ชื่อวิชา : Film Score & Film Music ( การประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ และธีม )

รหัสวิชา : VCA502

“เจาะลึกศิลปะการ ‘ประพันธ์ดนตรี’ สำหรับภาพยนตร์โดยเฉพาะ เรียนรู้การเขียนธีมหลัก (Main Theme) ที่น่าจดจำ การพัฒนาโมทีฟ (Motif) และการเขียนดนตรี (Score) ประกอบฉากเพื่อขับเคลื่อนอารมณ์”

ภาพรวมหลักสูตร: หลักสูตรนี้คือการเจาะลึกถึงหัวใจของการประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ นั่นคือ “ดนตรีธีม” (Theme Music) ผู้เรียนจะได้ศึกษากระบวนการสร้างเมโลดี้ที่น่าจดจำ การพัฒนาโมทีฟ (Motif Development) และการเรียบเรียงดนตรีเพื่อถ่ายทอด Mood & Tone ที่หลากหลายตามแนวทางของภาพยนตร์แต่ละประเภท โดยจะมีการวิเคราะห์ Score ของคอมโพสเซอร์ระดับตำนานอย่าง John Williams และ Joe Hisaishi เพื่อถอดรหัสและนำเทคนิคมาปรับใช้ในผลงานของตนเอง

โครงสร้างการเรียนการสอน (10 ครั้ง ครั้งละ 2-3 ชั่วโมง):

ครั้งที่ 1: Anatomy of a Great Theme (ถอดรหัสองค์ประกอบของธีมที่ยอดเยี่ยม)

• หัวข้อ: อะไรคือสิ่งที่ทำให้ดนตรีธีมเพลงหนึ่งเป็นที่น่าจดจำและเป็นอมตะ?
• เนื้อหา:
  
  • Leitmotif & Thematic Development: ความสำคัญของโมทีฟและการพัฒนาธีมเพื่อเล่าเรื่อง
  • องค์ประกอบหลัก: Melody (ทำนอง), Harmony (เสียงประสาน), และ Rhythm (จังหวะ) ที่ทรงพลัง
  • Case Study: วิเคราะห์เปรียบเทียบ Main Theme ของ Star Wars (John Williams) และ Spirited Away (Joe Hisaishi) เพื่อทำความเข้าใจในปรัชญาการเขียนที่แตกต่างกัน

ครั้งที่ 2: The Composer’s Palette (การเลือกใช้เสียงและวงดนตรีเพื่อสร้างธีม)

• หัวข้อ: การเรียบเรียงและเลือกใช้เครื่องดนตรี (Orchestration) เพื่อกำหนดคาแรคเตอร์ให้กับธีม
• เนื้อหา:
  
  • พลังของวงออเคสตรา: การใช้เครื่องสาย, เครื่องเป่าลมไม้, เครื่องเป่าทองเหลือง และเครื่องกระทบในแบบฉบับ John Williams
  • ความงดงามของความเรียบง่าย: การใช้เปียโนและวงเครื่องสายขนาดเล็กเป็นหัวใจหลักในแบบฉบับ Joe Hisaishi
  • Workshop: ทดลองเรียบเรียงเมโลดี้เดียวกันด้วยเครื่องดนตรีที่ต่างกันเพื่อสร้างอารมณ์ที่หลากหลาย

ครั้งที่ 3: ดนตรีสำหรับแนว Fantasy & Adventure 

• หัวข้อ: การสร้างความรู้สึกของการผจญภัยอันยิ่งใหญ่และโลกแฟนตาซีที่น่าตื่นตา
• เนื้อหา:
  
  • เทคนิคการใช้ Brass Fanfare, ท่วงทำนองที่กว้างและทรงพลัง (Sweeping Melodies), และการใช้เสียงประสานที่สร้างความรู้สึกมหัศจรรย์ (เช่น Lydian Mode)
  • Score Study: Indiana Jones, Harry Potter, How to Train Your Dragon

ครั้งที่ 4: ดนตรีสำหรับแนว Sci-Fi 

• หัวข้อ: การสร้างสรรค์ดนตรีที่สื่อถึงเทคโนโลยี อวกาศ และความลี้ลับเหนือจินตนาการ
• เนื้อหา:
  
  • การผสมผสานระหว่างวงออเคสตราและเสียงสังเคราะห์ (Synthesizers)
  • การใช้เทคนิคดนตรีสมัยใหม่ (เช่น Atonality, Minimalism) เพื่อสร้างบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย
  • Score Study: E.T. the Extra-Terrestrial, Interstellar, Blade Runner

ครั้งที่ 5: ดนตรีสำหรับแนว Horror & Thriller 

• หัวข้อ: การใช้ดนตรีเพื่อสร้างความระทึกขวัญ ความไม่ไว้วางใจ และความกลัว
• เนื้อหา:
  
  • พลังของความเงียบ (Silence) และเสียงกระแทก (Stinger/Jump Scare)
  • การใช้เสียงประสานที่ไม่ลงรอย (Dissonance) และเทคนิคการเล่นเครื่องดนตรีแบบพิเศษ (Extended Techniques)
  • Score Study: Jaws, Psycho, The Conjuring

ครั้งที่ 6: ดนตรีสำหรับแนว Action 

• หัวข้อ: การประพันธ์ดนตรีที่ขับเคลื่อนความตื่นเต้นและฉากแอ็คชันที่ดุเดือด
• เนื้อหา:
  
  • Ostinato: การใช้โมทีฟที่เล่นซ้ำๆ เพื่อสร้างพลังงานและความเร็ว
  • จังหวะที่ทรงพลัง (Driving Rhythms) จากเครื่องสายและเครื่องกระทบ
  • Score Study: Mission: Impossible, The Dark Knight, The Bourne Series

ครั้งที่ 7: ดนตรีสำหรับแนว Drama & Romance 

• หัวข้อ: การใช้ดนตรีเพื่อเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งของตัวละคร
• เนื้อหา:
  
  • การประพันธ์เมโลดี้ที่เรียบง่ายแต่กินใจ โดยใช้เปียโนหรือเครื่องสายเดี่ยวเป็นตัวชูโรง
  • การใช้ Harmonic Progression ที่สามารถกระตุ้นความรู้สึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Score Study: Forrest Gump, Cinema Paradiso, ผลงานส่วนใหญ่ของ Studio Ghibli

ครั้งที่ 8: ดนตรีสำหรับแนว Comedy 

• หัวข้อ: การสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มผ่านเสียงดนตรี
• เนื้อหา:
  
  • เทคนิค “Mickey Mousing” และการใช้เสียงดนตรีเพื่อล้อเลียนการกระทำ
  • การเลือกใช้เครื่องดนตรีที่มีคาแรคเตอร์สนุกสนาน เช่น Pizzicato Strings, Woodwinds
  • Score Study: The Pink Panther, Home Alone, Up

ครั้งที่ 9: Workshop I – Composing Your Main Theme (ปฏิบัติการสร้างธีมหลักของตนเอง)

• หัวข้อ: การนำความรู้จากทุกแนวทางมาสร้างสรรค์ธีมหลักในสไตล์ของตัวเอง
• เนื้อหา:
  
  • ผู้เรียนเลือกแนวทาง (Genre) ที่สนใจ และเริ่มประพันธ์ “Main Theme” ความยาว 1-2 นาที
  • เน้นการสร้างเมโลดี้ที่แข็งแรงและน่าจดจำ

• • ผู้สอนให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะรายบุคคล& F