The Beatles PART 2 เรียนทำเพลง

The Beatles ตำนานที่ไม่มีวันตาย กับบทเพลงที่เปลี่ยนโลก Part 2

Share via:

Krissaka Tankritwong

หลังจากที่เราได้เล่าประวัติของเหล่าเต่าทองไปแล้วใน Part 1

ที่เป็นจุดเริ่มต้นว่ามีที่มาที่ไปยังไง และความโด่งดังของพวกเขาได้สร้างกระแสที่ชื่อ

Beatlemania ซึ่งเป็นการตอกย้ำความโด่งดังของพวกเขาได้เป็นอย่างดี แต่ The Beatles นั้นก็เป็นมากกว่านั้น พวกเขาไม่ใช่แค่สร้างเพลงติดหูอย่างเดียว

แต่พวกเขานั้นเป็นตำนานที่ได้ปฏิวัติวงการดนตรีขึ้นมาจากการทดลองสิ่งต่างๆ

ซึ่งใครที่ยังไม่ได้อ่าน ก็สามารถไปอ่านได้ที่ลิ้งตรงนี้เลยครับ

https://verycatsound.com/blog-the-beatles/

และวันนี้เราก็จะมาต่อกันครับว่าอะไรทำให้พวกเขาเป็นตำนานถึงทุกวันนี้

การทดลองสิ่งใหม่ๆเพื่อวงการดนตรี

หลังจากที่ The Beatles เริ่มดังเป็นพลุแตกไปแล้วกับความสำเร็จของอัลบั้ม

Please Please Me

และได้สร้างปรากฏที่ไม่มีใครที่ไหนในยุคนั้นสามารถทำได้ จนเกิดเป็นกระแสที่ชื่อ Beatlemania

แม้แนวเพลงที่พวกเขาทำนั้นเป็นแนว Rock ‘n’ Roll ผสมกับ Classical แต่เหล่าแฟนคลับทั้งหลายที่ได้ฟังเพลง The Beatles ก็ได้เรียกแนวเพลงของพวกเขาว่าเป็นเพลง “Pop” ซึ่งย่อมาจาก Popular

The Beatles นั่นเรียกได้ว่าอยู่จุงสูงสุดของวงการเลยก็ว่าได้

ทั้งเงินทอง ฐานะ ชื่อเสียง พวกเขานั้นได้รับมาทั้งหมดจนคนทั่วโลกต่างอิจฉาในตัวพวกเขา

แต่หลังจากที่ The Beatles ออกทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วโลกแล้ว ก็พบเจอกับปัญหาเรื่องข่าวอื้อฉาวมากมาย และอีกทั้งหลังจากปล่อยอัลบั้มไปแล้วกว่า 5 ตัว แฟนๆต่างก็เริ่มที่จะเบื่อกับแนวเพลงเดิมๆของพวกเขา

ซึ่งพวกเขาเองก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเช่นกัน หลังจากที่ได้ปล่อยอัลบั้มที่ชื่อ Rubber Soul

แฟนเพลงของพวกเขาก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เข้าถึงยากขึ้น แม้ว่าจะเป็นแนว Rock ‘n’ Roll เหมือนเดิม แต่เนื้อเพลงและดนตรีก็เริ่มรู้สึกมีความลึกซึ้งมากขึ้น และยากที่จะเข้าใจ

ซึ่งนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาก็ได้ตัดสินใจที่ปฏิวัติวงการดนตรีขึ้นมา

ในปีค.ศ 1966 สมาชิกในวงตัดสินใจกันว่าจะหยุดเล่นคอนเสิร์ตซักพักใหญ่ และตัดสินใจที่จะโฟกัสที่เรื่องการทำเพลงที่มีความซับซ้อนขึ้น และลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมในสตูดิโอ

ซึ่งพวกเขาได้ลองผิดลองถูกมากมาย แสวงหาสิ่งใหม่ๆเข้ามาในเพลงของพวกเขา

และการนำดนตรีจากหลายประเทศเข้ามาผสมผสานกัน

หลังจากผ่านไปหลายเดือน อัลบั้มที่ 6 อย่าง Revolver (1966) ก็ได้มีการแต่งเพลงเป็นแนว Psychedelic Rock หรือก็คือเป็นดนตรี Rock ที่เน้นการสร้างบรรยากาศล่องลอย สีสันฉูดฉาดและบิดเบี้ยวเกินจริง ซึ่งเป็นผลจากการใช้ยาเสพติด แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไม่ปิดบัง แต่นั่นก็กลายเป็นข่าวดังอยู่พักนึง

แต่แล้วอัลบั้มต่อมาในชื่อ sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band ได้ออกมาให้ผู้คนได้ฟังกัน ในปีค.ศ 1967 ซึ่งอัลบั้มชุดนี้ตอกย้ำสิ่งที่พวกเขาทำกันอยู่มาก และมันก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในแง่ยอดขายและคำวิจารณ์ ดนตรีของพวกเขามีลูกเล่นที่ใส่เข้ามามากขึ้น และความหลายหลากที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน

ซึ่งสมัยนี้ถ้าเราเปิดฟังอัลบั้มนี้ อาจจะมองว่าก็เป็นแนว Progressive Rock ทั่วไป

แต่จริงๆแล้วถ้ามองในมุมคนสมัยนั้น แนวแบบนี้ไม่ค่อยมีใครฟังมาก่อน และ The Beatles นั่นก็ได้ทำให้แนว Progressive Rock เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

จังหวะที่หนักหน่วง ดนตรีที่บาดลึกถึงหัวใจ แต่ก็ยังมีบางเพลงที่หวานซึ้งและเขากันได้อย่างงดงาม ทั้งเนื้อหาที่มีทัั้งการกล่าวถึงมุมมองต่างๆที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง

ทำให้เป็นอะไรที่ตื่นตาคนฟังอย่างมาก และเริ่มทำให้พูดคนยกย่องพวกเขามากขึ้น

เพลงเหล่านี้คือจุดเปลี่ยนของ The Beatles ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นตำนาน

The Beatles เริ่มจะทดลองอะไรมากขึ้นไปอีกทั้ง Magical Mystery Tour (1967), The White Album (1968), Yellow Submarine (1969) ที่มีการใช้เสียงแปลกๆต่างๆเข้ามา

เช่นเสียงบรรยากาศของคอนเสิร์ต, เสียงร้องของสัตว์ชนิดต่างๆ รวมถึงการนำเสียงนานาชนิดมาตัดต่อวนลูป, เพิ่มความก้องกังวาน, ปรับให้เสียงยาวขึ้นด้วยวิธีการแบบซาวด์คอลลาจ และมีการใช้เครื่องดนตรีใหม่ๆเข้ามาอย่าง moog synthesizer ที่ใช้มาบรรเลงในเพลงของพวกเขา

ทำให้พวกเขาได้ถูกยกย่องไม่ใช่เพียงเพราะความโด่งดัง แต่เป็นในแง่ของการกล้าลองสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่มีใครกล้าทำ และเหนือกาลเวลามาก เรียกว่ากลับมาฟังใหม่ก็ยังรู้สึกล้ำยุค ทันสมัย

หลังจากอัมบั้มสองชุดสุดท้าย Abbey Road (1969) และ Let It Be (1970)

เป็นการจากลากันของวง The Beatles เพราะพวกเขานั้นก็พอใจแล้วกับการทดลองในดนตรีของพวกเขา จุดประกายให้คนรุ่นใหม่ๆได้กล้ามาลองอะไรใหม่ๆ เพื่อตัวเอง สร้างวิวัฒนาการดนตรีให้เดินหน้าต่อไป และพวกเขาก็ได้ยุติบทบาทลง ได้แยกย้ายกันเดินทางไปใช้ชีวิตส่วนตัว ทำเพลงของตัวเอง และมีบางครั้งพวกเขาก็รวมตัวกันมาเล่นคอนเสิร์ต

แต่จุดที่สะเทือนใจที่สุดในโลก

นั่นคือเหตุการณ์ที่ John Lennon ได้ถูกยิงเสียชีวิต ในปีค.ศ 1980

หลังจากที่กำลังเดินทางเล่นคอนเสิร์ตใน อพาร์ทเมนต์ The Dakota ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

สร้างความโศกเศร้าให้กันเหล่าผู้คนทั่วโลกกับการจากไปของเขา

John Lennon ถือเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์

บทเพลงที่ John Lennon ได้แต่งร่วมกับวงนั้นเป็นการสร้างสันติภาพให้กับคนทั่วโลก และบทเพลงที่เหนือกาลเวลาของพวกเขาก็เป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้

แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่ก่อนจากนั้นเขาได้ฝากเพลงของเขาไว้ นั่นคือ “Imagine”

ซึ่งเนื้อหานั้นก็เป็นการตอกย้ำในสิ่งที่เขานั้นต้องการ นั้นก็การให้ผู้คนที่มีความฝันนั้นมาร่วมสร้างโลกใบนี้ให้สวยงามมากขึ้น และจงสร้างสันติภาพไปด้วยกัน

ใครที่มีความฝันจริงๆ อยากจะเป็นคนที่กล้าลองลุกขึ้นมาทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ หลักสูตร The Real Producer ก็พร้อมที่จะช่วยคุณให้เดินทางไปทำสิ่งที่คุณรักให้สำเร็จ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางด้านล่างได้เลยนะครับ

—————————————————

The Real Producer
REAL / DEEP / EXCLUSIVE

หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream

เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ

หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2

——————

Contact

Line ID :

– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound

Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound

Comments (1)

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.