ปัจจุบัน Plug-in ในการทำเพลงนั้นมีมากมายมหาศาลเป็นร้อยเป็นพัน ทั้งชนิดทั้งยี่ห้อ จนทำให้หลายคนสับสน และรู้สึกว่า เรียนรู้หมดไม่ไหว รู้สึก Overwhelm มีข้อมูลมากมายจนเลือกไม่ได้ว่าจะใช้ Plug-in ตัวไหนยังไงดี บางคนอาจมี Plug-in มากมายที่โหลดไว้ตามโอกาสต่างๆหรือซื้อมา ตาม review หรือคำแนะนำต่างๆ จนหมดพื้นที่ในคอมที่ใช้ทำเพลงไปหลาย TB แต่บางทีเวลาใช้จริงนิดเดียว หรือแทบไม่ได้ใช้งานเลย เรียกได้ว่าอยู่วงการสะสม Plug-in อาจจะเหมาะกว่า วงการทำเพลง ซะอีก หรือบางคนเวลาใช้ก็อาจจะใส่ plug-in มากเกินความจำเป็นจนเกินสิ่งที่เรียกว่า “Over-produce” หรือบางทีก็ฟังไม่ออกหรอก ขอได้ใส่ไว้ก่อน เป็นความเชื่อว่า ใส่แล้วจะเสียงดีขึ้น
เรียกได้ว่า กลัวเพลงไม่รอด เลยขอมี Plug-in เยอะไว้ก่อน
ยิ่งนานวันเข้ามันยิ่งเยอะ และมากมายเกินไปแล้ว จนหลายๆคนไม่รู้จะจัดการยังไงกับ Plug-in เหล่านั้น โหลดตัวไหนดี ใช้ตัวไหนดี มันมึนเกินไปหมด
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องแนวทางในการแก้ไขปัญหา Plug-in เยอะเกินไปจนไม่รู้จะใช้อะไร ตัวไหนดี
ผมอยากบอกว่า ยุคนี้เป็นยุคที่คุณต้องเริ่ม “ตัด” มากกว่า “เพิ่ม” ครับ
ในยุคที่ปริมาณ Content มันมากมายมหาศาลนี้ ไม่มีสิ่งใดที่คุณหาไม่ได้ในอินเตอร์เน็ตหรอกครับ เพียงแต่ความยากคือ คุณจะตัดอะไรที่ไม่ใช่ออกได้ยังไงจนเหลือแต่สิ่งที่ใช่มากกว่า อย่างในปัจจุบันก็มีกระแสการตีกลับของปริมาณข้อมูลมากมายพวกนี้ อาทิเช่น การโหยหา offline , การ บำบัดการเล่น social media , คนที่ใช้โทรศัพท์แบบ non-smartphone เป็นต้น
แนวคิดนี้ก็นำมาใช้กับการ plug-in ได้เช่นกัน ไม่ต้องมีทุกตัวหรอกครับ มีเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุด ที่คุณจำเป็นต้องใช้ก็พอ
ถ้าคุณมองการทำเพลงเป็นเรื่องของการอัดแต่ plug-in ลงไป มันก็จะเกิดการ over-produce อย่างที่บอก
แต่ถ้าคุณลองคิดในมุมว่า เพลงคือดนตรี และดนตรีแท้จริงแล้วแก่นแท้ของมันคือการสอดประสานกันของตัวโน้ตที่เป็นระเบียบและไพเราะลงตัว
การทำเพลงก็คือการเอาเสียงมาเรียงกันยังไงให้ออกมาดูดี ฉะนั้นแก่นสำคัญของมันคือการเลือกโน้ต เลือกคอร์ด การบรรจงเรียบเรียงตัวโน้ตแต่ละตัวอย่างมีความหมาย
พวกนี้คือส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณโฟกัสและพิถีพิถัน มากกว่าการใช้ Plug-in ที่เป็นแค่ส่วนปรุงแต่ง ที่ใช้ไม่เยอะก็พอครับ
การทำเพลงมันไม่จำเป็นต้องทำคนเดียว ถ้าคุณสามารถตัดช่องน้อยแต่พอตัวได้ มันจะลดความยุ่งยากในชีวิตคุณได้อย่างมาก
อาทิเช่น ถ้าคุณชัวร์ว่าคุณสนใจแค่การแต่งทำนองกับเนื้อร้องเท่านั้น แล้วคุณมุ่งไปแค่เรื่องนี้อย่างเดียว คุณอาจจะรู้ว่า ไม่จำเป็นต้องมาวุ่นวายเรื่องปลั้กอินอีกเลย
เพราะเรื่องในส่วนนี้คุณปล่อย Arranger กับ Sound Engineer จัดการได้
ทำเฉพาะสิ่งที่คุณอยากทำ จำเป็นต้องทำ และคุณทำได้ดี ส่วนอื่นก็ให้คนอื่นที่เหมาะสมทำ นั่นคือหนทางสู่ชีวิตแบบ minimal ที่ดีที่สุดคับ
การสมัคร Cloud Service สำหรับใช้ Plug-in เป็นแนวคิดที่ดี ลดความยุ่งยากในการตามศึกษาสารพัด Plug-in ลง และใช้เฉพาะตัวที่มีให้เช่า และยังสามารถประหยัดงบลงไปได้อีกมาก
การไม่ต้องซื้อขาด ทำให้มีความคล่องตัวมากกว่า เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีพัฒนาไว สักพักเดียวก็มี plug-in ยี่ห้อใหม่ๆที่อาจจะดีกว่าเดิม เป็นมาตรฐานใหม่ๆโผล่มาอีก ก็สามารถเปลี่ยนได้ทันท่วงที ไม่รุงรังชีวิต
การปล่อยวาง นำไปสู่ความสุขในชีวิตที่มากขึ้น การทำเพลงก็เช่นกัน บทความนี้นำเสนอแนวคิดแบบ minimalistic มาใช้ในการทำเพลงด้วย ซึ่งอาจช่วยแก้ไขปัญหาให้หลายคนที่เจอกับความ “เยอะ”
และความ “เร็ว” ของยุคปัจจุบันได้ไม่มากก็น้อย เมื่อชีวิตเรารุงรังน้อยลง เปิด DAWs มาแล้วไม่มีตัวอักษร list ของสิ่งต่างๆที่เราไม่ได้ใช้เยอะเกินไป จิตใจปลอดโปร่งก็ย่อมส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์ให้ทำงานดีกว่าเดิม เหมือนที่เราต้องการห้องโล่งๆเพื่อจะคิดงานได้ดีกว่าห้องรกนี่แหละครับ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :
– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound
Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound