Author: Montgomerry

หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า Orchestra (ออร์เคสตรา) หรือที่หมายถึงวงดนตรีในรูปแบบหนึ่งที่มักเล่นเพลงคลาสสิค มีรูปแบบวงที่ค่อนข้างใหญ่ และมีเครื่องดนตรีอยู่หลายสิบชิ้น และนักดนตรีร่วมร้อยคน ซึ่งบางทีเราก็จะเห็นมีการประยุกต์นำมาเล่นเพลงในยุคปัจจุบันเช่นกัน เรามักสัมผัสได้ถึง Characteristic ของการเป็น Orchestra ว่ามันให้ความรู้สึกของความยิ่งใหญ่ อลังการ เราขอแนะนำวิชา Orchestration (ออร์เคสเตรชั่น) คือวิชาที่ว่าด้วยการเรียบเรียงเสียงประสานเครื่องดนตรีในวงออร์เคสตร้านั่นเองครับ โดยจะเป็นการเรียนรู้การทำดนตรีในแบบออร์เคสตราในยุคสมัยใหม่ โดยใช้ DAWs หรือโปรแกรมทำดนตรี ในรูปแบบ Computer Music นั่นเอง เครื่องดนตรีในวง Orchestration นั้นมีหลากหลายมากๆ และแบ่งเป็นหลายหมวดหมู่ อาทิ เช่น String (เครื่องสาย) , Woodwind (เครื่องเป่าลมไม้ , Brass (เครื่องเป่าทองเหลือง)...

การมีเครื่องดนตรีที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการเรียนรู้ทำเพลง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เบื้องต้นหรือการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ หากเราสนใจที่จะเรียนรู้การทำเพลง การมีเครื่องดนตรีที่ดีๆซักชิ้นจะช่วยได้มากครับ เพราะมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และช่วยให้สามารถสร้างสรรค์เพลงได้สบายมากขึ้น เครื่องดนตรีที่ดีสามารถช่วยให้การเรียนของเราเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการมาสายทำเพลงจริงจังเลย มันช่วยให้เราเรียนรู้ดนตรีได้ง่ายขึ้น และสบายขึ้น เช่นเปียโนที่มีลิ่มดีๆ กดแล้วน้ำหนักสมจริงจะช่วยให้คุณสามารถฝึกลงน้ำหนักของนิ้วได้ดีขึ้นครับ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการมีเครื่องดนตรีที่ดีในการทำเพลงคือการเลือกเครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับสไตล์เพลงและความต้องการของแต่ละคนเพราะสไตล์การทำเพลงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงมีความต้องการที่แตกต่างกันดังนั้นคุณควรศึกษาว่าเครื่องดนตรีชนิดไหนที่เหมาะสมกับสไตล์เพลงของเรา และเลือกเครื่องดนตรีที่ตรงกับความต้องการของตนเองนะครับ แต่การมีเครื่องดนตรีที่ดี ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นเครื่องดนตรีที่มีราคาแพงเสมอ คนที่เริ่มต้นใหม่ๆ ควรเริ่มต้นจากเครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตัวเองก่อน เพราะจะมีเรื่องอื่นที่ต้องใช้จ่ายเพิ่มนอกจากเครื่องดนตรีอีกเยอะเลยครับ เช่น ปลั๊กอิน ไมค์โครโฟน หูฟัง ลำโพง ซาวน์การ์ด อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องดนตรีของเรา และไหนจะค่าคอร์สเรียนต่างๆ มือใหม่ควรตั้งงบไว้ประมาณไหน มือใหม่เราควรเริ่มจากงบพอประมาณก่อน ซัก 11000 – 80000 บาทจากนั้นค่อยต่อยอดซื้ออุปกรณ์เพิ่ม หลังจากที่เราเก่งขึ้นแล้วและรู้ว่าระดับฝีมือของเราต้องการเครื่องดนตรีที่ดีกว่านี้ สำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้การทำดนตรี แต่ไม่มีเครื่องดนตรีเป็นของตัวเองหรืองบน้อยกว่าที่ผมตั้งไว้เราก็มีตัวเลือกอื่นๆให้ลองดู เช่น ใช้เครื่องดนตรีที่ให้เช่าหรือยืมของคนอื่นมาซ้อม หรือถ้าคุณเป็นนักศึกษาศิลปกรรมศาสตร์...

เป็นอีกคำถามที่มีนักเรียนในคลาส The Real Producer ถามมา แล้วผมคิดว่าน่าสนใจ จะตอบก็คงค่อนข้างยาว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยตอบเอาไว้เป็นบทความเลยละกันนะครับ ถ้าคุณได้สังเกตเพลงแต่ละแนวแต่ละประเทศ และพบว่ามันมีสำเนียงที่แตกต่างกัน บรรยากาศไม่เหมือนกัน หรือคุณกำลังพยายามทำเพลงที่มีสำเนียงที่มีความเป็นชนชาติใดชาติหนึ่ง อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือเป็นสากล แต่กลับพบว่าหาวิธีไม่เจอ และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเพลงชาติเหล่านั้นถึงออกมามีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่เรากลับทำไม่ได้ ที่จริงแล้วมันมีปัจจัยอยู่ที่มีผลต่อการทำให้เกิดความรู้สึกว่าเพลงมีบรรยากาศยังไง สำเนียงแบบไหน ฟังดูเป็นเพลงที่มี Vibe แบบไหน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความลับอะไรมากมาย มันเป็นเพียงทฤษฎีตามปกติที่มีคนคิดค้นมาก่อนเราแล้วเป็นร้อยเป็นพันปีตั้งแต่ยุคคลาสสิค เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เรียนการทำดนตรีแบบลึกซึ้งในระดับมหาวิทยาลัย จนเข้าใจไปถึงอณูความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากทุกๆตัวโน้ต ความรู้เหล่านี้บางทีเลยเลือนลางออกไปในยุคสมัยใหม่ บวกกับความเป็น Globalization ที่มากขึ้นในยุคปัจจุบันที่ดนตรีในโลกนี้มีความหลอมรวมและใกล้เคียงกันมากขึ้น แท้จริงแล้วความรู้เหล่านี้มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นเครื่องมือหรือเป็นวัตถุดิบชั้นดี ที่จะมาช่วยเราในการ Design ตัวเพลงหรือดนตรี ให้ได้ตรงตาม...

ผมเคยพูดถึงศัพท์คำว่า Beat ไปในบทความก่อนหน้านี้ https://verycatsound.com/blog-beat/ ว่ามันมีที่มาจากไหน และจู่ๆมันมาแปลว่าการทำดนตรี แทนคำว่า Music Arranging หรือการเรียบเรียงดนตรีได้ยังไง ซึ่งรากมันมาจากวัฒนธรรมฮิพฮอพจากอดีตที่มาเกิดปรากฏการณ์บูมในสังคมไทยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และมีการบิดเบือนของความหมายที่แท้จริงของมันไป จนกลายเป็นการใช้กันเป็นปกติในบริบทใหม่ในไทยทุกวันนี้ อย่างที่เราทราบกันดีว่า จริงๆแล้ว บีท มันแปลว่าจังหวะ ฉะนั้นจึงมีคนทำดนตรีส่วนมาก ที่ร่ำเรียนมาเป็นเรื่องเป็นราว ตีความว่า การทำบีทคือทำแต่ ส่วนของกลอง หรือ Rhythmic Section แต่ในบริบทความหมายของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เรียนดนตรีมาโดยตรงจะมีความเข้าใจไปอีกแบบว่า แปลว่าเสียงดนตรีทุกอย่างในเพลงเลย ( ซึ่งนั่นจริงๆแล้วชื่ออย่างเป็นทางการมันเรียกว่า การเรียบเรียงดนตรี หรือ Music Arranging ) ทีแรกผมคิดว่า มันเป็นแค่การใช้คำผิด หรือเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องดนตรีเฉยๆ ทำให้เกิดบริบทของการใช้คำนี้ที่เปลี่ยนไปในยุคสมัยใหม่ แต่ผมสังเกตว่า ที่จริงแล้ว...

ในโพสต์เก่าๆถ้าใครได้ติดตามมาตลอด เราได้ลงเรื่องเกี่ยวกับ mode ในเมเจอร์สเกลมาเกินครึ่งทางแล้ว แต่ในโหมดที่ 6 ที่มีชื่อเรียกว่า Aeolian mode นั้นเราจะขอข้ามไป เพราะว่ามันเหมือนกับ minor scale นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น C Minor Scale กับ C Aeolian นั้นมีโน้ตคือC D Eb F G Ab Bbเหมือนกันเป๊ะ แต่ทีนี้ คงจะมีหลายคนสงสัยว่า อ้าวแล้วในเมื่อมันเหมือนกัน ทำไมต้องเรียกให้มันต่างกันด้วย ที่จริงแล้วมันก็มีความต่างกันอยู่ ถ้าใครอยากรู้ความต่างที่ว่านั้น เชิญอ่านได้เลยครับ ความแตกต่างระหว่าง Aeolia Mode และ Minor...

ปัญหาที่เป็นกันทั่ว ในหมู่คนทำเพลง ไม่ว่าจะมือเก่ามือใหม่ หนึ่งในนั้นคือการที่ทำเพลงไม่จบซะที เพราะไม่รู้ว่าควรจะจำกัดขอบเขตมันไว้ที่ไหน ในเมื่อไอเดียใหม่ๆมันไหลเข้ามาเรื่อยๆ หรือคิดอะไรใหม่ได้เรื่อยๆ เลยแก้ไม่จบไม่สิ้นซะที ใครที่เป็นแบบนี้ ไม่ต้องกลัวครับ เพราะผมก็เป็น (อ้าว 555) ที่จริงแล้วมันไม่เป็นผลดีเท่าไร เวลาที่เราทำเพลงไม่เสร็จซะที เพราะทำให้ไม่ได้มีผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอันมาก พอมองย้อนกลับไปเราจะพบว่า ผลงานที่เสร็จสิ้นเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนใหญ่แล้วเป็นงานประกวด งานลูกค้า หรืองานที่ทำให้คนอื่นซะเยอะมากกว่างานเพลงศิลปินของตัวเอง นั่นเพราะว่างานคนอื่นมันมี Deadline ครับ เมื่องานของเราเองมันไม่มี Deadline ยึดเอาตามความพอใจเราเป็นหลัก มันไม่มีโจทย์หรืออะไรมายึดเกาะให้เราทำตามนั้น ประกอบกับตัวเราเองที่ Perfectionism เกินไป และอยากให้งานมันออกมาเป็น Masterpiece ผลลัพธ์มันเลยกลายเป็น ไม่เสร็จซะที จากเพลงที่จะได้ปล่อย กลับไม่ได้ปล่อยเป็นปีๆ เป็นหมันไปซะยังงั้น วันนี้เลยอยากมาแชร์วิธีการแก้ปัญหา หรือ...