วิธีหาคีย์เพลงทำยังไง?
เป็นกันไหมครับ ฟังเพลงแล้วสงสัยว่าเพลงนี้คือคีย์อะไร บางทีได้ยินแต่ละท่อนแล้วรู้สึกว่าอยากเอาลองเอาไปใช้ในการทำเพลงดูบ้าง แต่ติดที่ไม่รู้ว่ามันคีย์อะไร หรือมีคอร์ดอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีหาคีย์เพลง รับรองว่าเป็นประโยชร์กับนักทำเพลงทุกคนครับ
หลัก ๆ แล้ววิธีหาคีย์เพลงพอแบ่งได้เป็น 3 วิธี
สิ่งนี้มีมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแอพลิเคชั่น หรือ AI เช่น Chord ai , Song Key & BPM Finder , Moises , Vocal Remover หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งช่วยหาคีย์ให้เราจากการใส่ลิงค์ youtube หรือใส่ไฟล์เพลง แล้วให้โปรแกรมช่วยวิเคราะห์ แต่ว่าวิธีนี้ก็ไม่ได้แม่นเสมอไป โดยให้ประมาณ 70% เท่านั้น อาจจะต้องเช็คดูจากแหล่งอื่นอีกทีหนึ่ง
วิธีนี้ต้องมีความรู้ทางดนตรีนิดหนึ่ง โดยต้องรู้เรื่องโน้ตและคอร์ด ซึ่งขอแบ่งออกเป็น 2 ข้อ
2.1 วิเคราะห์จากคอร์ด
วิธีนี้ หลัก ๆ คือเราจะต้องเข้าใจคอร์ดในคีย์เมเจอร์สเกลว่าทั้ง 7 คอร์ดเกิดจากการประกอบกันของตัวโน้ต 3 ตัว ซึ่งแต่ละคอร์ดจะมีคุณภาพเดิมเสมอ อย่าง คอร์ดที่ 1 4 5 จะเป็นเมเจอร์ คอร์ดที่ 2 3 6 จะเป็นไมเนอร์เสมอ และคอร์ดที่ 7 จะเป็น คอร์ด Dim
ยกตัวอย่างในกรณีที่เป็นคีย์ C ก็จะมี
I : C E G = C
ii : D F A = Dm
iii : E G B = Em
IV : F A C = F
V : G B D F = G7 (ให้จำไปก่อนว่าเฉพาะคอร์ดที่ 5 จะเป็นคอร์ดโดมิแนนท์เซเว่น)
vi : A C E = Am
vii° : B D F = Bdim
ในทุกคีย์จะมีคอร์ดเป็นคุณภาพนี้เสมอ ฉะนั้น ในการหาคีย์เพลง ให้เราดูว่าเพลงนั้นมีคอร์ดอะไรบ้าง โดยอย่างแรกให้ลองสังเกตว่ามีคอร์ดโดมิแนนท์เซเว่นไหม ถ้าเกิดมีก็ให้เราคิดไปเลยว่าเป็นคอร์ดที่ 5 ของคีย์ เช่น ถ้ามีคอร์ด G7 เราจะรู้ได้เลย่ว่าเป็นคอร์ดที่ 5 ของคีย์ C หรือถ้าเป็นคอร์ด A7 ก็จะรู้ได้เลยว่าเป็นคอร์ดที่ 5 ของคีย์ D เพราะว่าในทุกคีย์จะมีคอร์ดโดมิแนนท์เซเว่นอยู่คอร์ดเดียวเสมอ
เพราะถ้าสังเกตคอร์ดอื่น ๆ จะเห็นว่าคอร์ดเดียวกันก็มีอยู่ในหลายคีย์ เช่น คอร์ด C ก็มีอยู่ทั้งคีย์ C(คอร์ดที่ 1) และคีย์ G(คอร์ดที่ 4) หรือคอร์ด Gm ก็จะมีอยู่ทั้งคีย์ F(คอร์ดที่ 2) คีย์ Bb(คอร์ดที่ 6 ) คีย์ Eb(คอร์ดที่ 3)
ที่แนะนำอีกอย่างก็คือคอร์ด Dim เพราะมีแค่คอร์ดเดียวในคีย์นั้น ๆ เช่น Cdim เป็นคอร์ดที่ 7 ของคีย์ Db หรือ G#dim ก็เป็นคอร์ดที่ 7 ของคีย์ A (เห็นคอร์ด Dim แล้วรู้เลยก็จริง แต่เพลงทั่วไปไม่ค่อยมีคอร์ด Dim ให้เห็น)
แต่ถ้าเราไม่เจอคอร์ด 7 (กรณีที่คอร์ดที่ 5 ไม่เล่น 7) หรือคอร์ด Dim เลย เราก็ต้องมานั่งดูคอร์ดทั้งหมดเทียบกับคุณภาพคอร์ดในแต่ละคีย์ คอร์ดที่ 1 4 5 จะเป็นเมเจอร์ คอร์ดที่ 2 3 6 จะเป็นไมเนอร์เสมอ ซึ่งดูว่าคอร์ดทั้งหมดส่วนใหญ่ตรงกับคีย์อะไร
สมมุติว่าเพลงที่เราอยากหาคีย์ มีคอร์ด C G F Am Dm Em อันนี้ถ้าเราแม่นเรื่องคุณภาพคอร์ดก็จะรู้ได้เลยเป็นคีย์ C เพราะคอร์ด C G F เป็นคอร์ดคุณภาพเมเจอร์ ซึ่งตรงกับคอร์ดที่ 1 5 4 ของคีย์ C ซึ่งคอร์ด Am Dm Em ก็เป็นคอร์ดคุณภาพไมเนอร์ ซึ่งเป็นคอร์ดที่ 6 2 3 ของคีย์ C
แต่กรณีที่เราอาจจะไม่แม่น เราอาจจะสันนิษฐานก่อนว่า มันน่าจะเป็นคีย์ C หรือ G หรือ F เพราะมันเป็นคอร์ดเมเจอร์ และทีนี้มาดูต่อว่าแล้วแต่ละคีย์มันมีคอร์ดอะไรบ้าง สมมุติว่าเราลองคิดให้เป็นคีย์ G ที่มีคอร์ด G Am Bm C D Em Fdim ซึ่งเพลงของเรามีคอร์ด Dm ซึ่งคุณภาพไม่ตรงกับคอร์ด D ของคีย์ G
หรือถ้าคิดว่าเป็นคีย์ F ที่มีคอร์ด F Gm Am B C Dm Edim F เพลงของเราก็มีคอร์ด G ซึ่งคุณภาพไม่ตรงกับคอร์ด Gm ของคีย์ F
ฉะนั้นจึงคิดได้ว่าเพลงนี้เป็นคีย์ C
ขอบอกก่อนว่าวิธีที่แนะนำนี้ เอาไปใช้หาคีย์เพลงได้กับเพลงทั่วไปที่ไม่ซับซ้อน มีคีย์เดียวในเพลง ซึ่งประมาณ 70% ของเพลงทั้งหมดก็เป็นแบบนี้หมด แต่อาจจะเอาไปใช้กับเพลงที่มีหลายคีย์หรือซับซ้อนไม่ได้
นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่พวกแอพลิเคชั่นหรือ AI ทั้งหลายวิเคราะห์คีย์ผิดด้วย เพราะฐานข้อมูลที่เอามาวิเคราะห์มันมาจากเมเจอร์สเกลเป็นส่วนใหญ่ พอไปเจอเพลงที่ซับซ้อนมาก ๆ มีคอร์ดนอกคีย์หลายตัว ก็อาจจะวิเคราะห์ได้ไม่ถูกต้อง
2.2 วิเคราะห์จากโน้ต
การเทียบโน้ตต้องมีความรู้ทฤษฎีดนตรี และต้องมี Ear training ที่ดีด้วย คือต้องฟังออกได้ว่าทำนองที่ได้ยินมันร้องหรือเป็นแบบไหน และเรามาเล่นเทียบเสียงฟังในเปียโนหรือกีตาร์ได้
สมมุติว่า เราได้ยินทำนองอันนึง เรามากดเปียโนจนได้เสียงที่ตรง ซึ่งเป็นโน้ต Db Ab C มันก็จะเริ่มแคบลงมาว่าคีย์ไหนที่มีโน้ตสามตัวนี้ได้บ้าง ก็จะเห็นว่าอาจจะเป็นคีย์ F หรือ C# หรือ F# หรือ Ab
ฉะนั้น ยิ่งเรารู้โน้ตเยอะเท่าไหร่ ก็จะทำให้เราหาคีย์ได้ง่ายขึ้น มีโน้ตนี้ด้วยไหม ถ้ามีโน้ตนี้ก็เป็นคีย์นี้ไม่ได้แล้ว ก็จะค่อย ๆ ตัดจนเหลือคีย์ที่มีโน้ตครบทั้งหมดได้
วิธีนี้ต้องมีความรู้ทฎษฎีดนตรีเหมือนกัน โดยเราต้องหา tonic หรือตัวเริ่มต้นของสเกล เพราะว่าเพลงส่วนใหญ่โน้ตต่าง ๆ จะเคลื่อนไหวสูงขึ้นหรือต่ำลง โดยมี tonic เป็นศูนย์กลางการเคลื่อนของโน้ต
เช่น ถ้าเพลงที่มี tonic เป็น C โน้ตของเพลงมักจะเคลื่อนสูงขึ้นหรือต่ำลงจากโน้ต C นี้เสมอ และท้ายสุดก็มักจะกลับมาที่ tonic ที่เป็นศูนย์กลาง และสร้างความรู้สึกให้เพลงจบบริบูรณ์ ซึ่ง tonic เป็นตัวที่ 1 และบ่งบอกคีย์ของเพลงนั้น ๆ
แต่บางครั้งเราจะเจอที่ท้ายสุดโน้ตไม่ได้กลับมาที่ tonic ตัวที่ 1 แต่กลับพาไปที่ตัวที่ 6 ซึ่งกรณีนี้จะถือว่าเป็น tonic ของไมเนอร์ ถ้าในคีย์ C ตัวที่ 6 ก็จะเป็น A ซึ่งเป็น tonic ของคีย์ Am ซึ่งมีคอร์ดชุดเดียวกับคีย์ C
ถ้าเราฟังและหา tonic ของเพลงให้เจอ เราก็จะรู้ได้ว่าเพลงนั้นมีคีย์อะไร ซึ่งนอกจากความรู้ทฤษฎีดนตรี ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ฟังเพลง และการสังเกตความรู้สึกของเพลงว่าโน้ตไม่ว่าจะเป็นแบบไหน แต่มักจะกลับมาที่ tonic เพื่อทำให้เพลงจบบริบูรณ์เสมอ
นี่ก็เป็น 3 วิธีหาคีย์เพลง ใครเหมาะกับแบบไหน หรืออยากลองหาคีย์เพลงแบบไหนก็สามารถเอาไปใช้ได้ ซึ่งถ้าให้แนะนำ เราควรฝึกหาคีย์เพลงให้ได้เองโดยไม่พึ่งเทคโนโลยี เพราะการฝึกฝนหาคีย์เพลงจะช่วยให้เราใกล้ชิดกับดนตรีไปในตัว ทำให้เราฝึกสังเกตในเรื่องการฟังโน้ต การแยะแยะคอร์ด หรือเรื่องความรู้สึกของเพลง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการทำเพลงไปในตัวด้วย
สำหรับใครที่สนใจในการทำเพลง อยากเรียนรู้และทำเพลงอย่างมืออาชีพ สามารถติดต่อและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในหลักสูตร The Real Producer เรามีหลักสูตรที่ช่วยให้คุณทำเพลงได้หลากหลายแนวแบบมืออาชีพ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนครับ
สนใจเรียนทำเพลงอย่างจริงจังกับ VERYCATSOUND?
.
VERYCATSOUND Membership เริ่มต้นเส้นทางโปรดิวเซอร์ของคุณด้วยคลาสเรียน Exclusive รายเดือนในราคาที่เข้าถึงได้
► ดูรายละเอียดและสมัครเลย: https://verycatsound.com/join-member/
.
หลักสูตรเต็ม The Real Producer “ลึกและตรงประเด็น” สำหรับผู้ที่พร้อมจะไปให้สุดทาง สู่การเป็นโปรดิวเซอร์มืออาชีพอย่างเต็มตัว
► สอบถามหลักสูตร: LINE Official @verycatacademy คลิก: https://line.me/ti/p/@verycatacademy
ติดต่อจ้างทำเพลง / อื่นๆ
► LINE: @verycatsound
► โทร: 085-666-2425
#VeryCatSound #TheRealProducer #สอนทำเพลง #เรียนทำเพลง #โปรดิวเซอร์ #musictheory #scale #key