ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง รีบมาเช็คอิน รีบจัด จนลืมแว่น… ง่วงก็ง่วง ปรากฎน้ำหนักกระเป๋าเกิน เลยต้องเอาของออกบ้าง ผมทิ้งน้ำยาคอนแทคเลนส์ กับสบู่เหลวไปเลย ส่วนหนังสือสี่ห้าเล่ม ใช้ถือเอา (ซึ่งมาชัดเจนทีหลังว่า ไม่ต้องใช้ก็ได้..) หลังจากผ่านด่านสารพัดของสนามบิน เข้าไปนั่งเล่นเกมส์เศรษฐี รอเครื่องออก ตอน 7 โมง
จำได้ว่าตอนนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นกับมันมากเลย ไหงมาตอนนี้มันเป็นความน่าเบื่อ ขี้เกียจมากๆ อยากวาร์ปไปถึงเลย ด้วยความที่ตั๋วจองไว้ก่อนจะมีโปรโมชั่นบินตรง… มันเลยต้องบินอ้อมไปกัวลาลัมเปอร์ก่อน 2 ชม. ไปนั่งแห้งอยู่นั่น อีก 4 ชม. แล้วต่ออีกเครื่องไปฮาเนดะ อีก 7 ชม. รวมๆแล้ว 13 ชม. T-T ปลง
ผมรู้สึกว่าได้ว่าคนที่ไปต่างประเทศบ่อยๆ จะมีมุมมองที่ไม่เหมือนการอยู่ไทย สาเหตุคือ การอยู่ที่เดิมนานๆ โดยไม่ต้องออกไปสัมผัสการผจญภัยเลย มันทำให้เกิดความชินชากับสภาพแวดล้อม รู้สึกโลกหมุนรอบตัวเรา รากงอก.. ขี้เกียจ ไม่ค่อยดิ้นรน ทำให้สัญชาติญาณในการเอาตัวรอดต่ำ ตรงข้ามกับคนที่ไปต่างประเทศบ่อยๆ คือ จะ Appreciation กับสิ่งต่างๆ สูงกว่ามาก เห็นคุณค่าของชีวิตและสิ่งรอบตัวหลายๆอย่าง
อยู่บนเครื่องมันไม่มีไรทำ ก่อนขึ้นเลยอุ่นเครื่องความบ้าญี่ปุ่น ด้วยการโหลดเกมส์ของค่าย Kairosoft มาเล่นใน Smart phone (ซึ่งใครเคยเล่นคงจะรู้กันดีถึงความติดหนึบ สำหรับที่อยากหาอะไรฆ่าเวลาชั้นดี แนะนำเลยครับ เวลาของท่านจะถูกสูบหายไป สิบชั่วโมงอย่างกับวาร์ป) สรุปคือได้ผลครับ.. ที่ผมเล่น เป็นเกมส์พัฒนาหมู่บ้านนินจา มันสูบเวลามาก แป๊บเดียวเวลาผ่านไป 7 ชั่วโมง.. เกมส์ยังไม่จบเลย รู้ตัวอีกทีจะถึงละ
ผมไม่สามารถละสายตาจากภาพแรกที่เห็น โตเกียวได้ มันงดงามมาก (แต่ภาพมันถ่ายได้แค่นี้) แสงไฟจากมหานคร ณ มุมมองจากท้องฟ้า มันรู้สึกเหมือนได้มาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงงดงามที่ใฝ่ฝันไว้มาตั้งนาน “Can I take a picture?” เสียงดังมาจากคนข้างๆผม อาริตะ สาวชาวอินโดนีเซีย มาขอให้ผมละสายตาจากหน้าต่างบ้าง เพื่อเธออยากถ่ายภาพอันงดงามนี้ด้วยเหมือนกัน
เครื่องลงจอดอย่างปลอดภัย ผมผ่านด่านต่างๆ อย่างรวดเร็ว เริ่มสัมผัสได้ถึงความเป็นญี่ปุ่นแทรกซึมเข้ามาทีละน้อย เริ่มจากป้ายโฆษณาตามทางเดิน, รถเล็กๆที่ใช้ในอาคาร ขับผ่านไป มีเด็กญี่ปุ่นโดยสาร และเปิดเพลงเด็กน้อยเหมือนของเล่นสวนสนุก
จนมาหยุดอยู่ที่นี่…
การนั่งรถไฟฟ้าที่นั่น ถึงจะดูซับซ้อน แต่จริงๆก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ป้ายทุกอย่ากก็มีบอกหมดอยู่แล้ว ถ้าไม่แน่ใจพนักงานก็ตอบเราเป็นภาษาอังกฤษได้
รถไฟขบวนแรกที่ขึ้น เป็น Mono rail จะเก่าๆเชยๆหน่อย มองออกไปด้านนอกหน้าต่างขณะรถวิ่ง ผ่านสถานีต่างๆที่ดูเก่าๆเชยๆเช่นกัน ชวนให้นึกถึงซีรี่ย์ญี่ปุ่นเก่าๆ ที่เคยดูตอนเด็ก อย่าง คู่หูคู่ฮา จัง…
เหมือนที่เมื่อกี้เราคิดว่าโตเกียวต้อง trendy ต้องทันสมัยสุดๆ แต่พอมาลองดูใกล้ๆจริงๆ ก็พบตำหนิ หรือความเก่า ความเชย อยู่ในนั้นเหมือนกัน นึกถึงเพลง “สิ่งที่สวยงามจะอยู่ไกลออกไป” ของ เป้ อารักษ์ ขึ้นมาทันที
ตู้กาจาปองแมวววววว อยากด้ายยยย
ต่อรถไฟอีกสถานีนึง บรรยากาศสถานีรถไฟแบบนี้ เหมือนนิวยอร์คมาก
ป้ายบอกมารยาทการใช้รถไฟ ฮาตรง อันกลาง ที่บอกว่า “เพลงระดับ masterpiece ของท่าน อาจะเป็น noise ของคนอื่นได้” ๕๕๕
ผมไม่แน่ใจว่าต้องลงสถานีไหนกันแน่ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า นอย (เพื่อนที่ผมจะไปพักด้วย) บอกว่าลงได้ทั้ง ฮาราจูกุ หรือที่ไหนอีกซักที่นี่แหละ เลยถามคนญี่ปุ่นเอา เฮียแกดูมีน้ำใจมาก พอมาลงถูกที่ เพราะไม่งั้นผมคงนั่งผิด ต่อรถไม่เป็นจนหลงแน่นอน แต่แล้ว…
หายนะมาเยือน
ลงจากรถไฟ ดูในแผนที่ที่มาร์คไว้ คิดว่าอยู่อีกไม่ไกล น่าจะเดินได้ เลยเดินๆไป ผ่าน yoyogi park ถามทางยามใจดีแถวนั้นเอา เดินแบกกระเป๋าหนักกว่า 20 โล ผ่านสวนสาธารณะมืดๆ ข้างทางนานๆจะมีโฮมเลส หรือคนขี่จักรยานผ่านมาสักคนสองคน
ถ้าถามว่า ทำไมไม่โทรเรียกเพื่อนมารับ คือตอนแรก ขิง ไง กะว่าอยากเดินไปด้วยขาของตัวเอง ไปถึงหน้าบ้านมันเลย ให้เซอไพรส์ แต่เริ่มจะไม่ไหวละ น่ากลัวด้วย มืด เลยโทร. ปรากฎว่า… โทรไม่ติดครับ (จดเบอร์มาผิด) ซวยละ เลยหยิบเอา pocket wifi ออกมาใช้ กะว่าใช้เนตก็ได้ ปรากฎว่า มันไม่ได้ชาร์จแบตมาให้… เยี่ยม…
มาหยุดอยู่หัวมุม family mart ถามทางคนแถวนั้นก็เมินกันหมด โชคดีที่ โอปอ (เพื่อน) โทรมาช่วยชีวิตพอดี มาถามว่าอยู่ไหน นอยหาไม่เจอ คือกูติดต่อไม่ได้ไง เนตก็อวสาน โอเคกว่าจะเจอกันได้ซะที นอยเดินมารับ รอดแล้ว
นอยคือเป็นเพื่อนสมัยมัธยมที่มาสนิทกันได้เพราะเกมส์ (เกรียนจริงๆ ๕๕) ตั้งแต่สมัย ม. ปลาย จะไปนั่งเล่นตู้เกมส์ไฟติ้งด้วยกันที่ห้างแถว รร. เป็นประจำ เกมส์ที่เล่นด้วยกันสมัยนั้นก็พวก Street Fighter 3 , Jojo , King of Fighter อะไรพวกนี้ คือเป็นเกมส์แนวต่อสู้จริงจัง ต้องนั่งฝึกซ้อมกันเป็นเรื่องเป็นราว ปัจจุบันอะไรพวกนี้กลายเป็นของเฉพาะทางมากๆ การดำรงอยู่ของวงการเกมส์ไฟติ้งเหมือนเป็นกีฬาของคนเฉพาะกลุ่มมากกว่า ซึ่งเวลาผ่านมาถึงปัจจุบันก็ยังเล่นเกมส์พวกนี้ด้วยกันอยู่ ล่าสุดคือ Ultra Street Fighter 4 ซึ่งเป็นภาคใหม่สุด ตอนนี้นอยมาเรียน Art อยู่ที่โตเกียว ผมเลยมาขออาศัยนอนด้วยเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
มาถึงห้องนอย มาเจอสิ่งนี้….
นี่มันซื้อจอยอาเขตอีกอัน เอาไว้เล่น Street Fighter กะเราตอนมาอยู่นี่โดยเฉพาะเลยเหรอวะ…
ค่าห้องก็ไม่ต้องเสีย อะไรๆก็ฟรี มีเกมส์เล่น มีจอยที่ดีที่สุดในโลกใช้ T-T เพื่อนกันมันทำกันแบบนี้หรอวะ ซึ้งน้ำใจก็คราวนี้ (โอปอ อีกคน ถ้าไม่ได้โอปอโทรมาคงแย่แน่ ขอบคุณกันมา ณ ทีนี้ด้วย)
เดินลงมาซื้อของเซเว่นกิน จัดของ อาบน้ำ ซัดสตรีทกะนอย ถึงตีสาม นอน พอละ จบวัน เหนื่อย พรุ่งนี้เตรียมลุย Day 2 : ชิบู(เ)ย(อ)ะ
สวยดีคับ