เรียนทำเพลง ทำไมยิ่งรีบยิ่งช้า

ทำไมยิ่งรีบยิ่งช้า? อยากทำเพลงเก่งต้องใจเย็น

Share via:

Krissaka Tankritwong

ดนตรีเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเวลาโดยตรง คือเป็นการจัดเรียงเสียงต่างๆในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง และเกี่ยวข้องกับความรู้ ความชำนาญอย่างมาก เหมือนที่ผมบอกบ่อยๆในบทความที่ผ่านๆมาว่า ดนตรีไม่มีทางลัด และที่สำคัญกว่านั้น เมื่อ “ยิ่งรีบ” กลับ “ยิ่งช้า” ยิ่งหาทางลัด ยิ่งเป็นการเดินอ้อม ยิ่งใจร้อนยิ่งไม่รู้ มันเพราะอะไรกัน?

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบกับสิ่งนี้ด้วยตัวเองคงรู้ซึ้งดี ว่าดนตรีมันเป็นศาสตร์ที่ยากเสมอ อยากเก่งมีแต่ต้องใจเย็นๆ แต่บางคนก็อาจจะแย้งว่า แล้วทำไมถึงมีคอร์สการเรียนที่สอนทางลัด หรือสอนโดยใช้เวลาไม่นานอยู่?

ก่อนอื่นผมอยากให้มาทำความใจลักษณะของคอร์สที่สอนทำเพลงอยู่ในปัจจุบันก่อนว่ามันมีลักษณะแบบไหนบ้าง

ลักษณะของการเรียนคอร์สทำเพลง 3 รูปแบบ

1.คอร์สที่สอนแบบทางลัด

คือคอร์สที่สอนแบบครอบจักรวาล เหมาะกับผู้เริ่มต้นเรียนรู้ ที่อยากรู้ขั้นการตอนทำเพลงคร่าวๆ ทุกขั้นตอน แต่ไม่เจาะลึกไปที่ขั้นใดขั้นหนึ่ง อาจใช้คำกว้างๆคือ สอนการทำเพลง หรือ Music Production ข้อดีคือ มันเรียนง่าย เรียนจบได้ไว ราคาไม่สูง แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณต้องการจะไปต่อในขั้นที่สูงขึ้น แปลว่าต้องก้าวไปเรียนในคอร์สที่เจาะลึกจริงจังขึ้น และเป็นเรื่องๆไป ทีละขั้นตอนไป

เนื้อหาการเรียนทำเพลง หรือเรียนดนตรี อย่างที่ได้เคยกล่าวไปว่ามันลึกและเยอะมาก คนที่เก่งๆเป็นโปรดิวเซอร์เป็นอาชีพอยู่ทุกวันนี้ล้วนผ่านการเรียนหลากหลายวิชา ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันชั่วโมง และฝึกฝนกันอีกหลายพันชั่วโมง มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คอร์สสั้นๆไม่กี่ชั่วโมงจะพาคุณไปถึงฝันระดับมืออาชีพได้

2. คอร์สที่สอนเฉพาะเรื่อง

คอร์สแบบนี้จะเจาะลึกกว่าแบบทางลัด หรือครอบจักรวาล เพราะเป็นการเรียนวิชาย่อยๆเป็นเรื่องๆไป ทำให้ใช้เวลากับเรื่องๆหนึ่งโดยเฉพาะได้ละเอียดกว่า ซึ่งก็มักจะแบ่งไปตามหัวข้ออีกว่า เรื่องเฉพาะเรื่องนั้นๆ มันมีเนื้อหาเยอะหรือน้อยขนาดไหน บางเรื่องเนื้อหามันน้อย ก็เป็นไปได้ที่จะเป็นคอร์สสั้นๆ แต่ก็ยังได้ประโยชน์ แต่บางเรื่องเนื้อหามันก็เยอะมากอยู่ดี ซึ่งอาจกินเวลาเรียนรู้หลายสิบชั่วโมง ฉะนั้น ชั่วโมงเรียนกับราคาก็จะสูงขึ้นตาม

ตัวอย่างคอร์สแนวนี้ ที่ใช้เวลาเรียนไม่นาน เช่น การมิกซ์เสียงร้อง , การ EQ , การ Compress , สอนการใช้ plug-in บางตัว
ส่วนตัวอย่างคอร์สเฉพาะเรื่อง ที่ใช้เวลาเรียนนาน เพราะเนื้อหาเยอะ อาทิเช่น Harmony , Advance Music Theory , สอนการสังเคราะห์เสียง Soudn Synthesis แบบนี้เป็นต้น

3. คอร์สสอนการใช้เครื่องมือ

ที่จริงแล้วคอร์สแบบนี้ก็คือหนึ่งในคอร์สที่สอนเฉพาะเรื่องแบบสั้นๆ แบบหนึ่ง แต่มีความนิยมในการเปิดสอนอยู่มาก โดยคอร์สแบบนี้ไม่ได้สอนการทำเพลงโดยตรง แต่สอนการใช้อุปกรณ์ที่เอาไว้ทำเพลง (Tools) หรือการใช้งานโปรแกรมทำเพลง (DAWs) ซึ่งเน้นหนักในส่วนเรียนรู้การใช้งานอุปกรณ์พื้นฐานต่างๆที่โปรแกรมมีไว้อำนวยความสะดวกในการทำเพลง ซึ่งเนื้อหามีไม่เยอะ กินเวลาไม่นาน แต่ที่จริงแล้วการทำเพลง ความยากอยู่ที่การคิด ออกแบบตัวเพลงออกมา หรือเรียกง่ายๆว่า มันคือวิชาดนตรีของแท้ ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจและความชำนาญในดนตรีค่อนข้างลึกซึ้งและกินเวลาเรียนนานต่างกันมาก

ฉะนั้นการเรียนการใช้โปรแกรมทำเพลง จึงเป็นแค่เรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่งในการทำเพลง ใช้เวลาเรียนไม่นาน ราคาไม่สูง ก็สามารถจบได้ แต่ไม่ได้สอนเรื่องไอเดียในการสร้างเพลง คอร์สเหล่านี้จึงเหมาะกับคนที่เล่นดนตรีหรือทำดนตรีเป็นอยู่แล้ว อาจจะเคยทำวงกับเพื่อน หรือเขียนตัวโน้ตบนบรรทัดห้าเส้นเป็น บางคนก็อาจจะจบปริญญาดนตรีมาแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ใช้โปรแกรมทำเพลงไม่เป็นเฉยๆ ถึงมาเรียน จะเห็นได้ว่า ที่จริงแล้วมันไม่ได้เหมาะกับผู้เริ่มต้นจริงๆแต่อย่างใด

4. คอร์สระยะยาว

มันคือการรวมกันของคอร์สที่สอนเฉพาะเรื่องหลายๆคอร์สเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเรียกว่า หลักสูตร ซึ่งเป็นการสอนแบบไม่ใช่ทางลัด แต่มักจะปูตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงระดับกลาง ระดับสูง โดยจุดประสงค์เพื่อจบออกมามีผลลัพธ์บางอย่าง อาทิ เช่น เป็นมืออาชีพด้านทำเพลงศิลปิน , เพลงประกอบภาพยนตร์ แบบนี้เป็นต้น โดยหลักสูตร The Real Producer ของเราก็คือคอร์สลักษณะนี้ และมีแบ่งเป็นคอร์สที่สอนเฉพาะเรื่อง 20-30 คอร์สที่ต่อกัน

แน่นอนว่า มันมีความยาวและราคาที่สูงขึ้นไปตาม จึงเหมาะกับผู้ที่จริงจังในสายนั้นๆ

ปัญหาที่มักเจอ เวลาหาคอร์สเรียนทำเพลง

จะเห็นได้ว่า คอร์สโดยส่วนใหญ่ที่เจอบ่อยๆคือ คอร์สแบบที่ 1 กับ 3 ส่วนแบบที่ 2 นั้นมีบ้าง แต่ก็มักจะเป็นเรื่องที่ใช้เวลาเรียนสั้นๆ ส่วนวิชาแบบที่ใช้เวลาเรียนนาน รวมไปถึงคอร์สระยะยาว จะหายากกว่ามากๆ และส่วนมากผู้ที่ต้องการวิชาพวกนี้ก็มักต้องเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย

จากประสบการณ์ของผมเองและคนรอบตัว ที่เจอกันบ่อยๆ step เป็นแบบนี้คือ

1.พยายามอยากประหยัดเงิน โดยหาทางลัดที่จะไม่ต้องเรียนคอร์สยาว จึงหาคอร์สระยะสั้นต่างๆเรียน

2.พอเรียนจบแล้ว ใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ยังไม่สามารถทำเพลงแบบที่ต้องการได้ เพราะความคาดหวังมันสูงเกินตัวคอร์ส เพราะส่วนใหญ่สอนแต่เบสิค หรือไม่ก็การใช้โปรแกรม ใช้อุปกรณ์ หรือใดๆก็ตามที่มันไม่ได้กินเวลานาน

3.เลยสมัครคอร์สอื่นอีก เปลี่ยนเจ้าเรียนไปเรื่อยๆ เพราะโดยมากแล้วส่วนใหญ่สอนถึงแค่ขั้นเบสิค

4.ทำให้เรียนซ้ำซากอยู่ที่เบสิค และไม่พัฒนาไปสู่ขั้นกลางและสูงได้เสียที

5.กินเวลากับเงินแบบนี้ไปเรื่อยๆจนเสียเวลาผ่านไปหลายปี ถึงคิดได้ว่าต้องเลิกหาทางลัด และปักหลักเรียนคอร์สยาวๆที่เดียวไปเลย

การเรียนเพื่อให้ทำเป็น VS การเรียนเพื่อให้เก่ง

สองอย่างนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็ตาม ในตอนที่คุณยังทำสิ่งนั้นไม่เป็นเลย แล้วหาเรียนเพื่อให้พอทำเป็น คุณอาจจะใช้เวลาแค่สั้นๆ ไม่ถึงสิบชั่วโมง กับเงินหลักไม่กี่พัน ก็เริ่มทำมันออกมาได้แล้ว และมีคนสอนมากมาย หาเรียนไม่ยาก

แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณต้องการทำสิ่งนั้นให้เก่ง คุณจะอยู่คนละมิติกับการทำให้เป็นแล้ว กล่าวคือ คุณอาจต้องทุ่มเทเวลาเป็นร้อยเป็นพันชั่วโมง ค่าเรียนค่าอุปกรณ์รวมเป็นหลักแสน เพื่อจะขัดเกลาให้คุณเป็นเลิศในสิ่งนั้น นั่นคือเรื่องปกติธรรมดาของศาสตร์ทุกอย่างในโลกครับ

Mindset ที่ไม่รีบร้อน คือสิ่งสำคัญในการเรียนทำเพลง

ผมเพิ่งให้คำปรึกษากับนักเรียนคนหนึ่งไป ที่มาปรึกษาในหลักสูตร The Real Producer น้องเขาเป็นเพียงผู้เริ่มต้นเรียนทำเพลงในระดับเริ่มต้น แต่น้องคนนี้พูดบางอย่างที่น่าสนใจมาก น้องเค้าสนใจเรื่องของการแต่งเนื้อเพลง ผมเลยแนะนำคอร์ส VCA103 Creative Lyric ที่ว่าด้วยการพัฒนาเนื้อเพลงด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกับสิ่งที่เค้าต้องการตอนนี้ และน่าจะทำให้เรียนแล้วได้ประโยชน์เอาไปใช้งานได้จริงไวๆ

แต่น้องเค้าตอบมาว่า เค้าอยากเรียนพื้นฐานให้แน่นก่อน คือเรื่องการแต่งทำนองเพลง ใน VCA101 กับ 102 เพราะแม้ว่าเค้าจะแต่งเพลงได้แล้ว แต่รู้สึกว่าอยากค่อยๆเรียน และรู้ให้จริง ให้พื้นฐานแน่นมากกว่า น้องเค้าพูดไว้ประโยคหนึ่งที่น่าสนใจว่า “ยิ่งรีบยิ่งไม่รู้” หรือ “ยิ่งรีบยิ่งช้า” ซึ่งผมค่อนข้างแปลกใจว่า เด็กอายุเพียงแค่ 16 ปี ที่อยู่ในยุคที่อะไรๆเร็วไปหมด และสื่อมากมายต่างประโคมให้คนอยากประสบความสำเร็จไว ทุกอย่างต้องเร็ว ต้องไว จนฉาบฉวยไปหมด จนไม่นึกว่าจะมีคนที่อยากค่อยๆใจเย็นๆเรียนรู้ศาสตร์อะไรบางอย่างอย่างจริงจังจนเก่งมีหลงเหลืออยู่อีก

น้องเค้าเล่าว่า เคยลองหลายคอร์สมาหมดแล้ว และพบว่า การเรียนแบบที่เน้นไว สุดท้ายก็ไม่สามารถทำเพลงที่ดีพอที่ตัวเองต้องการได้ ดนตรีเป็นศิลปะที่ต้องใช้ความประณีตและการตกผลึก โดยเลี่ยงไม่ได้เลยที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนและเรียนกับมันนานๆ เรียนอย่างคิดวิเคราะห์ ถ้าอยากเก่งเป็นมือโปรให้ได้จริงๆ และจากการศึกษาข้อมูลหลักสูตรอยู่พักหนึ่งจนแน่ใจแล้วว่า หลักสูตรของที่นี่เหมาะกับเค้า จึงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะค่อยๆเรียน ไม่รีบ

จากที่ผมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำเพลงมาเยอะ ผมเจอคนทุกแบบ แต่คนที่เลิกหาทางลัดและตื่นรู้แล้วว่า “ยิ่งรีบยิ่งช้า” ส่วนใหญ่จะต้องลองหาทางลัดมาเยอะแล้วจนกินเวลาในชีวิตผ่านไปประมาณหนึ่ง และมักไม่ใช่เด็กๆแล้ว ผมเลยค่อนข้างประหลาดใจแกมชื่นชมกับน้องเค้ามากๆ และคิดว่าเค้าน่าจะต้องอนาคตไกลแน่ๆ เพราะสามารถมี Mindset ที่ถูกต้องในการจะเป็นคนที่เก่งดนตรีได้

The Real Producer

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง หลักสูตร The Real Producer นั้นถูกออกแบบมาเพื่อคนที่เลิกหาทางลัดที่แล้วเช่นคุณ ถ้าคุณต้องการความ Real , Exclusive , Deep ในหลักสูตร The Real Producer มีสอนทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ สนใจหลักสูตรติดต่อแอดมินใน Line @verycatacademy หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ link ด้านล่างสุดของบทความได้เลยครับ

—————————

VERY CAT SOUND
Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
.
รับ demo คอร์สเรียนฟรี และข้อมูลหลักสูตรเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่
www.verycatsound.academy/funnel01
ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound
ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
โทร. 085666242

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.