link ด้านล่างสุดท้ายบทความได้ครับ
—————————
VERY CAT SOUND
Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
.
รับ demo คอร์สเรียนฟรี และข้อมูลหลักสูตรเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่
www.verycatsound.academy/funnel01
ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound
ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
โทร. 085666242