ไม่นานมานี้ผมเพิ่งได้สนทนากับศิลปินรุ่นพี่อย่าง พี่ตั๋ม Neutral Lover ไปวันก่อน เกี่ยวกับประเด็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นหลายอย่าง พี่ตั๋มเป็นอีกคนที่ยอมรับว่าตัวเองอย่างเปิดเผยว่าเป็น “ฟูโจชิ” หรือ “สาววาย” (โอตาคุหญิง ที่บ้าการ์ตูนการ์ตูนชายรักชาย) เหมือนกับที่ผมยอมรับว่าตัวเองเป็น “องกาคุ โอตาคุ” (องกาคุ = ดนตรี) เป็นโอตาคุของดนตรีสาย Shibuya-kei นี่เอง
เรามีอะไรๆเหมือนๆกันหลายอย่าง อาทิเช่น ทำเพลงเป็นศิลปินอินดี้เหมือนกัน เป็น sub culture โอตาคุญี่ปุ่นที่ยอมรับตัวเองเหมือนกัน และที่สำคัญ แม้เราจะยอมรับว่าตัวเองเป็นโอตาคุ แต่เราไม่ยอม “ดูแย่” แบบโอตาคุ
คิดเหมือนพี่ตั๋มอย่างหนึ่ง คือ ความหมายที่แท้จริงของคำว่าโอตาคุ มันก็เป็นแค่ความชอบ หรือความเป็น mania ที่คลั่งไคล้อะไรบางอย่างมากๆ เท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับลุค ว่าต้อง อ้วน แว่น สิว แต่งตัวเชยๆ เสมอไป คนหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากให้คนอื่นเรียกว่าโอตาคุ เพียงเพราะไม่อยากถูกมองว่ามีลุคที่แย่ๆ เชยๆ น่ารังเกียจ แค่นั้นเอง ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นคนละเรื่องกัน
คนที่ไม่ได้คลั่งไคล้อะไรเป็นพิเศษ แต่ลุคเชยๆ ไม่ดูแลตัวเอง ไม่แต่งตัวก็มีเยอะแยะการที่เรายอมรับตัวเองว่าเป็นอะไร แต่เราก็ดูแลตัวเองให้ดูดีได้ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ตรงกันข้าม ผมว่าคนที่พยายามหนีจากคำว่าโอตาคุมากกว่าที่ห่วงลุค และไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ต่อให้ไม่พยายามหนี แต่ถ้าบ้าการ์ตูนญี่ปุ่น แต่งตัวเชยๆ ไม่ดูแลตัวเอง มีลุคแบบโอตาคุ คนเค้าก็เหมารวมว่าเป็นอยู่ดีแหละ ซึ่งที่จริงแล้วการที่คนรอบข้างจะเรียกเราว่าอะไรมันไม่ได้สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราเป็นและเราทำจริงๆเลย
ซึ่งอรัมภบทข้างต้นมันก็ไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับเนื้อหาวันนี้เท่าไรหรอกครับ… เกี่ยวนิดหน่อยตรงที่ เรากำลังจะไปลุยย่าน Ikebukuro อันเลื่องลือว่าเป็น ย่านของสาววาย ที่ว่านี้ยังไงล่ะ ซึ่งก็ดูไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย แล้วผมมาที่นี่ทำไมวะ…
คำตอบง่ายๆคือ อยากรู้… ไหนๆ ก็มาแล้ว และผมก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะคุ้ยดูมันทุกย่าน ให้เจอทุกสิ่งเกี่ยวกับดนตรีของญี่ปุ่น วันนี้ลองมาเดินตามหาสิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากแห่งการ์ตูนวายกันดีกว่า…
วันนี้เริ่มวันด้วยการซื้อบัตรคอนเสิร์ตเองจาก lawson สำเร็จครั้งแรก ในที่สุด! หลังจากที่ก่อนหน้านั้นไม่สำเร็จเพราะดันไปถามให้พนักงานญี่ปุ่นอันแสนซื่อตรงทำให้ มันจะมีขั้นตอนที่ให้ในระบบระบุว่าให้ใส่เบอร์โทรศัพท์บ้าน ซึ่งพอผมบอกว่า ตอนนี้พักกับเพื่อน แล้วเพื่อนมีแต่เบอร์มือถือ ก็ดันไม่ใส่ให้ผมซะงั้นอีก! อะไรจะซื่อตรงขนาดนั้น สุดท้ายวันนี้มาลองกดใส่เองก็พบว่า ไอ้ขั้นตอนนั้นใส่เบอร์มั่วๆอะไรไปก็ได้ หรือไม่ใส่ก็ได้ -_-‘ โธ่เอ้ย
จากนั้นมากินเบอร์เกอร์ดำแสนอร่อยที่ Burger King เป็นวันแรกที่มีขายพอดี อร่อยจริงงงง กลับมาไทยถึงตอนนี้ยังหากินไม่ได้เลยยยยย อิ่มแล้วก็มาเริ่มลุยกันเลย
ขึ้น จากสถานีมาก็เจอเลย ตอนแรกผมไม่รู้ว่าคืออะไรหรอก แต่คิดว่าน่าสนใจเลยลองเดินเข้าไปดู ปรากฎว่า มันเป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะ , โรงละคร และคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิค ว้าว! แจ๋วเลย ตัวสถาปัตยกรรมก็น่าสนใจแล้ว และยังมีประติมากรรมที่น่าสนใจแสดงอยุ่ทั้งด้านนอกและด้านในอีก มีร้านขายของที่ระลึก , ร้านขายของเกี่ยวกับแมว ละครเวทีกับดนตรีคลาสสิคก็น่าสนใจ แต่ดูไม่ใช่ที่ที่คนต่างชาติจะมาสักเท่าไร เพราะโบรชัวร์ต่างๆแทบจะภาษาญี่ปุ่นล้วนเลย (แต่นั่นแหละมันถึงน่าสนใจ)
จาก Theatre ผมเดินหาจุดที่เป็นใจกลางของย่านอยู่พักนึง เจอร้านต่างๆคล้ายๆกับที่ย่านอื่นมี จำพวกห้างต่างๆ ร้านขายเครื่องดนตรี ร้านขายเสื้อผ้าต่างๆ จนมาเจอจุดใจกลางย่าน นั่นคือแถวถนน โอโตเมะ และถนน Sunshine60 แห่งนี้ ถ้าถามว่ามันมีอะไร ผมว่ามันคล้ายกับ อากิฮาบาระ แต่เป็นเวอร์ชั่นเอาใจโอตาคุหญิงนะ คือ จะอุดมไปด้วยร้านขายของเกี่ยวกับการ์ตูน Y มากเป็นพิเศษ อย่างพวกร้าน animate สาขานี้ก็จะเน้นๆ แนวนี้โดยเฉพาะ ซึ่งบอกตามตรงว่าผมไม่ได้เดินละเอียด เพราะไม่ได้อยู่ในความสนใจ คนไม่สนใจก็มาเดินเล่นๆ เอาบรรยากาศก็ได้นะ
ภายหลังที่ได้คุยกับพี่ตั๋ม สาววายตัวจริง พี่ตั๋มบอกว่า มันมีร้านเมดคาเฟ่ที่เป็นผู้ชายแต่งหญิงเป็นเมดทั้งร้านด้วย หะๆๆ… คือเมดคาเฟ่แบบอื่นๆเจอหมดแล้ว แต่ที่ไม่เจอร้านนี้เพราะท่าทางจะอยู่ในย่านนี้ ที่ผมไม่ได้เดินนี่แหละ
คงจะสงสัยกันสินะครับว่า Book-off มันพิเศษยังไง เพราะว่ามันก็มีอยู่ทั่วไปในโตเกียวอยู่แล้ว คือผมได้แผ่นเพียบเลยจากสาขานี้ เป็นหลายแผ่นที่หาไม่เจอจากย่านอื่น เพราะมันหมด ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ ทำให้สาขานี้มีของอยู่ค่อนข้างเยอะ ถ้าเทียบกับสาขาอื่น มี Kyary Pamyu Pamyu box set ที่ราคาแค่ประมาณ 800 บาท ขายเพียบเลย และอีกหลายๆแผ่นที่ผมสอยมา ใครไปแถวนั้นลองแวะไปดูหน่อยไม่เสียหายครับ
ห้างที่ดังที่สุดจนแทบจะเป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้ ข้างในกว้างขวางมาก และยังมีที่ท่องเที่ยวสำคัญถึงสามที่ นั่นคือ สวนสนุก Namja Town (ผมไม่ได้เข้า) , Aquarium (นี่ก็ไม่ได้เข้า) และ J-world สวนสนุกของการ์ตูน Jump Comic พวกดราก้อนบอล นารุโตะ ฯลฯ (อันหลังนี่ไปเกรียนมาเรียบร้อย) ผมก็เดินเพลินๆครับ ย้อนวัยไร้สาระไปเรื่อย (อุตส่าห์เล่นเครื่องเล่นดราก้อนบอลหลายเครื่อง เพราะจะเอาเหรียญเบจิต้า ดันได้แต่โงคู T-T เกรียนจัง..)
Aquarium ของที่นี่ แม้ผมจะไม่ได้เข้า แต่ก็เดินไปดูๆด้านหน้าเอาบรรยากาศ ขอบอกว่าเปิดเพลงดีจนน่าตกใจ มี background music ที่นึกว่าเดินอยู่ในเกมส์ RPG fantasy เป็นดนตรีประกอบที่บรรจงสร้างมาอย่างดีเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสถานที่ พวกเสียง Ambient วิ้งๆ ติ้งๆ ล่องลอย เสริมบรรยากาศโลกใต้น้ำเป็นยิ่งนัก เดินๆอยู่นึกว่าอยู่ในเกมส์ Final Fantasy… คนญี่ปุ่นนี่ช่างละเอียดละออกับทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ
น่าจะเรียกว่าห้างหนังสือได้เลย… หนังสือเยอะหลายชั้นอลังการมาก แน่นอนว่าผมอ่านไม่ออก… แต่ก็ยังลองเข้าไปดูพยายามหาหมวดหัวข้อ “องกากุ” (ดนตรี) อยู่ชั้นบนๆเลย สรุปเสียตังค์กับนิตยสาร Marquee เล่มเก่าๆไปอีกสี่ห้าเล่ม…
ในที่สุด การเที่ยวมั่วซั่วเรื่อยเปื่อยของผมก็ทำให้ได้พบกับที่นี่ โดยไม่คาดคิด ถ้าไม่นับรวม Cat Cafe ผมเจอแมว local ญี่ปุ่นที่นี่เยอะที่สุดแล้ว หลังจากที่พยายามตามหาแมวจากหลายๆย่านที่อ่านในหนังสือท่องเที่ยวอยู่หลายจุด ทั้ง Cat Street เอย Yanaka Ginza เอย แล้วคว้าน้ำเหลวไม่เจออะไรเลย… สมหวังซักที T-T
ผมเดาเอาว่าพวกเหล่าแมวน่าจะย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนที่ผมไป (ก.ย. – ต.ค. 2014) พวกมันคงย้ายถิ่นฐานมาที่สวนข้างๆห้าง Sunshine City นี่พอดี ในอดีตมันคงเคยไปอยู่มาทั้ง Cat Street ทั้ง Yanaka Ginza ล่ะมั้ง
แมวที่นี่ คือแมว local ธรรมดาๆ ไม่มีแมวสายพันธุ์ดีๆแพงๆแบบใน Cat Cafe แต่ได้อารมณ์ local ล้วนๆ ซึ่งไม่ใช่มีแต่แมวจรจัดแถวนี้อย่างเดียว ดูเหมือนว่าคนที่มารวมตัวกันแถวนี้ตอนเย็นๆ คือกลุ่มคนรักแมวที่จงใจมากัน บางคนก็พาแมวตัวเองมาคบค้าสมาคมกับเหล่าแมวแถวนี้ด้วย ผมอยากรู้ที่มาที่ไปของที่นี่ว่า ทำไมเหล่าแมว และคนบ้าแมวถึงมารวมตัวกันแถวนี้ เลยพยายามลองสื่อสารกับเจ้าของแมวคนนึงที่พาแมวมาเดินเล่น ด้วยความที่หน้าตาเขาออกไปทางฝรั่งแบบเปอร์เซีย ผลปรากฎว่า… ไม่รู้เรื่องครับ 555+ หน้าฝรั่งแต่พูดอังกฤษไม่ได้เลย พูดได้แต่ญี่ปุ่น งงเหมือนกัน เอาเถอะ สื่อสารกันด้วยใจ ตามประสาคนรักแมวก็พอละ
จบครึ่งแรกของวัน ตอนหน้า จะเริ่มเป็นการเที่ยวแบบทรหดไม่นอนของผม… เป็นอีกช่วงที่น่าจดจำ กับ Day 18.2 Sound Museum Vision กับโชว์ของ DJ FPM ที่รอคอย