อยากให้แบรนด์คุณ ‘พูด’ ได้? เริ่มต้นด้วยเสียงที่ใช่

Share via:

Nattha Raviratanan

ในยุคที่ทุกอย่างแข่งขันกันเพื่อช่วงชิงความสนใจของผู้คน แบรนด์ไม่ได้แข่งกันแค่ภาพลักษณ์หรือข้อความอีกต่อไป แต่แข่งกันในเรื่อง “เสียง” ด้วย เราพบว่าหลายธุรกิจยังมองข้ามพลังของเสียง ทั้งที่เสียงสามารถสร้างความรู้สึก สร้างความจำ และกระตุ้นการตัดสินใจได้อย่างมหาศาล

เสียงของแบรนด์ไม่ใช่แค่เพลงประกอบโฆษณาหรือเสียงประกาศในร้าน แต่มันคือเอกลักษณ์ที่บอกตัวตนของธุรกิจ เหมือนกับโลโก้ที่เราเห็นด้วยตา เพียงแต่เปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราฟังด้วยหู ยิ่งถ้าแบรนด์สามารถสื่อสารผ่านเสียงได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ก็เหมือนมีอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยสร้างความผูกพันกับลูกค้าโดยไม่ต้องพึ่งภาพเพียงอย่างเดียว

เสียงคือภาษาที่รวดเร็วที่สุด

งานวิจัยด้านประสาทวิทยาพบว่า สมองมนุษย์ใช้เวลาเพียงเศษวินาทีในการตีความเสียง และเสียงสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้เร็วกว่าภาพหรือข้อความ นั่นหมายความว่าเสียงที่เลือกอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้ฟัง “รู้สึก” กับแบรนด์ทันที แม้ยังไม่เห็นภาพหรือข้อความใดๆ

ตัวอย่างชัดเจนคือเสียงเปิดโลโก้ของ Netflix ที่มีเพียงสองจังหวะสั้นๆ แต่ทำให้เรานึกถึงความบันเทิงคุณภาพ หรือเสียงแจ้งเตือนจาก Apple ที่แม้จะเป็นเพียงโน้ตไม่กี่ตัว แต่ก็สร้างความคุ้นเคยและเชื่อมโยงกับความทันสมัยและความน่าเชื่อถือของแบรนด์

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในบางครั้งการสื่อสารด้วยเสียงอาจเข้าถึงหัวใจของผู้ฟังได้เร็วกว่าการเล่าเรื่องยาวๆ เพราะเสียงทำหน้าที่เหมือนปุ่มลัดทางอารมณ์

เลือกเสียงให้ตรงกับตัวตนของแบรนด์

เรามักจะแนะนำให้เริ่มจากการตอบคำถามง่ายๆ ว่า แบรนด์ของเรามีบุคลิกแบบไหน เป็นมิตร สนุกสนาน สดใส หรือจริงจังและน่าเชื่อถือ จากนั้นจึงค่อยเลือกโทนเสียง ดนตรี หรือเอฟเฟกต์ที่สะท้อนบุคลิกนั้นออกมาอย่างชัดเจน

เช่น แบรนด์กาแฟที่ต้องการความอบอุ่นและผ่อนคลาย อาจเลือกใช้เสียงกีตาร์อะคูสติกนุ่มๆ ผสมกับเสียงแก้วกระทบกันเบาๆ หรือเสียงบดกาแฟ ขณะที่แบรนด์เทคโนโลยีอาจใช้เสียงสังเคราะห์ที่สั้น คม และชัดเจนเพื่อสื่อถึงความทันสมัยและนวัตกรรม

การเลือกเสียงจึงไม่ใช่เรื่องของความเพราะเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคิดถึงความสอดคล้องกับภาพรวมของแบรนด์ เพื่อให้ทุกครั้งที่ผู้ฟังได้ยินเสียงนั้น เขาจะนึกถึงเราโดยอัตโนมัติ

ใช้ดนตรีสร้างประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง

หนึ่งในกลยุทธ์ที่เราเห็นว่ามีประสิทธิภาพ คือการสร้างชุดเสียง (Sonic Identity) ที่ใช้ซ้ำในหลายจุดของประสบการณ์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเสียงเปิดคลิป วิดีโอโปรโมต เสียงแจ้งเตือนแอป ดนตรีประกอบในร้าน หรือแม้แต่เพลงประกอบในโฆษณา วิธีนี้จะทำให้ผู้ฟังค่อยๆ จดจำแบรนด์ผ่านเสียงโดยไม่ต้องเห็นชื่อหรือโลโก้

ลองนึกถึงประสบการณ์ของลูกค้าในร้านกาแฟที่มีเพลงโทนเดียวกันทุกสาขา หรือแบรนด์แฟชั่นที่ใช้เพลงธีมเดียวกันในแฟชั่นโชว์และโฆษณา สิ่งเหล่านี้สร้างความรู้สึกต่อเนื่องและทำให้แบรนด์มีตัวตนชัดเจนในความทรงจำของลูกค้า

เสียงคือการลงทุนระยะยาว

เมื่อเราเลือกและออกแบบเสียงที่เหมาะสม มันจะกลายเป็นสินทรัพย์ทางแบรนด์ที่ใช้ได้นานหลายปี และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างชัดเจน เสียงที่ดีไม่เพียงช่วยดึงดูดความสนใจ แต่ยังช่วยสร้างความรู้สึกผูกพันระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะเลียนแบบ

ลองพิจารณาแบรนด์ใหญ่อย่าง Intel ที่ใช้เสียงจังหวะสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที แต่ลงทุนใช้ติดต่อกันหลายสิบปี จนกลายเป็นสัญลักษณ์ทางเสียงที่ทั่วโลกจดจำได้ทันที

ถ้าอยากให้แบรนด์ของเราพูดได้จริง เสียงที่ใช่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ การลงทุนเวลาและความคิดสร้างสรรค์กับเสียง ไม่ต่างจากการลงทุนสร้างโลโก้หรือสโลแกน เพราะเสียงจะเป็นภาษาที่แบรนด์ใช้สื่อสารกับผู้คนอย่างตรงไปตรงมา และเมื่อเสียงนั้นถูกเลือกอย่างเหมาะสม มันจะสามารถฝังอยู่ในความทรงจำของผู้ฟังได้ยาวนานเกินกว่าที่เราคิด

———————

The Real Producer

REAL / DEEP / EXCLUSIVE

.

 VERY CAT SOUND : Compose Your Dream

.

สร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพระดับสากล

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่ 

Line ID : @verycatsound

Tel : 0839192945

——————

#logicpro #apple #musicproduction #jingle #musicforbusiness

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.