Counter Point เป็นคำที่คนทำเพลงหลายคนอาจเคยได้ยิน หรืออาจจะไม่เคยเลย เนื่องจากต้องเป็นการเรียนการทำดนตรีในระดับที่ค่อนข้างสูง ถึงจะได้เรียน และโดยมากมักสอนเฉพาะในมหาวิทยาลัยซะส่วนมาก
Counter Point ถ้าแปลแบบตรงตัวคือ “จุดสวน?” แต่ในความหมายทางดนตรีที่แปลมาเป็นภาษาไทยแล้วฟังดูเข้าใจง่ายที่สุดคือ “การสอดประสานแนวทำนอง”
มันหมายความว่ายังไง การสอดประสานแนวทำนอง ผมจะอธิบายแบบนี้ละกันนะครับ
เราอาจเคยได้ยินเรื่อง 4 Part Writing มาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการแต่งแนวประสานทำนองสี่แนว ซึ่งหลักๆจะเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ในแนวตั้ง ที่คิดจากคอร์ดเป็นหลัก นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในดนตรียุค Classic แต่ที่จริงแล้วมันมีสิ่งที่กำเนิดมาก่อนหน้านั้น คือในยุค Baroque ที่ยังไม่ได้ใช้การประพันธ์ดนตรีด้วยการใช้คอร์ดเป็นหลัก โดยก่อนหน้านั้นเพลงจะถูกคิดเป็น สองไลน์ หรือสองแนวประสาน ยังไม่ใช่ 4
ทีนี้พอเป็นแค่ สองไลน์ประสาน มันเลยยังไม่ใช่ระบบคอร์ด แต่ทีนี้หลักการคิดเสียงประสานให้มันจะคิดยังไงกันล่ะ? นี่แหละคือที่มาของวิชา Counter Point
CounterPoint คือวิธีในการแต่งเพลงในยุค Baroque ส่วนใหญ่ ที่ Composer ยุคโบราณใช้ มันคือการศึกษาว่า ถ้าเรามีแนวทำนองหลักอยู่ 1 แนว ที่เราแต่งเอาไว้แล้วเป็นเมโลดี้ แล้วเราต้องการแต่งแนวทำนองประสานขึ้นมาอีก 1 แนว ให้มันมีความสอดคล้อง สอดประสานกัน ได้อย่างสวยงามลงตัว มันจะมีวิธีทำยังไง โดยไม่ได้คิดจากคอร์ด แต่คิดจากขั้นคู่เสียงเป็นหลัก (เป็นยุคก่อนที่จะเกิดการสถาปนา Major Scale และ Chord ขึ้นมา) โดยบทเพลงในยุค Baroque นั้นจะมีความโดดเด่นที่การใช้การประพันธ์รูปแบบนี้ซะส่วนมาก ที่จะรู้สึกว่า ดนตรีสองไลน์เป็นแนวประสานที่ดูเหมือนเป็นอิสระจากการ ไม่ได้ใช้รูปแบบการวางคอร์ดเป็น block และโน้ตที่ดูเป็นไลน์เบส จะมีลีลาที่ลื่นไหล เต็มไปด้วยการประดับประดา เฉกเช่นเดียวกับ ศิลปะยุค Baroque อื่นๆที่เน้นการประดับประดา เว่อร์วัง อลังการ
Counter Point แบ่งการศึกษาออกเป็น 5 Species ตามสัดส่วนของตัวโน้ต โดยเพิ่มระดับความละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ โดยมักต้องมีแนวทำนองตั้งต้นก่อน 1 แนว (มักนำมาจากโน้ตเพลงสวดในโบสถ์ยุคโบราณ) อาจเป็นรูปแบบ Scale หรือ Mode ก็ได้ โดยนำแนวทำนองนั้นมาตั้ง แล้วสร้างทำนองอีกแนวหนึ่งขึ้นมาให้เล่นคู่ไปกับทำนองเดิม แต่ให้มีความสอดคล้อง สอดประสานกัน และมีลีลาที่สวยงาม บางทีก็ฟังประสานกัน แต่ในบางจังหวะก็ฟังดูเป็นไลน์ของตัวเอง เล่นพร้อมกันบ้างไม่พร้อมกันบ้าง เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน สามารถฟังแยกแต่ละไลน์ก็ยังไพเราะในตัว แต่พอฟังรวมกันก็เข้ากันได้อย่างไพเราะกลมกลืน มีลีลาที่น่าสนใจ
ที่จริงไม่ใช่เพียงแค่เพลงในสไตล์ Baroque เท่านั้น Counter Point ยังเป็นรากฐานสำคัญของการคิดทำนองที่มีความซับซ้อนแต่สอดประสานกัน เป็นรากฐานในยุคต่อๆมา จนถึงยุคปัจจุบัน#เราศึกษาCounterPointไปเพื่ออะไร?
ประโยชน์ของการศึกษาวิชานี้คือ
1. แน่นอนว่าคุณจะทำเพลงแนว Baroque เป็น
2. คุณสามารถคิดดนตรีแค่ 2 line ที่ซับซ้อน สอดประสาน และไพเราะได้
3. คุณจะละเอียดกับตัวโน้ตและคู่เสียงมากขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ดนตรีทุกแนวที่คุณแต่งจะมีความละเอียดอ่อน พิถีพิถันมากขึ้น
4. บ่มเพาะ Sense ของการสร้างแนวทำนองหรือ Melody ที่ดี
5. สามารถประยุกต์มาคิดไลน์ดนตรีต่างๆในยุคปัจจุบัน หรือไลน์ Counter Melody ได้อย่างเหนือชั้นและน่าสนใจ
คนทำเพลงทุกคนที่อยากเก่ง อยากเป็นเลิศในสิ่งที่ทำ อยากจริงจัง อยากทำเป็นอาชีพ อยากเรียนแบบที่มหาวิทยาลัยดนตรีสอนครับ
Counter Point เป็นส่วนหนึ่งของวิชา VCA302 Advance Harmony
ในหลักสูตร The Real Producer ของ VERY CAT ACADEMY
หากใครที่สนใจวิชาทำเพลงที่เป็น Harmony ระดับลึกแบบนี้ เราขอนำเสนอหลักสูตร เรามีสอนตั้งแต่ระดับขั้นต้นไปจนถึงขั้นกลางและสูง ติดต่อได้ที่แอดมินเลยครับ
—————————————————
VERY CAT SOUND
Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
.
รับ demo คอร์สเรียนฟรี และข้อมูลหลักสูตรเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่
www.verycatsound.academy/funnel01
ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound
ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy