วิเคราะห์เพลง Crazy – SEREFM

วิเคราะห์เพลง Crazy – SEREFM

.

เพลง Crazy – LE SEREFM เป็นเพลง K-pop ที่ปล่อยออกมาได้สักพักแล้วก็จริง แต่เหตุผลที่ทำให้ยังเลือกหยิบยกเพลงนี้มาวิเคราะห์ เพราะเพลง Crazy – LE SEREFM มีวิธีคิดดนตรีที่โดดเด่น และพูดได้ว่าเป็นหนึ่งในเพลง K-pop ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดและทำเพลงในวงการ K-pop ที่กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงและแตกต่างไปจากเดิม โดยถ้าฟังเพียงผิวเผินอาจจะรู้สึกว่าเป็นเพลง K-pop ที่เรียบง่ายเพลงหนึ่ง แต่ในความเรียบง่ายนี้ ก็ไม่ได้คิดขึ้นมาง่าย ๆ บทความนี้จึงอยากวิเคราะห์เพลง Crazy – LE SEREFM ให้เห็นถึงวิธีคิดที่แตกต่างจากเพลง K-pop ทั่วไปให้อ่านกัน

ส่วนใหญ่เพลง K-pop มักจะมีรูปแบบดนตรีที่คล้ายคลึงกัน จนรู้สึกว่าฟังแล้วก็เหมือน ๆ กันไปหมด จนกระทั่งการมาของ New Jeans ไม่นานนี้ ถึงเริ่มบอกได้ว่าเพลง K-pop เริ่มแตกต่างไปจากเดิม และเห็นได้ชัดขึ้นไปอีกจากเพลง Crazy – LE SEREFM โดยจุดที่โดดเด่นของเพลงนี้จะอยู่ที่การใช้ harmony ในธีมหลักของเพลง ซึ่งอยู่ในไลน์เบสและเมโลดี้ร้อง ที่ฟังแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนเพลงแนว Avangard 

เพลง Crazy – LE SEREFM นั้นจะอยู่ในคีย์ G ประกอบไปด้วยโน๊ต G A B C D E F# ซึ่งถ้าดูจากคีย์อย่างเดียวก็ไม่น่ามีอะไรที่แปลกขนาดนั้น แต่ที่น่าสนใจคือการเลือกโน๊ตมาใช้เป็นธีมหลัก โดยไลน์เบสของเพลงจะเริ่มต้นด้วยโน๊ต B ซึ่งเป็นโน๊ตที่ 3 ของคีย์ G รวมถึงตอนจบไลน์ก็เลือกจบที่โน๊ต B เช่นกัน จะเห็นว่าเพลงนี้ไม่ได้ใช้โน๊ตที่ 1 (G) เป็นศูนย์กลาง แต่ย้ายศูนย์กลางไปไว้ที่ตัว B ที่ไม่ว่าโน๊ตจะเคลื่อนขึ้นลงไปไหน ก็จะกลับมาที่โน๊ต B โดยการทำแบบนี้จะเรียกว่า B Phrygian ซึ่งเป็นการนำความรู้เรื่อง Mode มาใช้ ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากใช้โน๊ต G เป็นศูนย์กลาง

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือเมโลดี้ร้อง ที่ร้องประสานไปคู่กับไลน์เบสนั้นถูกเซ็ตโน๊ตไว้ให้เป็นคู่ 5 ซึ่งโดยปกติแล้วคู่ 5 จะทำให้นึกถึงเสียง synth ที่เวลากดโน๊ตตัวเดียว จะมีเสียงของคู่ 5 ซ้อนเขามาด้วย ทำให้ในการใช้เสียง synth มีความยากในการจัดการ harmony ให้ลงตัวและไม่กวนกัน แต่เพลง Crazy – LE SEREFM กลับนำความยากตรงนี้มาเป็นวิธีคิดในการคิดเพลง เป็นการขับเน้น Mode ให้ได้ยินชัดขึ้น ซึ่งจะผสานไปกับการใช้คอร์ดที่ไม่ได้ทิ้งแช่ไว้นาน แต่จะพยายามพาให้กลับมาสู่โน๊ตที่เป็นศูนย์กลาง

จะเห็นได้ว่าเพลงที่ดูฟังง่าย ๆ นี้ แต่หากไม่เข้าใจในเรื่อง Mode ก็ไม่สามารถสร้างสำเนียงเหล่านี้ได้ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นความรู้หนึ่งที่ช่วยให้เราทำงานในอุตสาหกรรมดนตรีต่อไปได้ เพราะว่าในอนาคตหลากหลายเพลง Pop จะเริ่มสร้างสรรค์และหาสำเนียงใหม่ ๆ ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่อง Mode ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่ง Harmony ทางคลาสสิคหรือแจ๊ส ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ควรจะเรียนรู้และเข้าใจไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปทำเพลงในสายคลาสสิคหรือแจ๊ส แต่ทั้งสองอย่างนี้เป็นดนตรีรากฐานของดนตรีในปัจจุบันทั้งหมด การศึกษาไว้จะช่วยให้เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับแนวเพลงของตัวเองได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ในคอร์สเรื่อง Harmony VCA301 VCA302 VCA401 VCA402 ซึ่งจะอยู่ในหลักสูตร The Real Producer

The Real Producer

REAL / DEEP / EXCLUSIVE

.

หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream

เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง

ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง

นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ

.

หลักสูตร The Real Producer

เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล

สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link

http://mkt.verycatsound.academy/mf2

——————

Contact

Line ID :

– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy

– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound

Tel. : 0856662425