เอฟเฟค plugin

เอฟเฟค ตัวไหนใช้ทำอะไรบ้าง ในการทำเพลง

Share via:

Krissaka Tankritwong

เอฟเฟค ตัวไหนใช้ทำอะไรบ้าง ในการทำเพลง

สำหรับคนทำเพลงคงเคยได้ยิน เอฟเฟค เหล่านี้อยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น EQ , Reverb , Delay , Compress รวมถึงเห็นผ่านตาในหลากหลาย DAW อย่างแน่นอน เพราะเป็น เอฟเฟค พื้นฐานที่ทุกการมิกซ์เพลงใช้ทั้งหมด แต่ถ้าใครสงสัยว่า Effect แต่ละตัวคืออะไร ควรใช้จังหวะไหน รวมถึงยังมี เอฟเฟค อีกสารพัดที่ยังใช้ไม่เป็นเลย บทความนี้ได้เสนอ 10 Effect ที่คิดว่าเหมาะกับคนทำเพลงทุกคน ซึ่งมีในทุก DAW อยู่แล้ว สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโปรแกรมที่ตัวเองถนัดได้เลย
1.Amps & Cabs คือการจำลองเสียงของแอมป์และตู้ลำโพงสำหรับเครื่องดนตรี ซึ่งมักจะใช้กับไลน์กีตาร์และเบส เพื่อให้ได้เสียงที่คล้ายกับเสียงที่ออกผ่านแอมป์จริง ๆ โดยใน DAW จะแยกย่อยอีก
– Amps ย่อมาจาก Amplifiers หรือเครื่องขยายเสียง ใช้ในการปรับเสียงให้ดูมีพลัง หรือมีแตกบ้าง สามารถปรับช่วง Bass , Mid , Treble รวมถึงมีเป็น Preset ต่าง ๆ
Cabs ย่อมาจาก Cabinets เป็นการจำลองเสียงตู้ลำโพงที่มาคู่กับแอมป ซึ่งปกติแต่ละตู้จะมีคาแรคเตอร์เสียงที่แตกต่างกันไป และสามารถใช้ร่วมกับ Effect Amps ได้
– Multiamp / Multicab เป็น Effect ที่ช่วยให้สามารถใช้เสียง Amps , Cabs พร้อมกันหลายอัน

2.Pedals เป็น Effect ที่จำลอง Effect ก้อนที่ใช้เหยียบของกีตาร์หรือเบส มีเสียงสารพัดแบบ
– Buss Face หรือเสียง Fuzz เป็นเสียงแตกรูปแบบหนึ่งที่มักใช้ในยุค 60-70 ให้ความรู้สึกพุ่ง ๆ แตกพร่าชัดเจน
– Delta Driver เป็นเสียงแตกอีกรูปแบบ ที่ให้ความรู้สึกละมุน ดูนุ่มลึกขึ้น ใช้กับกีตาร์บลูส์บ่อย ๆ
– Chorus Ensemble เป็นเสียงคอรัสซ้อน ให้ความรู้สึกในเชิง Immersive ฟุ้ง ๆ ฝัน ๆ
– Distortion เสียงแตกที่นิยมใช้กับกีตาร์ ให้ความรู้สึกแบบเสียงในยุค 70

3.Delay เป็น เอฟเฟค ที่ทำให้เสียงมีการเล่นซ้ำ ๆ หลายรอบ และค่อย ๆ เฟดหายไป ช่วยเสริมให้เสียงมีมิติมากขึ้น ซึ่งมี Effect แยกย่อยไปอีกสารพัดรูปแบบ

4.Distortion เป็น Effect มีความใกล้เคียงกับ Pedals ส่วนมากเอาไปใช้กับการทำกีตาร์เพลงร็อค แต่ก็มีบ้างที่เอาไปใช้กับกลองหรือเสียงร้อง เพื่อเสริมให้เสียงดูมีพลังขึ้น
– Bitcrusher เป็นการจำลองเสียงในยุค 8 หรือ 16 บิท ที่เสียงยังไม่มีความสมบูรณ์ คล้ายเสียงในเครื่องเกมสมัยก่อน
5.Enhancer
เป็น Effect ที่ช่วยเพิ่มความคมชัด ความมีชีวิตชีวาให้เสียง
– Exciter ช่วยเสริมให้ Harmonic ของเสียงชัดขึ้น เช่น โดยปกติที่เล่นโน้ต C จะมีเสียงของ G หรือ E แทรกมาด้วยเบา ๆ Exciter จะช่วยเพิ่มเสียงเหล่านั้นให้ดังขึ้นมา
– Tape Simulator จำลองเสียงให้ใกล้เคียงเสียงเทป จะมีความสั่น ๆ เพี้ยน ๆ นิดหน่อย แต่ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นหรือเป็นธรรมชาติ

6.Dynamics เป็น Effect ที่ใช้ปรับแต่งระดับความดังของเสียงดนตรี ให้สมดุล มีคุณภาพขึ้น
– DeEsser ช่วยลดเสียง ส ซ หรือ s เพื่อให้เสียงฟังรื่นหู และเป็นธรรมชาติขึ้น
– Noise Gate ใช้ในการควบคุมสัญญาณเสียง เปิดปิดเสียงที่ต้องการและไม่ต้องการได้
– Compressor ใช้กดเสียงให้อยู่ในระดับที่กำหนด เป็น Effect ที่ใช้กับหลากหลายไลน์เครื่องดนตรี เพื่อช่วยให้เสียงแน่นขึ้น

7.Modulation เป็น เอฟเฟค ที่ใช้ปรับความเคลื่อนไหวของย่านเสียง
– Auto Filter เป็นการปรับย่านเสียงให้เปลี่ยนไปมาระหว่างทาง ทำให้เสียงที่ได้ยินมีความวูบวาบ
– Auto Pan ปรับเสียงจากซ้ายไปขวาระหว่างทางได้
– Auto Wah ปรับเสียงรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ได้ยินเสียงเป็นลักษณะแบบ Wah Wah
– Dual Octaver เพิ่มเสียงที่มีความสูงหรือต่ำ 1-2 octaves
– Phase ช่วยจัดการเสียงในช่วงเวลาแต่ละเฟส ให้มีความเหลื่อม ๆ กัน เพื่อสร้างรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของเสียง
– Tremolo สร้างเสียงสั่น ๆ ช่วยให้เสียงไม่นิ่งเกินไป ดูมีมิติ
– VibeToo สร้างเสียงสั่นอีกรูปแบบหนึ่ง แต่จะมีการเปลี่ยนโน้ตที่เพี้ยนกว่า Tremolo
– Vocal Doubler มักใช้กับเสียงร้อง การเพิ่มเสียง Dub เหมือนกับการเอาไลน์เสียงร้องมาซ้อนกัน
– Pitch Shifter เป็นการเปลี่ยน pitch ให้โน้ต สูงหรือต่ำตามต้องการ

8.Reverb เป็น Effect ที่คล้าย ๆ กับ Delay แต่เป็นการเล่นเสียงซ้ำ ๆ ในระดับเสี้ยววินาที จนไม่สามารถฟังแยกชัดเหมือน Delay Reverb จะให้ความรู้สึกเสียงสะท้อน เสียงความก้องจากห้อง ใช้ในแทบทุกไลน์ของดนตรี เพื่อให้เสียงดูมีมิติขึ้น

9.Tone เป็น Effect ที่เกี่ยวข้องกับการปรับย่านความถี่ เพื่อสร้างคาแรคเตอร์ของเสียงที่แตกต่างกันเช่น ปรับย่านความถี่ต่ำเพื่อเพิ่มความหนาของเสียง ปรับยานความถี่สูงเพื่อให้เสียงฟังดูแหลมขึ้น

10.Utility เป็น เอฟเฟค ที่ช่วยเติมฟังก์ชั่นยิบย่อยต่าง ๆ เช่น
– Gain ช่วยเพิ่มหรือลดความดังของเสียงนั้น ๆ
– Reverser การเล่นเสียงกลับด้าน มักใช้ในกีตาร์หรือคีย์บอร์ด เพื่อดีไซน์เสียงให้แปลกใหม่ขึ้น
– Stereowise ช่วยเพิ่มความกว้างของเสียง เช่น ช่วยปรับให้เสียงร้องอยู่ตรงกลางมากขึ้น หรือปรับเสียงดนตรีให้กว้างออกห่างจากเสียงร้อง เพื่อเพิ่มมิติเสียงให้น่าฟังขึ้น

เอฟเฟค เหล่านี้เป็นเพียงพื้นฐานที่ DAW ทุกโปรแกรมมี สามารถนำไปใช้ในการทำเพลงของตัวเองได้เลย โดยถึงแม้ในบาง Effect จะมีการแนะนำให้ใช้กับเสียงแต่ละแบบ แต่ก็ไม่ได้กฎตายตัว สามารถทดลองใช้กับเสียงของตนเองได้เลย ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะได้เสียงที่แปลกใหม่ น่าสนใจ หรือช่วยเพิ่มไอเดียในการทำเพลงได้มากขึ้น ใครอยากรู้จัก Effect อื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาการทำเพลงอีกซึ่งจะอยู่ในคอร์ส VCA203 การทำ Sound Engineer ในหลักสูตร The Real Producer


The Real Producer

REAL / DEEP / EXCLUSIVE

หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream

เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง

ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง

นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ

หลักสูตร The Real Producer

เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล

สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link

http://mkt.verycatsound.academy/mf2

——————

Contact

Line ID :

– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy

– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound

Tel. : 0856662425

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.