ชอบเพลงหลายแนว ควรทำเพลงแบบไหนดี?

ชอบเพลงหลายแนว ควรทำเพลงแบบไหนดี ?

นี่เป็นคำถามโลกแตกอีกคำถามครับ หลายคนชอบเพลงหลายแนว แต่ว่าถ้าเราจะเริ่มทำเพลง เราควรทำเพลงแบบไหนดี จะบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับการสร้าง Branding ในฐานะศิลปิน ให้ผู้ฟังจดจำ วันนี้ Verycat จะขอแนะนำ 4 แนวทางการทำเพลง ที่จะช่วยให้วางแผนได้ง่ายขึ้นว่าควรเดินไปทางไหนครับ

ส่วนใหญ่แล้วคนที่ชอบเพลงหลากหลายแนว และอยากเป็นนักทำเพลง น่าจะไม่พ้น 4 แนวทางนี้ แต่ละแนวทางก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากให้ตัวเราในฐานะศิลปินและ Branding เป็นแบบไหนครับ

ถ้าชอบเพลงหลายแนว ควรทำเพลงออกมาแนวไหน หรือเป็นแบบไหนดี เป็นปกติ ที่เราชอบเพลงหลากหลายแนว แต่เวลาทำเพลงจะทำยังไงดี วันนี้มีคำตอบ

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง Branding ของการเป็นศิลปินด้วย ให้เป็น 4 แนวทางไว้แล้วกัน

1. ไม่ต้องคิดมาก ทำไปเลย

ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจจะสร้าง Brand หรือไม่ได้อยากเป็นศิลปินเต็มตัว แค่ทำเพลงเพราะอยากทำ อยากปล่อยออกมา ไม่ได้หวังรายได้หรือชื่อเสียง แนวทางนี้ก็ไม่มีอะไรผิด gikสามารถทำเพลงอะไรก็ได้ที่อยากทำ สนุกกับกระบวนการโดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาพลักษณ์ หรือแนวทางให้ชัดเจนมากนัก

2. เลือกทำแนวเดียวให้ชัดก่อน

ถ้าตั้งใจจะเป็นศิลปินจริงจังและอยากสร้าง Brand ที่คนจดจำได้ แนะนำให้เริ่มจาก ทำเพลงแนวเดียวก่อน ต่อให้gikจะชอบหลายแนว แต่ในช่วงแรก ควรทำเพลงในแนวที่เลือกซ้ำ ๆ เพื่อให้คนเริ่มจำได้ว่า เราคือศิลปินแนวนี้ ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากทำเพลงอกหักในสไตล์ฮิปฮอป ก็ทำแนวนั้นไปเรื่อย ๆ สัก 3-5 เพลงขึ้นไป พอมีผลงานต่อเนื่อง คนก็จะเริ่มจดจำและเชื่อมโยงคุณกับแนวเพลงนั้น Branding ก็จะเริ่มชัดและแข็งแรงขึ้น

เมื่อถึงจุดที่คนจำได้แล้ว เราค่อยขยับขยาย ลองแนวใหม่ที่เราชอบบ้างก็ได้ เช่น ทำเพลงนอกกรอบเดิม 1 เพลงในทุก ๆ 8 เพลงของแนวหลัก เพื่อรักษาความชัดเจนของภาพลักษณ์โดยไม่หลุดโฟกัส

3. ทำ Brand แยกกันไปเลย

หลายครั้งที่แนวที่เราชอบมันต่างกันสุดขั้วเลย เช่น ฮิปฮอปกับลูกทุ่ง บางทีก็อาจจะใช้แนวทางข้อ 2 ไม่ได้ การทำ Brand แยกกันไปเลย เพราะทั้งฮิปฮอปและลูกทุ่ง ก็มีคนฟังคนละกลุ่มกันชัดเจน การทำ Brand แยกกันไปเลยอาจจะดีกว่า หรือต่อให้แนวที่ชอบไม่ต่างกันมาก เราจะใช้แนวทางนี้ก็ได้เหมือนกัน เราจะเห็นว่ามีศิลปินหลายคนที่มีหลายวง มี Side Project ที่ไม่เหมือนกับแนวเพลงของวงหลักด้วย วิธีนี้จะช่วยให้คนฟังไม่สับสน และเราก็ยังสามารถทำในสิ่งที่รักได้ทั้งสองด้าน เพียงแต่ข้อเสียคืออาจจะต้องบริหารเวลาและแรงให้ดี เพราะการเติบโตอาจช้ากว่าการโฟกัสที่แนวใดแนวหนึ่ง

4. ทำแนวผสม

อีกทางเลือกที่น่าสนใจคือ ผสมสิ่งที่คุณชอบเข้าด้วยกัน สร้างแนวเพลงใหม่ที่สะท้อนตัวตนของคุณโดยตรง วิธีนี้อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนใคร และกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเราด้วย ในการผสมผสานแน่นอนว่ามันยากกว่า การจะหาจุดลงตัวแบบที่เราชอบก็จะยากขึ้น เพราะที่เราชอบมันคือแนวเพลงที่เป็น original ต้นฉบับ ก่อนที่จะเอามาผสมผสาน ถ้าทำไม่ดีก็อาจจะหาจุดที่เราชอบไม่เจอสักที

นอกจากนี้ อย่าลืมว่าความลงตัวของเพลงที่เราผสมผสาน ต้องทำให้ผู้ฟังไม่สับสนว่าเรากำลังทำเพลงอะไรกันแน่ด้วย คำแนะนำคือ ไม่ควรผสมเกิน 3 แนวหลักในเพลงเดียวกัน เพราะถ้ามากเกินไป เพลงอาจกลายเป็นจับฉ่าย คนฟังจะไม่รู้ว่าแนวไหนคือแก่นหลัก และหาเอกลักษณ์ไม่เจอ

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะแนวทางไหน ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา จะเลือกทำ branding ชัด ๆ ว่าเราเป็นศิลปินแนวนี้แนวเดียวก็ได้ หรือจะทำหลายแนวผสมกันก็ได้ เพราะมันยังมีอีกหลายวิธีที่ทำให้คนจดจำ branding เราได้ เช่น เสียงร้อง เสียงเครื่องดนตรี เนื้อหาเพลง ภาษาที่ใช้ มันก็สร้างการจดจำได้เหมือนกัน แต่อย่างที่บอกว่ามันควรมีอะไรให้คนจับจุดเด่นของเรา เพื่อที่เขาจะได้จดจำเราได้ว่าเป็นศิลปินแบบไหน มีภาพลักษณ์ brand เป็นแบบไหน เพราะก่อนที่เราจะทำอะไรประหลาด ๆ แล้วสำเร็จในสิ่งนั้นได้ เราก็ต้องทำให้ brand เป็นที่จดจำก่อน ซึ่งมันก็มาจากการมีแนวทางที่ชัดเจนก่อนนั่นเองครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน สำหรับใครที่สนใจทำเพลง ไม่ว่าจะแนวไหน เรามีหลักสูตร The Real Producer ที่ช่วยให้คุณทำเพลงในแนวที่ต้องการ และเป็น producer มืออาชีพได้ ติดต่อที่ Verycatacademy ได้เลยครับ

หลักสูตร The Real Producer โดย VERY CAT SOUND
“ลึกและตรงประเด็นกับการทำเพลงที่สุด”
.
► ปรึกษา / ขอ Demo เรียนฟรี (แนะนำ):
คลิกทำแบบสอบถามเพื่อนัดเวลา
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
.
► คุยกับแอดมิน / ดูรายละเอียดคอร์สทาง LINE:
คลิกแอดเลย: [ https://line.me/ti/p/@verycatacademy ]
(หรือแอด ID: @verycatacademy)
.
จ้างทำเพลง LINE: @verycatsound
โทร: 085-666-2425

#VeryCatSound #TheRealProducer #สอนทำเพลง #เรียนทำเพลง #โปรดิวเซอร์ #musicgenre #artist #musicproducer