อยากเก่งเรื่องอะไรก็ต้องฝึกฝน เป็นสิ่งที่หลายๆคนน่าจะรู้อยู่แล้ว เพียงแต่การจะเป็น Producer ที่เก่งได้นั้นต้องหรือต้องฝึกอะไรบ้างนี่สิ? ถึงแม้คุณจะได้เรียนรู้วิชาต่างๆสำหรับการเป็นโปรดิวเซอร์มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียบเรียงดนตรี การประพันธ์เพลง การใช้โปรแกรมต่างๆ ฯลฯ แต่แค่การเรียนอย่างเดียวมันยังไม่พอต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ที่เก่ง คุณจำต้องมีชั่วโมงบินของการฝึกซ้อมที่มากด้วย ซึ่งเป็นการเอาความรู้จากสิ่งที่เรียนมาทดลองทำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดความชำนาญ
แต่ในเมื่อหัวเรื่องสำหรับสิ่งที่ต้องเรียนมันเยอะ คุณก็อาจจะงงได้ว่า ควรจะจัดตารางฝึกฝนเรื่องไหนอะไรยังไง เพราะมันเยอะเกินจนโฟกัสไม่ได้ วันนี้ผมจะมาแนะนำการจัดตารางการฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพให้นะครับ
อาจเป็นเครื่องที่คุณเล่นอยู่เป็นหลัก หรือถ้าเป็นสายตรงเลย เครื่องดนตรีที่เหมาะกับการฝึกเพื่อเป็น Producer ที่สุด ก็คือ keyboard หรือ piano คุณอาจเคยเรียนวิชานี้มาจนจบคอร์สไปแล้ว แต่กระนั้นคุณก็ควรยังต้องซ้อมไปเรื่อยๆ เพื่อให้พื้นฐานแน่น สิ่งที่คุณควรฝึกอย่างแรกเลย คือพื้นฐานต่างๆ อาทิ สเกล คอร์ด ที่คุณเคยเรียนรู้ไปทั้งหมด และรวมไปถึงแบบฝึกหัด หรือบทเพลงสำหรับฝึก หรือฝึกการ improvise ถ้าคุณสามารถซ้อมทุกวันได้ อย่างต่ำวันละ 1 ชม. ก็ได้ครับ เช่นตอนเช้า หรือตอนค่ำ จะเป็นผลดีในระยะยาวมากๆ ผมจะยกตัวอย่างการฝึกใน 1 ชม. ดังนี้นะครับ
20 นาทีแรก : scale + chord inversion ทั้งหมด , ทางนิ้วคอร์ด ii-V-I
20 นาทีต่อมา : ฝึกเล่นเพลง ที่เล่นอยู่ตอนนั้นให้คล่องขึ้นเรื่อยๆ หรือดีขึ้นเรื่อยๆ หรือแบบฝึกหัดฝึกนิ้ว
20 นาทีสุดท้าย : อาจจะยังฝึกเล่นเพลงอยู่ หรือเปลี่ยนเป็นการฝึก improvise กับเซตคอร์ดในเพลงนั้นๆ ก็ได้ครับ
ปล. ถ้าคุณยังหูไม่ดีนัก ยังฟังโน้ตไม่ค่อยออก ร้องตามยังไม่ตรง ให้รวมการฝึก ear training เอาไว้ในนี้ด้วยเลย โดยอาจเพิ่มเวลาฝึกไปอีกหน่อยได้ครับ
คุณอาจใช้เวลา ที่เหลือในวันนั้น หลังจากซ้อมคีย์บอร์ดเสร็จ เรียนรู้ทฤษฎีเพิ่มเติม หรือทบทวนสิ่งที่เรียนไปแล้วให้คล่องขึ้น อาทิ ฝึก Chord Spelling , ฝึกท่อง Circle of Fifth , ฝึกวิเคราะห์เพลงจาก Score Sheet Music , ฝึกการใช้คอร์ดใช้สเกลต่างๆ อาทิ Secondary Dominant , Modulation การเปลี่ยนคีย์ , Harmony ที่ยากๆต่างๆ จนคล่อง ซึ่งสามารถออกแบบการฝึกด้วยตัวเองได้ อาทิ จับฉลากมา แล้วลองเล่นสิ่งนั้นบนเปียโน หรือ ตอบปากเปล่าให้ได้ สามารถออกแบบรูปแบบการฝึกได้สารพัด ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นอยากโฟกัสเรื่องอะไรให้คล่อง
แน่นอนว่า นี่คือการฝึกหลักๆของ producer ช่วงเวลานี้คือการนำความรู้และทักษะที่คุณมีทั้งหมด ทดลองสังเคราะห์สร้างเพลงขึ้นมาให้ได้ คุณอาจตั้งวินัยไว้ให้กับตัวเองว่า ต้องแต่งเพลงให้ได้วันละเพลงก็ได้ จะแบบมีเนื้อร้องก็ได้ หรือไม่มีก็ได้ แต่ขอให้จบเพลง อย่าเพิ่งไปสนใจความสมบูรณ์แบบมาก เน้นได้ฝึก ได้ทำให้เกิดเพลงที่เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา และเกิดชั่วโมงบินที่มากที่สุด และที่สำคัญ พยายามเอาสิ่งที่คุณเรียนรู้ไปแล้วจากทฤษฎีดนตรี มาใช้ในเพลงที่ทดลองทำนี้อยู่เรื่อยๆ อาทิ ลองแต่งเพลงที่มีเทคนิคพิเศษ ยากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆใช้ไปทีละเรื่องที่เรียนรู้มา อาทิ การเปลี่ยนคีย์ , Counter Point , 4 Part Harmony ฯลฯ
คำแนะนำของผมคือ พยายามแยกแยะให้ได้ว่า ชิ้นไหนคืองานเพื่อการฝึกฝน ชิ้นไหนคืองานในแบบที่ตามใจตัวเอง ถ้าเราไม่พยายามออกจาก comfort zone ของตัวเองเลย แล้วทำแต่แบบที่ถนัดเท่านั้น เราจะไม่สามารถพัฒนาได้เลย เราจำเป็นต้องผลักดันตัวเองไปสู่จุดที่เก่งขึ้น ชำนาญขึ้น ซึ่งนั่นแน่นอนว่ามันคือการฝืนธรรมชาติอย่างหนึ่ง แต่การฝืนธรรมชาตินี้จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อใหม่ให้กับเรา ที่จะแข็งแกร่งขึ้น และเกิดเป็นธรรมชาติใหม่ เป็นเราคนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เก่งกว่าเดิมได้
ในบางครั้งเราอาจทำเพลงโดยมีตั้งโจทย์หรือแบบฝึกหัดเป็นเป้าหมาย เพื่อพัฒนาตัวเอง ส่วนในบางครั้ง เราอาจจะทำแบบไม่มีโจทย์ แต่เป็นการทำตามแบบที่ตัวเองชอบ ก็ได้ครับ
การฝึกแบบสุดท้าย คือเรื่องของ sound engineer ซะมากว่าดนตรี อันนี้ผมไม่บังคับ ถ้าใครที่อยากจะเป็น producer ที่ทำแต่เรื่อง compose , arrange โดยอยากจ้าง sound engineer เพื่อ mix , master คุณอาจจะไม่ต้องใส่ใจมันมากก็ได้ครับ อาจจะเรียนรู้ไว้พอประมาณ ที่เหลือจ้างเอา แต่กระนั้นก็ตาม มันก็มีบางเรื่องที่คุณควรจะรู้ไว้อยู่ดี อาทิ Sound Design , การสังเคราะห์เสียง , Plugin ต่างๆ , Synthesizer , การใช้โปรแกรม เป็นต้น
ส่วนใครที่อยากทำเองทุกกระบวนการ รวมไปถึงการ Edit , Mix , Master ด้วย นั่นแปลว่า คุณก็ต้องมีสิ่งนี้เข้าไปอยู่ในโปรแกรมศึกษาและฝึกฝนด้วย อาจเป็นการเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ เทคนิคใหม่ๆ ฝึกทำ ฝึกมิกซ์ ฝึกมาสเตอร์ ลองทำตาม Tutorial ด้วย โดยการเรียนรู้เรื่องพวกนี้ การทำตามอาจได้ผลดีมากกว่าเรื่องของการ compose , arrange ดนตรี ซึ่งมันไม่มีสูตรสำเร็จ
การฝึกฝนในส่วนนี้ ผมไม่อยากให้เอามาปนอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับการเรียนทฤษฎีดนตรีเท่าไร เพราะมันจะต้องพะวงหลายเรื่องจนเกินไป จนทำให้มือใหม่อย่างคุณโฟกัสไม่ได้ ผมแนะนำว่า ในช่วงๆนึงของชีวิตการฝึกฝน ควรจะโฟกัสแค่สามอย่างเท่านั้น เช่น อาจจะฝึก 1 , 2 , 3 ไปเรื่อยๆ พอถึงจุดนึง เรื่องทฤษฎีจะเริ่มตันแล้ว ชำนาญแล้ว ค่อยเปลี่ยนเป็น 1 , 4, 3
ถ้าคุณว่างฝึกแค่สัปดาห์ละ 2 วัน อาจทำตารางฝึกดังนี้
หรือว่าว่าง 4 วัน อาจจะเป็น
หรือแบบขยัน 6 วัน อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ
ลองเอาไปปรับกับตัวเองดูนะครับ ว่าเราสะดวกแบบไหน ยิ่งฝึกเยอะคุณก็ยิ่งเก่ง ตรงไปตรงมาตรงตัวมาก ดนตรีไม่มีทางลัด การฝึกพื้นฐานถ้าเป็นไปได้อยากให้ฝึกทุกวันไม่ว่างเว้น จะดีมากครับ
ส่วนใครที่มีความต้องการเฉพาะลงไปอีก อาจจะปรับตารางนี้หน่อย เช่น สมมุติว่าคุณโฟกัสว่าอยากแต่งเนื้อเพลงเก่ง อาจจะมีรายละเอียดที่ต่างกันออกไป คุณอาจจะไม่สนใจเรื่องมิกซ์อยู่แล้ว ก็เอาเรื่องมิกซ์ออก แทนที่ด้วย การแต่งเนื้อลงไปในนั้น
แต่สำคัญคือ อย่าลืมว่า ในช่วงเวลานึงหลายเดือนของการฝึกฝน ควรโฟกัสแค่ไม่เกินสามอย่างครับ จะได้ผลดีกว่า หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนครับ
ใครที่อยากฝึก อยากเก่ง แต่ไม่รู้ต้องฝึกอะไร ถ้าหาที่เรียนอยู่ ลองดูหลักสูตร The Real Producer ของเราได้ครับ มีสอนทั้งหมดที่กล่าวไปข้างบนนั้น ทั้งการฝึกพื้นฐานคีย์บอร์ดเพื่อการทำเพลง ทฤษฎีดนตรีระดับลึก , Harmony ต่างๆ รวมไปถึงการประพันธ์ การเรียบเรียงดนตรี ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ตรงกับสิ่งที่คนจริงจังในดนตรีอย่างคุณตามหาอยู่ตอนนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน link ล่างสุดของบทความ หรือติดต่อ Admin ใน line @verycatacademy ได้เลยครับ
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :
Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound