สิ่งที่ผมเจอบ่อยมากกับคนที่เข้ามาปรึกษาเรื่องการทำเพลง คือในยุคนี้ที่อะไรๆมันรวดเร็วไปหมด คนส่วนใหญ่ที่เพิ่งเริ่มทำเพลง เข้าใจความหมายของการทำเพลง หรือแก่นแท้ ของมันผิด
ถ้าถามผมว่า ที่จริงแล้วการทำเพลง หรือทำดนตรี คืออะไร คำตอบมันก็คงเรียบง่ายว่า มันก็คือการเอาเสียงมาเรียงกันอย่างมีศิลปะ เพื่อให้เกิดความงาม หรือความไพเราะ ฟังดูไม่ยาก แต่ภายใต้คำว่า “เอาเสียงมาเรียงกัน” นั้น มีศาสตร์ของมันที่มีความลึกค่อนข้างมากอยู่ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าดนตรี
ศาสตร์ของดนตรีนั้น ลึกและต้องใช้เวลาเรียนค่อนข้างมาก กว่าจะสำเร็จวิชา และมันไม่มีทางลัด
แต่ในขณะที่โลกทุกวันนี้หมุนเร็วขึ้นๆ จนสิ่งต่างๆฉาบฉวยไปหมด หลายคนเลยอาจคิดว่า น่าจะมีวิธีสำหรับทำดนตรีโดยเป็นทางลัด และใช้เวลาไม่มากได้ เหมือนอย่างที่มีโปรแกรมอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมไปถึง AI
ถ้าถามว่ามันมีไหม? มันก็มีแหละครับ แต่ทางลัดก็คือทางที่ทำให้คุณได้ผลลัพธ์ซึ่งเป็นตัวเพลงออกมาโดยไว แต่ไม่เกี่ยวกับว่ามันเป็นผลงานที่ดีหรือไม่ และก็ไม่เกี่ยวกับว่าคุณเข้าใจสิ่งที่คุณทำรึเปล่า หรือคุณได้ทำมันเองรึเปล่า
เพราะแม้จะมีเครื่องมือต่างๆพวกนี้มากมาย แต่โปรดิวเซอร์หลายๆคนที่ผมรู้จัก ล้วนแล้วแต่ปฎิเสธการใช้เครื่องมือพวกนี้ทั้งสิ้น รวมไปถึงเหล่านักเรียนที่ติดต่อเข้ามาเพื่ออยากเรียนกันแบบจริงจัง แบบรู้จริง ก็ไม่ค่อยมีใครที่ชอบใช้เครื่องมือพวกนี้เท่าไร เพราะสุดท้ายแล้ว มากกว่าการได้รับผลลัพธ์ซึ่งเป็นเพลงที่สำเร็จแล้ว ทุกคนอยาก “เข้าใจดนตรี” และ “ภูมิใจ” ที่ได้ “ทำเองเป็น”
การเรียนรู้ Mechanic ของดนตรีจนเข้าใจและทำเองเป็น มันจะทำให้คุณเข้าใจแก่นแท้ของดนตรีจริงๆ ว่าที่จริงแล้ว การทำเพลง แก่นแท้ หรือสิ่งที่สำคัญจริงๆของมันอยู่ตรงไหนกันแน่ เพราะปัจจุบันนี้ มีความเข้าใจผิดมากมาย ว่าแก่นแท้ของมันคืออะไร
โปรแกรมนั้นเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่เอาไว้อำนวยความสะดวกให้เราทำเพลงได้สะดวกขึ้นในยุคปัจจุบันเท่านั้นเองครับ มันไม่ต่างจากการที่เราเขียนบรรทัดห้าเส้นเป็น เป็น UX/UI คนละยุคสมัยเฉยๆ แต่ต่อให้คุณจะเขียนโน้ตเก่งแค่ไหน หรือใช้โปรแกรมไหนเทพแค่ไหนก็ตาม มันไม่ได้ทำให้คุณทำเพลงที่ดีออกมาได้ ถ้าคุณปราศจากความเข้าใจเรื่องการออกแบบดนตรี หรือทำนองตัวโน้ต และไม่รู้ว่าจะใส่โน้ตหรือคอร์ดอะไรลงไปตรงไหน ฉะนั้นการใช้โปรแกรมจริงๆแล้วมันเป็นเพียงส่วนเล็กๆของการทำเพลงเท่านั้นเอง เรียนรู้ไม่นาน แป๊ปเดียวพอใช้เป็นก็จบ แต่ก็มีเรื่องอื่นๆที่คุณต้องไปเรียนรู้อีกมากมาย
ช้าก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะสบประมาทการมิกซ์ว่าไม่สำคัญ แน่นอนว่ามันเป็นกระบวนการหนึ่งที่สำคัญในการทำเพลงครับ แต่ถ้าถามว่ามันสำคัญกว่าการ Compose , Arrange หรือดีไซน์ของตัวเพลงหรือไม่ คงต้องตอบว่าไม่ครับ ไม่มีทางสำคัญกว่าแน่ๆ และเป็นสิ่งที่ผมขอยืนยันตามที่ผมพูดไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม คุณลองคิดง่ายๆว่า ถ้าเพลงที่แต่งเอาไว้ดีมาก ประพันธ์ไว้สวยงาม ทั้งโน้ต เมโลดี้ ทำนอง คอร์ด การเรียบเรียงเครื่องดนตรี เสียงประสานทุกชิ้น แล้วมีการเล่นสด คุณไปคอนเสิร์ตๆนั้น แล้วอัดเสียงไว้ กลับมาฟัง ต่อให้เสียงอู้อี้ไม่ชัดเจน คุณก็ยังรับรู้ได้ว่ามันงดงาม ไพเราะ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเกิดเป็นเพลงที่แย่มากๆ ร้องไม่เพราะ ร้องเพี้ยน เครื่องดนตรีเล่นมั่ว เล่นผิด เสียงกัดกัน ชนกัน เล่นผิดคีย์ คนละคีย์ ตีกันไปหมด ไม่มีความลงตัวสวยงามของตัวโน้ต ทำนอง หรือคอร์ด แต่บันทึกเสียงมาดีมาก ผ่านการ mix – mastering มาแบบสมบูรณ์แบบ ต่อให้คุณภาพเสียงดีแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเพราะขึ้นมาได้หรอกครับ อย่างที่บอก ผมไม่ได้ดูแคลนอาชีพ Sound Engineer หรือการมิกซ์ แต่ผมจะบอกว่า ความจริงมันก็คือความจริงว่า ลำดับความสำคัญของกระบวนการในการทำเพลงแต่ละขั้นมันไม่เท่ากัน และมันส่งผลต่อคุณภาพของเพลงเป็นสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน โดยที่ขั้นตอน Mixing , Mastering ของ Sound Engineer ไม่มีทางสำคัญไปกว่า ขั้นตอน Composing , Arranging ของเพลงแน่นอนครับ นั่นเป็นสิ่งที่คุณควรลำดับความสำคัญให้ถูก ถ้าคุณยังทำเรื่อง Compose , Arrange ในเพลงคุณไม่ดีพอ นั่นก็คือยังไม่ถึงเวลาที่คุณต้องมาใส่ใจเรื่อง Mixing ครับ
เหมือนข้อเมื่อกี้คือผมไม่ได้ดูแคลนคนเขียนเนื้อร้องนะครับ และผมไม่อยากเถียงกับใครหลายคนเรื่องนี้ เอาเป็นว่าง่ายๆครับ ลองคิดตามว่า เพลงๆหนึ่ง ถ้าไม่มีเนื้อร้อง มันก็ยังฟังเป็นเพลงใช่ไหมครับ แต่ถ้ามันไม่มีทำนองอะไรเลย มีแต่เนื้อร้องอย่างเดียว มันก็คือบทความ หรือไม่ก็บทกลอนอันนึง ไม่เรียกว่าเพลง ใช่ไหมล่ะครับ? นั่นแหละครับ ง่ายๆ ยังไงก็ตาม ส่วนที่เป็นทำนองหรือคอร์ด ที่เป็นดนตรีจริงๆ มันย่อมสำคัญกว่าเนื้อร้อง เพียงแต่เนื้อร้องมันช่วยทำให้เข้าถึงคนส่วนใหญ่มากขึ้น มันเลยกลายเป็น key factor ใหญ่ ที่ส่งผลเยอะต่อการโด่งดังของเพลงเช่นกัน
หลายๆคนน่าจะเดากันได้ไม่ยากว่ามันคือ “ตัวโน้ต” หรือ ทำนอง นั่นเอง
นั่นแปลว่า มันคือสิ่งที่คุณควรใส่ใจเป็นอันดับแรกในการทำเพลง หรือเริ่มต้นเรียนรู้การทำเพลง
ไม่ว่าคุณจะใช้โปรแกรมอะไร มี plug-in ดีแค่ไหน มิกซ์เสียงออกมาเนี้ยบแค่ไหน หรือเนื้อร้องคุณดีแค่ไหน แต่ถ้าทำนองหรือเมโลดี้กับคอร์ดที่คุณใช้ ดนตรีที่คุณเรียบเรียงและออกแบบมามันไม่ดี ไม่เพราะ โน้ตไม่เข้ากัน เสียงประสานกัดกัน คุณจะทำเรื่องอื่นเนี้ยบแค่ไหนมันก็แค่นั้นครับ ยังไงเพลงก็ออกมาไม่เพราะ
เพราะสิ่งที่ทำให้เพลงมันเพราะออกมาได้ มันคือความเข้ากันของเสียงโน้ตต่างๆที่คุณนำมาเรียงกัน ซึ่งมันเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้เวลาศึกษา ฝึกฝน และทำความเข้าใจกับ Mechanic ของมัน สิ่งเหล่านี้มันคือวิชาดนตรีล้วนๆ
อ่านมาถึงตรงนี้ผมคิดว่าคุณคงเริ่มมองเห็นภาพแล้วว่า ถ้าคุณอยากทำเพลง จริงๆแล้วมันต้องเรียนอะไรก่อน และอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดกันแน่ในการทำเพลง ถ้าคุณจะทำเพลงนะครับ คุณควรจะเรียนเรื่อง Mechanic ของตัวโน้ตหรือดนตรีให้เข้าใจซะก่อน
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ครับ
———————
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :
Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound