MUSIC FOR BUSINESS

5 สิ่งจำเป็น! ถ้าอยากรอดในอาชีพ Music Producer

The Real Producer REAL / DEEP / EXCLUSIVE . หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream . เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ . หลักสูตร The Real Producer เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล สนใจหลักสูตร ติดต่อ...

5 ประเภทของการทำ Sound คืออะไร? มือใหม่ระวังสับสน

มีหลายๆคนอาจจะสับสนเรื่องของการใช้คำว่า “Sound” โดยเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้ทางด้านดนตรี ทำให้สับสนว่าความหมายของการทำ “Sound” มันคืออะไร 1.Sound design ประกอบภาพ คือ เสียง effect ต่างๆไม่ใช่ดนตรีประกอบ หรือเรียกว่า sound design หรือ sound effect 2.Sound ดนตรีประกอบ คือส่วนที่เป็นดนตรี เรียกว่า music score หรือ film score 3.Sound mix เสียงภาพยนต์ คือ การนำเสียงทั้งหมดจาก sound effect หรือ เสียงบทพูด มาทำ final mix...

จ้างทำเพลงหลักหมื่นหลักแสน คุ้มค่ากับธุรกิจหรือไม่?

การทำโฆษณาด้วยเพลงนั้นมีค่าใช้จ่ายเสมอ อย่างไรก็ตามในตัวเลือกต่างๆก็สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมได้ ในการมองถึงความคุ้มค่าบางทีอาจจะต้องสำรวจข้อดีของมันเสียก่อน ว่าประโยชน์ของมันมีอะไรบ้าง อย่างการตลาดทางดนตรีสามารถมีบทบาทสำคัญในการสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์โดยการสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์ที่แน่นแฟ้นกับกลุ่มเป้าหมาย และถ่ายทอดภาพลักษณ์และข้อความที่แตกต่างออกไป ต่อไปนี้เป็นวิธีการบางอย่างที่การตลาดทางดนตรีจะช่วยในการสร้างตัวตนหรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ บางทีการวางกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับศิลปินชื่อดังที่มียอดขายเปรี้ยงปร้างอาจทำให้เสียเงินหลายพัน แต่การเป็นพันธมิตรกับศิลปินท้องถิ่นและภูมิภาค ซึ่งหลายคนจะกลายเป็นศิลปินที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จในอนาคตเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม ศิลปินท้องถิ่นดาวรุ่งมีผู้ชมที่หลากหลายทั้งครอบครัว เพื่อน และแฟนเพลง นี่เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าที่ให้ระดับการมีส่วนร่วมและความภักดีที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ศิลปินและวงดนตรีมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นแฟนๆของพวกเขาก็เป็นผู้บริโภคเช่นกัน เมื่อคุณนึกถึงวิธีที่แบรนด์โปรดของคุณใช้ประโยชน์จากดนตรีในกลยุทธ์ทางการตลาด สิ่งนี้สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญเล็กๆน้อยๆ หรือการสนับสนุนตลอดชีวิต การตลาดทางดนตรี คือวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สุดท้ายนี้เห็นได้ว่ามีหลายเหตุผลที่เราควรพิจารณาใช้ดนตรีเป็นหนึ่งในตัวเลือกของกลยุทธ์ในการตลาด เพราะดนตรีและการตลาดเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มการมองเห็น และเพิ่มการมีส่วนร่วมในหมู่ผู้ชม การดึงการตอบสนองทางอารมณ์จากผู้ชมด้วยการทำงานร่วมกับศิลปินที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายคลึงกันจะช่วยให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ได้ นอกจากนี้การเป็นพันธมิตรกับศิลปินหน้าใหม่ยังนำไปสู่โอกาสใหม่และน่าตื่นเต้น ช่วยให้การสร้างแบรนด์ให้เติบโตควบคู่ไปกับการทำตลาดเพลงดิจิทัล ———————The Real ProducerREAL / DEEP / EXCLUSIVE.VERY CAT SOUND : Compose Your Dream.สร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพระดับสากลสนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม...

กรณีศึกษา Butterbear ขายดีด้วย การตลาดดนตรี ได้อย่างไร

ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ButterBear หรือ น้องหมีเนย มาสคอตสุดน่ารักจากแบรนด์และร้านขนมอย่าง “Butterbear” ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ทางการตลาดสุดโด่งดัง และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตอนนี้ สามารถดึงดูดลูกค้า สร้างฐานแฟนคลับของร้านได้อย่างน่าทึ่ง และในขณะที่หลายๆคนกำลังไปให้ความสนใจการทำตลาดของตัวแบรนด์อย่าง Mascot Marketing แต่จุดน่าสนใจคือทางแบรนด์ก็มีจุดเชื่อมโยงกับการตลาดดนตรีแอบแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วมาสคอตจะถูกนำมาใช้แค่ไม่กี่งาน แต่กลับกัน น้องหมีเนย ถือว่าเป็นนักแสดงหลักของช่องที่ช่วยทำให้ content มีความหลากหลาย โดย content ที่ทำให้น้องแจ้งเกิดได้ก็คือคลิปเต้น cover เพลงดังอย่าง Magnetic ของวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอย่าง ILLIT ซึ่งทางแบรนด์ยิ่งเห็นว่าแฟนๆชอบการเต้นของน้องหมีเนยเป็นพิเศษ แบรนด์จึงเปิดโอกาสให้น้องหมีเนยได้โชว์ความสามารถในการเต้นอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นแนว T-pop, K-pop หรือเพลงฮิตที่แฟนๆชอบน้องหมีเนยก็สามารถเต้นได้หมด แสดงให้เห็นว่า น้องหมีเนย มีความเป็นสายสายโซเชียลที่ทันทุกเทรนด์ ทุกกระแส เต้นได้ทุกเพลง...

3 อย่าง ที่นักพากย์โฆษณาต้องมี

อาชีพ นักพากย์ ในปัจจุบันถือเป็นอีก 1 อาชีพที่น่าจับตามอง เพราะมีความต้องการของตลาดที่สูงมากขึ้นกว่าแต่ก่อนและมีการแข่งขันที่สูงมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งบางคนอาจจะเคยได้ยินประโยคขายฝันอย่าง 3ไม่เกิน6เดือนรายได้เดือนละแสน 2ถึง3ปีล้าน มาบ้างแต่กลับกันในด้านของอาชีพนักพากย์โฆษณาสามารถสร้างรายได้ 300 $ (10,000 บาท) ภายใน 5 นาทีได้จริงๆ เหมือนการคิดค่าโฆษณาวินาทีละหลายแสน นักพากย์ก็สามารถทำเงินได้เป็นวินาที เป็นนาทีได้เช่นกัน แต่การจะมาทำอาชีพในด้านนี้ก็ไม่ได้ง่าย แม้ว่าจะไม่ได้มีการจำกัดวงอาชีพแบบเจาะจงว่าต้องจบตรงสายจบสาขานี้เท่านั้น แต่ถ้าอยากเป็นนักพากย์มืออาชีพ สิ่งที่ควรมีคืออะไร? อย่างแรก คือมีน้ำเสียงดี ต้องสามารถใช้น้ำเสียงได้หลากหลาย เพราะนักพากย์ต้องใช้น้ำเสียงในการแสดงอารมณ์และสถานการณ์ พากย์เสียงได้หลายอารมณ์ต้องหาวิธีสร้างเสียงให้เข้ากับอารมณ์และสถานการณ์นั้นๆ อาจต้องลองค้นหาสไตล์เสียงของตัวเองให้เจอเพราะถ้าหาเจอแล้วจะช่วยให้เราโฟกัสได้ง่ายขึ้นว่าควรฝึกออกเสียงแบบไหน ใช้เสียงอย่างไรอีกทั้งยังสามารถสร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อีกด้วย อย่างที่ 2 คือมีทักษะ ทักษะที่จำเป็นต้องมีหลักๆคือ ทักษะด้านการอ่านและการตีความ ในการพากย์เสียงต้องมีการอ่านบทพากย์และตีความ ซึ่งต้องอ่านออกเสียงได้ชัดเจน คล่องแคล่ว ตรงตามไวยากรณ์...

3 ทริค ทำเพลง Cover ให้น่าสนใจ

ทริคที่ 1 เริ่มต้นตั้งแต่การเลือกเพลง การเลือกเพลงมาทำ cover นั้นหลายคนอาจคิดว่ามันไม่ได้จำเป็นที่จะต้องคิดอะไรให้มากมาย แต่การ cover เพลงที่ไม่เหมาะสมหรือไม่มีความคิดสร้างสรรค์จะทำให้คนอาจไม่กลับมาดูช่องของเราอีก ควรเลือกเพลงที่ดึงเอาจุดแข็งของตัวเองออกมาได้ดี เพื่อโชว์ความเป็นศิลปินในตัวของตัวเองออกมาให้ได้เยอะ และควรเลือกเพลงฮิตที่กำลังได้รับความนิยม เพราะเพลงที่กำลังดังนั้นมีฐานคนฟังมากอยู่แล้ว และแน่นอนว่าก็คงมีไม่น้อยที่อยากจะลองฟังฉบับอื่นๆดู ถ้าเกิดเรา cover เพลงที่อาจจะไม่ได้ดังหรือกำลังเป็นกระแส มันก็อาจจะยากหน่อยที่จะดึงดูดคนเข้ามา เพราะแค่ตัวเพลงอย่างเดียวก็สามารถดึงดูดคนเข้ามาดูได้ แล้วยิ่งถ้าช่องของเราไม่ได้มีฐานแฟนเพลงฟังเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นก็เหมือนกับว่าเรายิ่งตัดโอกาสของตัวเอง ในการดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนที่อาจจะกลายมาเป็นแฟนคลับของเราในอนาคตเข้าไปอีก ทริคที่ 2 ทำเพลงให้ใส่ความสร้างสรรค์ อีกสิ่งหนึ่งนอกจากการที่เราร้องเพลงเพราะแล้วนั้นมันอาจยังไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่คนกำลังมองหาคือความสร้างสรรค์ อย่าลืมว่าการ cover ไม่ใช่การร้องคาราโอเกะ เราต้องทำมันให้ดีกว่าหรือทำให้รู้สึกแตกต่างออกไปจากต้นฉบับ โดยต้องมีการปรับแต่งใหม่ เพื่อให้คนได้ฟังต้นฉบับอีกครั้งในอีกรูปแบบอีกอารมณ์ความรู้สึก วิธียอดนิยมที่สุดในการทำเพลง cover คือร้องเพลงในเวอร์ชั่น Acoustic ลดความเร็วจังหวะของต้นฉบับ และเหลือแค่เสียงร้องและเสียงเครื่องดนตรี และอีกวิธีหนึ่งที่ฮิตไม่แพ้กัน คือการเปลี่ยนรูปแบบจากต้นฉบับไปเลยโดยสิ้นเชิง...

ระบบเสียง IVR ตัวช่วยในธุรกิจชั้นนำ

ระบบ IVR (Interactive Voice Response) คือ การตอบโต้เมนูอัตโนมัติผ่านเสียง ที่ใช้ในระบบ Call Center เพื่อตอบคำถามลูกค้าโดยไม่ต้องใช้พนักงาน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระการทำงานของพนักงานในการตอบรับลูกค้าเบื้องต้น และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่โทรเข้ามาโดยสามารถเลือกได้ว่าต้องการคุยหรือต้องการการบริการในเรื่องใด ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่คุณโทรหาบางบริษัทและมีระบบบอกว่า “ติดต่อฝ่ายขายกด 1“ “ติดต่อฝ่ายบริการกด 2” “แจ้งปัญหากด 3” แบบนี้เป็นต้น ซึ่งระบบนี้สามารถช่วยในการเก็บข้อมูลของลูกค้า เช่น ประเภทของปัญหาหรือหมายเลขที่ติดต่อ และยังช่วยพาลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาให้ไปยังจุดที่เขาต้องการได้เลย โดยที่ไม่ต้องเพิ่มภาระให้กับฝ่ายอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง โดยที่ระบบ IVR เก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา ผ่านตัวเลขที่เป็นตัวแทนของปัญหาในโทรศัพท์ พร้อมทั้งฝั่งของบริษัท สามารถตั้งค่าคำตอบล่วงหน้าสำหรับลูกค้าถามบ่อย ๆ เพื่อลดเวลาในการรอของลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นการบริการลูกค้าแบบ Self Service รูปแบบนึงที่หลายๆบริษัทชั้นนำมีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว สรุปสั้นๆได้ว่า...

พลังเพลงในองค์กร ปลุกใจคนฟัง

การทำงานและวัฒนธรรมขององค์กรกลายเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จและความสุขของบุคคลในชีวิตประจำวัน ไม่เพียงแค่การทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพในแต่ละวัน แต่มันยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์และเป้าหมายในภาพรวมของคนภายในองค์กร ด้วยเหตุผลนี้เพลงที่สื่อถึงความท้าทาย ความมุ่งมั่น และการให้กำลังใจในชีวิตการทำงานจึงมีความสำคัญและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในองค์กรหลากหลายที่ ซึ่งเพลงปลุกใจคนในการทำงานไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังสื่อถึงความหวัง ความเชื่อมั่น และการไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานในออฟฟิศ เป็นผู้ประกอบการ หรือผู้ที่กำลังตามหาฝันของตนเอง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งงานไหนหรือกำลังทำงานอะไร เพลงเหล่านี้จะเป็นเสียงสะท้อนที่ทำให้มีรู้สึกว่าไม่เดียวดายในการต่อสู้เพื่อความสำเร็จในชีวิตและองค์กร และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เพลงประจำบริษัทหรือเพลงประจำองค์กร ถูกใช้เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ของพนักงานให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และให้มีความภาคภูมิใจในบริษัทหรือองค์กร และเสียงเพลงพร้อมเนื้อร้องที่มีความหมายดีๆก็จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความสามัคคี รวมถึงสามารถทำให้พนักงานและผู้ฟังทั่วไปเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของบริษัทหรือองค์กรได้อีกทางหนึ่ง

พลังเพลงโฆษณา 15 วิ

เชื่อว่าในยุคสมัยนี้ทุกคนต้องเคยใช้แพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียต่างๆกันมาบ้าง แน่นอนเพราะกับยุคที่อะไรก็รวดเร็วและสะดวกสบายไปซะทุกอย่างจนทำให้เราขาดมันไปไม่ได้ เรียกได้ว่าความสำคัญของอินเตอร์เน็ตแทบจะเทียบเคียงกับปัจจัย4 แต่ว่าของฟรีไม่มีในโลกกาารที่เราเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเงินๆทองๆ การที่เว็บไซต์เหล่านั้นสามารถอยู่ได้โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากโฆษณาที่ทางเว็บหรือแพลตฟอร์มต่างๆจะจัดเตรียมที่ไว้ให้ บวกกับการทำการตลาดแบบใหม่ของแบรนด์ต่างๆที่เริ่มนำเอา Music Marketing มาใช้มันจึงลงล็อคกันพอดี ก่อให้เกิดเพลงโฆษณาที่สั้นเร็วที่ดึงความสนใจของคนที่ดูและยังสามารถยิงAdsโฆษณาไปได้ทุกที่บนโลกอินเตอร์เน็ตอีกด้วย แต่ถ้าถามว่าทำไมต้อง 15 วินาทีกันล่ะ? ขอแบ่งออกเป็น2เหตุผลหลักๆ คือ อย่างแรกขออ้างอิงมาจากกฎของแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง Youtube กฎโฆษณาในยูทูปที่กดข้ามไม่ได้ (Non-skippable in-stream Ads) จะต้องมีความยาวประมาณ 15 วินาทีหรือสั้นกว่า ผู้ชมจะไม่สามารถกดข้ามวิดีโอประเภทนี้ได้เลย ข้อดีก็คือช่วยเพิ่มระดับการรับรู้และการจดจำของผู้บริโภค เพราะส่วนมากคนดูหลายคนชอบกดข้ามโฆษณา ซึ่งวิธีนี้มีส่วนช่วยเปิดโอกาสให้แบรนด์ต่างๆโดดเด่นขึ้นมาได้ ซึ่งในตัวแพลตฟอร์มอื่นๆก็มีกฎที่ใกล้เคียงกันอยู่ ส่วนอีกเหตุผลคือพฤติกรรมของคนฟังที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมของคนในยุคสมัยอินเตอร์เน็ตที่ทุกอย่างมีความรวดเร็วและทันท่วงที ทำให้ช่วงความสนใจสั้นลง และโจทย์ที่หินที่สุดสำหรับแบรนด์แทบจะทุกแบรนด์ที่ต้องตีให้แตก คือการกุมความสนใจของคนดูให้อยู่หมัดภายในระยะเวลาอันสั้น เรียกได้ว่าแค่ประโยคแรกของเพลงก็ต้องทำให้เกิดการจดจำและทำซ้ำทันที ถ้าคิดเป็นตัวเลขก็อาจจะภายในเวลา 5 วินาทีหรือน้อยกว่า ฟังดูน้อยมากแต่เห็นได้ชัดกับความนิยมของTIKTOK...

เทคนิค Earworm ทำเพลงติดหู สะกดใจคนฟัง

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจสั้นๆกับสภาวะที่เราเรียกกันติดปากง่ายๆว่า Earworm หรืออีกชื่อที่เป็นทางการขึ้นมาหน่อยอย่าง Stuck Song Syndrome (SSS) ซึ่งมันเป็นภาวะทางสมองอย่างหนึ่งเกิดจากการที่เราฟังเพลงที่มีเนื้อร้อง และทำนองท่อนใดท่อนหนึ่ง หรือทั้งเพลง แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับมีความรู้สึกว่าเพลงนั้นยังคงเล่นวนซ้ำอยู่อย่างนั้นแม้ไม่ได้ยินเพลงนั้นแล้ว ทำให้เราควบคุมตัวเองไม่ได้เผลอร้องหรือฮัมเพลงนั้นออกมานักวิทยาศาสตร์คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับสมองส่วนการได้ยิน (Auditory Cortex) ไปกระตุ้นหน่วยความจำระยะสั้นที่เกี่ยวกับเสียง และการได้ยินแบบต่อเนื่องอย่างเป็นวัฏจักร (Phonological Loop) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความจำพร้อมใช้งาน (Working Memory) ทำให้เกิดความทรงจำพร้อมใช้แบบเสียงที่วนซ้ำๆในลักษณะดังกล่าวนั้นไม่มีผลเสียต่อร่างกาย แต่ก่อให้เกิดความรำคาญเพียงเท่านั้น ข้อสังเกตุของเพลงที่ทำให้เราติดหูมากๆเกือบแทบจะทุกเพลงที่มักทำให้เกิดภาวะ Earworm หรือเพลงที่มักจะทำให้เราหลอนหูมีตั้งแต่เพลงสั้นๆไปจนถึงเพลงที่มีความยาวมากๆ โดยมีเนื้อร้อง หรือทำนองแบบหนึ่งซ้ำๆ ซ่อนอยู่ในเพลง เช่น เพลงสำหรับเด็ก เพลงป๊อบ เพลงประกอบโฆษณาสินค้าและบริการซึ่งใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการตลาด หรือให้ข้อมูลบางอย่างกับผู้ฟัง รวมถึงแนวเพลงที่มีจังหวะเร็ว ทำนองจำง่าย เนื้อเพลงจะใช้คำง่ายๆ และร้องซ้ำไปซ้ำมาหลายๆรอบ ซึ่งมีส่วนทำให้สมองจัดการข้อมูลเพื่อจดจำได้ง่ายขึ้นเพลงที่มักจะติดหูผู้คนได้ไวมักจะมีโครงสร้างคล้ายๆกันก็คือการออกแบบเมโลดี้ช่วงแรกๆให้เป็นโน้ตที่ค่อนข้างสูง ช่วงถัดมาจะเป็นโน้ตต่ำลง...

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.