หลายคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาชีพดนตรี และการเรียนดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหาวิทยาลัย คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ จะเข้าใจว่า เรียนสบาย น่าสนุก ได้อยู่กับเสียงเพลงทั้งวัน แต่ถ้าถามคนที่รู้ว่า ที่จริงแล้วมันเป็นยังไง นี่แทบจะเรียกได้ว่าหนังคนละม้วนเลยครับ
ดนตรีในระดับที่คนทั่วไปรู้จัก คือการร้องเพลง การเล่นดนตรีเพื่อผ่อนคลาย ความสนุก ความบันเทิงรื่นเริง ความสุนทรีย์ และแน่นอนว่า ดนตรีที่สอนให้กับระดับทั่วไปก็เป็นระดับที่ไม่เข้มข้น เน้นเพื่อให้เล่นเพื่อเพลิดเพลินมีความสุขกับมัน เป็นงานอดิเรก ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกครับ
แต่เมื่อไรที่คุณจะขยับเข้ามาในระดับที่จริงจังขึ้น เช่นมีการแข่ง การสอบเกรด การสอบเข้ามหาวิทยาลัย การเล่นวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดนตรีในรูปแบบ Academic ( Classical , Jazz ) พวกนี้แล้ว สิ่งที่คุณจะได้เรียน หรือสิ่งที่ต้องซ้อมมันจะโหดกว่าระดับของคนทั่วไปอยู่หลายขุมมาก เอาง่ายๆ ใครจะมาสายนี้ทุกคนจะโดนบังคับให้ซ้อม Scale หรือบันไดเสียง หรือที่เรียกว่า “ปั่นสเกล” แน่นอน ซึ่งมันไม่ได้สนุกแบบเล่นเพลงเลย มันค่อนข้างน่าเบื่อและทรมาน และตรงนี้นี่เองที่เป็นกำแพงหนาๆที่กั้นระหว่างมือสมัครเล่นกับมืออาชีพเอาไว้
การที่คุณจะเข้าไปสู่ระดับจริงจังได้ มันมีเรื่องที่ต้องแลกมาเยอะ ความพยายามกับวินัยที่คุณต้องทุ่มเทให้กับการเรียนการซ้อมที่ไม่มีทางลัดอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างขึ้นกับชั่วโมงบินเท่านั้น ซ้อมเยอะก็เก่ง ซ้อมน้อยก็ไม่เก่ง แค่นั้นเลย ถึงใครจะบอกว่าพรสวรรค์ช่วยได้ นั่นมันคำพูดของคนนอกครับ มาเรียนจริงๆเดี๋ยวจะรู้เองว่า มันช่วยไม่เยอะหรอก สุดท้าย 90% อยู่ที่ความมุ่งมั่นของตัวเองมากกว่าว่าจะพาตัวเองไปสู่จุดที่สูงขึ้นได้หรือไม่
ส่วนตัวจากประสบการณ์ที่ผมเห็น คนที่เรียกว่ามีพรสวรรค์เนี่ย มันไม่ใช่พรสวรรค์จริงๆหรอกครับ ที่จริงแล้วมันเกิดจากการที่เค้าแลกมาด้วยชั่วโมงซ้อมที่บ้าคลั่งมากกว่าคนปกติ สิ่งที่พอจะเรียกว่าพรสวรรค์ได้จริงๆผมกลับคิดว่า มันคือความชอบ ใช่ครับ “ความชอบคือพรสวรรค์” คนเราถ้าชอบ ถ้าหมกมุ่นคลั่งไคล้อะไรมากๆ จนยอมถวายชีวิต เลือดเนื้อ และวิญญาณให้มัน มันจะมีแรงถีบที่ทำให้ยอมทุ่มเทให้มันได้มากกว่าคนปกติ
จริงครับ
อันนี้พูดจากประสบการณ์ผมเองนะครับ และผมก็ค่อนข้างแน่ใจในสิ่งที่ผมพูด เพราะผมเรียนปริญญาตรีสองใบ ใบแรกเรียนอย่างอื่น ส่วนอีกใบมาเรียนดนตรี ผมเลยสามารถเปรียบเทียบได้ คณะที่ผมเรียนตอนใบแรกก็ไม่ใช่ว่าเรียนง่ายครับ มีคนมากมายไม่จบในสี่ปี มาจบปี 5 6 7 8 เห็นมากมาย หรือบางคนก็ไม่จบเลย ซิ่วไปเรียนที่อื่น (ผมไม่ขอบอกว่าคณะอะไรนะครับ ไม่อยากพาดพิง) ผมจบที่นั่นด้วยคะแนนเฉลี่ยระดับกลางๆครับ เอาเป็นว่าเป็นคณะยอดนิยมคณะหนึ่ง
พอมาใบที่สอง ที่ผมยังโชคดีที่ได้มีโอกาสได้เรียนอีก ชีวิตการเรียนในคณะดนตรีนี่เรียกได้ว่าแทบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันเข้มข้นกว่ามาก ถ้าคิดว่าใบแรกยากแล้ว ใบนี้หนักกว่าเยอะ มันไม่ได้สบายอย่างที่ใครคิด นี่ขนาดผมเรียนสาขาที่เกี่ยวกับการทำเพลงเบื้องหลังนะ ไม่อยากคิดเลยว่า คนที่เรียนสาขาการแสดง ที่เค้าต้องเข้มกับเด็กเรื่องการซ้อมมากกว่านี้มากๆมันจะขนาดไหน
วันๆที่อยู่กับดนตรีแทบจะ 24 ชม. แล้วการซ้อมที่หนักชนิดที่ว่า บางที อาจารย์ไม่ให้กลับบ้านถ้ายังซ้อมบางท่อนไม่ผ่าน หรือซ้อมกันวันละ 4-8 ชั่วโมงติดๆกันทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ อะไรแบบนี้แหละครับที่มันเป็นชีวิตของเด็กคณะดนตรีที่หลายคนไม่เคยสัมผัส การเรียนดนตรีในมหาวิทยาลัยคือการขึ้นเขาฝึกวิชาอย่างแท้จริง มันเหมาะกับคนที่ต้องการขัดเกลาตัวเองเพื่อเป็นยอดมนุษย์ในการเล่นดนตรี เรียกได้ว่าจบมายังไงก็เล่นดนตรีได้เหนือคนธรรมดา
ผมอาจจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับการเรียนหมอ ที่เค้าว่าหนักว่ายากได้ เพราะผมไม่เคยเรียนหมอ แต่ถ้าเทียบกับคณะอื่นโดยปกติเฉลี่ยทั่วไป สามารถพูดได้ว่า ลำบากกว่า ยากกว่ามาก และดีกรีความยากระดับสูงสุด คือการเรียนสาขาการแสดงดนตรี ทั้ง Classic และ Jazz คือถ้าจบได้ยังไงคุณก็เล่นดนตรีเทพมาก ถ้าเป็นสาขาอื่นที่เน้นการแต่งเพลง การประพันธ์ จะไม่ต้องซ้อมโหดยากเท่านี้ แต่จะมีความยากอีกแบบ คือพวกวิชา ทฤษฎีดนตรีและการประพันธ์ต่างๆ
ยากกว่าตอนเรียนอีกครับ 555
ตอนจบออกมาสิ่งที่ยากก็คืองานและความอยู่รอด ซึ่งก็ยากคนละแบบกับตอนเรียน แต่จะไม่มีใครมาบังคับเคี่ยวเข็ญให้คุณซ้อมหรือฝึกฝน หาความรู้เพิ่มเองแล้ว ถ้าคุณหยุดอยู่กับที่ ยังไงก็คือล้าหลังไปเรื่อยๆ ชีวิตในสายดนตรี ถ้าต้องการเป็นสุดยอดคือแทบจะหยุดฝึกฝนตัวเองไม่ได้ เอาจริงๆงานก็หายากอยู่แล้ว ยังต้องซ้อมต้องพัฒนาตัวเองอีก ไหนยังต้องมาเจอความเข้าใจผิดจากคนนอก คิดว่าเรียนมาสบาย หรือเป็นงานสบาย จนถูกตีค่าต่ำอีก เป็นสิ่งที่ต้องทำใจในภาวะที่เราอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา
แต่คนที่จบมาได้ อย่างน้อยก็คือการันตีแล้วว่า ไม่ธรรมดา ไม่เชื่อลองให้เค้าเล่นดนตรีให้ดูครับ ระดับต่างกับคนทั่วไปอยู่เยอะ กว่าเค้าจะได้สกิลพวกนี้มามันไม่ใช่ง่ายๆ และก็ไม่ใช่พรสวรรค์ด้วย ที่จริงคือ ผ่านความทรมานกันมาหมด โดนเคี่ยวเข็ญให้ซ้อมๆๆ จากอาจารย์กันมาเยอะ
ความลำบากมีหลายอย่างครับ อาจจะไม่ได้ลำบากไปแบกหาม แต่เป็นลำบากซ้อมวันละ 8 ชั่วโมง ติดกันหลายปี ซึ่งมันไม่ได้บันเทิงหรือสบายอย่างที่ใครๆคิด ไม่มีสกิลใดได้มาด้วยการไม่ต้องพยายาม เบื้องหลังความสุนทรีย์ ดนตรีมันมีมุมที่ไม่สนุกอยู่ด้วยครับ
ก็คือไม่รักมากก็โดนคำสาปนี่แหละครับ พวกเดียวกัน อย่างในตอนที่ผมเรียน ผมก็เมามันในความยาก ความลำบากนั้นนะ มันเป็นความลำบากที่เราพึงพอใจ ผมเข้าใจถ้าคุณบ้าเรื่องอะไรมากๆ คุณก็อาจจะเป็นแบบผม คือเป็น Masochist สายดนตรี ปัจจุบันก็ยังเป็น เห็นดนตรีอะไรยากๆซับซ้อนไม่ได้ ต้องอยากรู้อยากเห็นให้ถึงที่สุด
ถ้าคุณรู้ตัวว่าใจมันมา และพร้อมรับอะไรพวกนี้ได้ ติดต่อหลักสูตร The Real Producer ได้ครับ เราสอนการทำเพลงทำดนตรี เป็น Producer ขั้นลึกๆ แบบนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ลึกพอ หรือเรียนไม่คุ้ม กลัวว่าจะเรียนไม่ไหวดีกว่าครับ กล้าท้าให้ลองเรียนดูได้
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :