อยากเก่งเรื่องอะไรก็ต้องฝึกฝน เป็นสิ่งที่หลายๆคนน่าจะรู้อยู่แล้ว เพียงแต่การจะเป็น Producer ที่เก่งได้นั้นต้องหรือต้องฝึกอะไรบ้างนี่สิ? ถึงแม้คุณจะได้เรียนรู้วิชาต่างๆสำหรับการเป็นโปรดิวเซอร์มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียบเรียงดนตรี การประพันธ์เพลง การใช้โปรแกรมต่างๆ ฯลฯ แต่แค่การเรียนอย่างเดียวมันยังไม่พอต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ที่เก่ง คุณจำต้องมีชั่วโมงบินของการฝึกซ้อมที่มากด้วย ซึ่งเป็นการเอาความรู้จากสิ่งที่เรียนมาทดลองทำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดความชำนาญ
แต่ในเมื่อหัวเรื่องสำหรับสิ่งที่ต้องเรียนมันเยอะ คุณก็อาจจะงงได้ว่า ควรจะจัดตารางฝึกฝนเรื่องไหนอะไรยังไง เพราะมันเยอะเกินจนโฟกัสไม่ได้ วันนี้ผมจะมาแนะนำการจัดตารางการฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพให้นะครับ
20 นาทีแรก : scale + chord inversion ทั้งหมด , ทางนิ้วคอร์ด ii-V-I
20 นาทีต่อมา : ฝึกเล่นเพลง ที่เล่นอยู่ตอนนั้นให้คล่องขึ้นเรื่อยๆ หรือดีขึ้นเรื่อยๆ หรือแบบฝึกหัดฝึกนิ้ว
20 นาทีสุดท้าย : อาจจะยังฝึกเล่นเพลงอยู่ หรือเปลี่ยนเป็นการฝึก improvise กับเซตคอร์ดในเพลงนั้นๆ ก็ได้ครับ
ปล. ถ้าคุณยังหูไม่ดีนัก ยังฟังโน้ตไม่ค่อยออก ร้องตามยังไม่ตรง ให้รวมการฝึก ear training เอาไว้ในนี้ด้วยเลย โดยอาจเพิ่มเวลาฝึกไปอีกหน่อยได้ครับ
คำแนะนำของผมคือ พยายามแยกแยะให้ได้ว่า ชิ้นไหนคืองานเพื่อการฝึกฝน ชิ้นไหนคืองานในแบบที่ตามใจตัวเอง ถ้าเราไม่พยายามออกจาก comfort zone ของตัวเองเลย แล้วทำแต่แบบที่ถนัดเท่านั้น เราจะไม่สามารถพัฒนาได้เลย เราจำเป็นต้องผลักดันตัวเองไปสู่จุดที่เก่งขึ้น ชำนาญขึ้น ซึ่งนั่นแน่นอนว่ามันคือการฝืนธรรมชาติอย่างหนึ่ง แต่การฝืนธรรมชาตินี้จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อใหม่ให้กับเรา ที่จะแข็งแกร่งขึ้น และเกิดเป็นธรรมชาติใหม่ เป็นเราคนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เก่งกว่าเดิมได้
ในบางครั้งเราอาจทำเพลงโดยมีตั้งโจทย์หรือแบบฝึกหัดเป็นเป้าหมาย เพื่อพัฒนาตัวเอง ส่วนในบางครั้ง เราอาจจะทำแบบไม่มีโจทย์ แต่เป็นการทำตามแบบที่ตัวเองชอบ ก็ได้ครับ
ส่วนใครที่อยากทำเองทุกกระบวนการ รวมไปถึงการ Edit , Mix , Master ด้วย นั่นแปลว่า คุณก็ต้องมีสิ่งนี้เข้าไปอยู่ในโปรแกรมศึกษาและฝึกฝนด้วย อาจเป็นการเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ เทคนิคใหม่ๆ ฝึกทำ ฝึกมิกซ์ ฝึกมาสเตอร์ ลองทำตาม Tutorial ด้วย โดยการเรียนรู้เรื่องพวกนี้ การทำตามอาจได้ผลดีมากกว่าเรื่องของการ compose , arrange ดนตรี ซึ่งมันไม่มีสูตรสำเร็จ
การฝึกฝนในส่วนนี้ ผมไม่อยากให้เอามาปนอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับการเรียนทฤษฎีดนตรีเท่าไร เพราะมันจะต้องพะวงหลายเรื่องจนเกินไป จนทำให้มือใหม่อย่างคุณโฟกัสไม่ได้ ผมแนะนำว่า ในช่วงๆนึงของชีวิตการฝึกฝน ควรจะโฟกัสแค่สามอย่างเท่านั้น เช่น อาจจะฝึก 1 , 2 , 3 ไปเรื่อยๆ พอถึงจุดนึง เรื่องทฤษฎีจะเริ่มตันแล้ว ชำนาญแล้ว ค่อยเปลี่ยนเป็น 1 , 4, 3
ถ้าคุณว่างฝึกแค่สัปดาห์ละ 2 วัน อาจทำตารางฝึกดังนี้
หรือว่าว่าง 4 วัน อาจจะเป็น
หรือแบบขยัน 6 วัน อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ
ลองเอาไปปรับกับตัวเองดูนะครับ ว่าเราสะดวกแบบไหน ยิ่งฝึกเยอะคุณก็ยิ่งเก่ง ตรงไปตรงมาตรงตัวมาก ดนตรีไม่มีทางลัด การฝึกพื้นฐานถ้าเป็นไปได้อยากให้ฝึกทุกวันไม่ว่างเว้น จะดีมากครับ
ส่วนใครที่มีความต้องการเฉพาะลงไปอีก อาจจะปรับตารางนี้หน่อย เช่น สมมุติว่าคุณโฟกัสว่าอยากแต่งเนื้อเพลงเก่ง อาจจะมีรายละเอียดที่ต่างกันออกไป คุณอาจจะไม่สนใจเรื่องมิกซ์อยู่แล้ว ก็เอาเรื่องมิกซ์ออก แทนที่ด้วย การแต่งเนื้อลงไปในนั้น
แต่สำคัญคือ อย่าลืมว่า ในช่วงเวลานึงหลายเดือนของการฝึกฝน ควรโฟกัสแค่ไม่เกินสามอย่างครับ จะได้ผลดีกว่า หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนครับ
ใครที่อยากฝึก อยากเก่ง แต่ไม่รู้ต้องฝึกอะไร ถ้าหาที่เรียนอยู่ ลองดูหลักสูตร The Real Producer ของเราได้ครับ มีสอนทั้งหมดที่กล่าวไปข้างบนนั้น ทั้งการฝึกพื้นฐานคีย์บอร์ดเพื่อการทำเพลง ทฤษฎีดนตรีระดับลึก , Harmony ต่างๆ รวมไปถึงการประพันธ์ การเรียบเรียงดนตรี ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ตรงกับสิ่งที่คนจริงจังในดนตรีอย่างคุณตามหาอยู่ตอนนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน link ล่างสุดของบทความ หรือติดต่อ Admin ใน line @verycatacademy ได้เลยครับ
—————————————————————————————
VERY CAT SOUND
Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
.
รับ demo คอร์สเรียนฟรี และข้อมูลหลักสูตรเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่
www.verycatsound.academy/funnel01
ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound
ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy