Blog

ทุกๆคนที่ทำดนตรี เป็นโปรดิวเซอร์ หรือศิลปิน น่าจะมีความคิดที่อยากจะทำเพลงในรูปแบบของตัวเอง ที่ไม่ซ้ำกับคนอื่น หรืออาจจะอยากทำเพลงที่เป็นสไตล์ที่เป็นตัวเอง แบบที่ตัวเองฟัง หรือที่ตัวเองชอบ ถูกไหมครับ แต่เคยเจอปัญหานี้กันบ้างไหมครับ ที่บางทีเราแต่งเพลงออกมาแล้วทำไมบรรยากาศหรือคอร์ดเพลงมันวนๆ คล้ายๆกันไปหมด จนเกิดความรู้สึกที่จำเจ หรือบางทีเราไปหยิบเพลงคนอื่นมาเล่น ก็อยากเล่นในสไตล์ของเราเอง ให้ไม่เหมือนต้นฉบับ แต่มีความแปลกใหม่ อันเป็นเอกลักษณ์ความเป็นศิลปินของเราใส่เข้าไปเอง แต่เล่นยังไงก็รู้สึกว่ามันก็เหมือนๆกับเวอร์ชั่นเดิมที่มีอยู่แล้วอยู่ดี สาเหตุใหญ่ๆมาจากการที่เราไม่ได้ทำการ Reharmonize หรือคิดคอร์ดเซตใหม่ให้กับมันนั่นเองครับ การ Reharmonize คือการปรับเปลี่ยน จัดเรียงวิธีการใช้ Harmony ในเพลงนั้นๆใหม่ โดยที่ยังคงโครงเมโลดี้เดิมอยู่ 80-100% คือมันยังฟังดูเป็นเพลงเดิมอยู่น่ะครับ แต่บรรยากาศ สำเนียง หรือ Vibe ของมันอาจจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย จากเพลงเศร้าอาจกลายเป็นสนุก จากเพลงโทนสดใส อาจกลายเป็นดิมๆเท่ห์ๆ โดย...

ครั้งที่แล้วเราได้พูดถึง Song Structure ที่เกี่ยวกับโครงสร้างของเพลงว่าแต่ละท่อนนั้นต้องวางแผนแบบไหน ใครที่ยังไม่ได้อ่านสามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่ https://verycatsound.com/blog-song-structure/ แล้วที่นี้เรามีแผนทีในการสร้างเพลงแล้ว และเครื่องมือที่ต้องใช้ล่ะต้องมีอะไรบ้าง?ซึ่งนั่นก็คือการที่เราจะต้องทำความรู้จักว่าองค์ประกอบของเพลงมีอะไรบ้างถึงจะเกิดเป็นเพลงๆนึงได้ในบทความนี้เราจะมาพาคุณมาดูกันครับ ว่าองค์ประกอบของเพลงที่สำคัญๆ ในการสร้างเพลงให้มีคุณภาพมีอะไรกันบ้าง 1. Melody หลัก เมโลดี้หลักถือเป็นหัวใจหลักของเพลงเลยก็ว่าได้ เพราะมันคือส่วนที่จดจำได้ง่ายที่สุด ถ้าขาดมันไปอาจจะทำให้เพลงดูไม่น่าฟัง และถ้าทำออกมาได้ไม่ดีอาจจะทำให้เพลงพังตั้งแต่เริ่มโดยเสียง Melody จะแบ่งเป็น 2 อย่าง 1.1 เสียงร้อง + เนื้อร้อง เสียงร้องและเนื้อร้อง นับว่าเป็นเมโลดี้ที่ติดหูคนได้ง่ายที่สุดแล้วก็ว่าได้ เพราะเสียงคนร้องเป็นส่วนที่คนเราจะเข้าถึงอารมย์ได้ง่ายที่สุด และถ้ามีเนื้อร้องที่แต่งออกมาดี และมันเข้ากับเสียงร้อง ก็จะทำให้เพลงนั้นดีติดหูได้ง่ายๆเลย 1.2 เสียงเครื่องดนตรีแบบ solo หรือก็คือเสียงเครื่องดนตรีแบบเดี่ยวๆเลย โดยปกติอาจจะบรรเลงเดี่ยวๆด้วย กีตาร์, เปียโน, และเครื่องดนตรีอื่นๆ เป็นอีกหนึ่งเมโลดี้ที่ทำให้ติดหูง่ายที่สุด...

Song Structure เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการสร้างเพลง เพราะมันช่วยให้เพลงของเรามีความโดดเด่น และดึงดูดใจผู้ฟังได้อย่างมากเพลงที่ดีนั่นไม่ได้เกิดขึ้นมาแบบสุ่มๆ มันมีองค์ประกอบและหลักการบางส่วนที่ช่วยกำหนดคุณสมบัติของเพลงที่ดีได้ เมื่อคุณสร้างเพลงด้วย Song Structure ที่ดี มันจะช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น และทำให้เพลงของคุณดีมากขึ้นไปอีกในบทความนี้เราจะพูดถึงองค์ประกอบของมัน และความสำคัญของแต่ละส่วนในการสร้างเพลงกันครับ Song Structure คืออะไร Song Structure หรือท่อนเพลง (Song form)คือโครงสร้างของเพลง เป็นเหมือนแผนที่ในการสร้างเพลงในส่วนต่างๆ ซึ่งจะเป็นตัวที่กำหนดว่าในแต่ละส่วนเราต้องใส่อะไรลงไปบ้าง เพลงถึงจะออกมาดี โครงสร้างเพลงประกอบไปด้วยท่อน Intro, Verse, Pre-Chorus, Chorus (Hook), Bridge, Outro และอาจมีส่วนอื่นๆ เช่น Riff หรือ Solo ซึ่งเพลงแต่ละแนวนั่นก็จะมีการใช้ Song Structure...

หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า Orchestra (ออร์เคสตรา) หรือที่หมายถึงวงดนตรีในรูปแบบหนึ่งที่มักเล่นเพลงคลาสสิค มีรูปแบบวงที่ค่อนข้างใหญ่ และมีเครื่องดนตรีอยู่หลายสิบชิ้น และนักดนตรีร่วมร้อยคน ซึ่งบางทีเราก็จะเห็นมีการประยุกต์นำมาเล่นเพลงในยุคปัจจุบันเช่นกัน เรามักสัมผัสได้ถึง Characteristic ของการเป็น Orchestra ว่ามันให้ความรู้สึกของความยิ่งใหญ่ อลังการ เราขอแนะนำวิชา Orchestration (ออร์เคสเตรชั่น) คือวิชาที่ว่าด้วยการเรียบเรียงเสียงประสานเครื่องดนตรีในวงออร์เคสตร้านั่นเองครับ โดยจะเป็นการเรียนรู้การทำดนตรีในแบบออร์เคสตราในยุคสมัยใหม่ โดยใช้ DAWs หรือโปรแกรมทำดนตรี ในรูปแบบ Computer Music นั่นเอง เครื่องดนตรีในวง Orchestration นั้นมีหลากหลายมากๆ และแบ่งเป็นหลายหมวดหมู่ อาทิ เช่น String (เครื่องสาย) , Woodwind (เครื่องเป่าลมไม้ , Brass (เครื่องเป่าทองเหลือง)...

การมีเครื่องดนตรีที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการเรียนรู้ทำเพลง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เบื้องต้นหรือการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ หากเราสนใจที่จะเรียนรู้การทำเพลง การมีเครื่องดนตรีที่ดีๆซักชิ้นจะช่วยได้มากครับ เพราะมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และช่วยให้สามารถสร้างสรรค์เพลงได้สบายมากขึ้น เครื่องดนตรีที่ดีสามารถช่วยให้การเรียนของเราเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการมาสายทำเพลงจริงจังเลย มันช่วยให้เราเรียนรู้ดนตรีได้ง่ายขึ้น และสบายขึ้น เช่นเปียโนที่มีลิ่มดีๆ กดแล้วน้ำหนักสมจริงจะช่วยให้คุณสามารถฝึกลงน้ำหนักของนิ้วได้ดีขึ้นครับ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการมีเครื่องดนตรีที่ดีในการทำเพลงคือการเลือกเครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับสไตล์เพลงและความต้องการของแต่ละคนเพราะสไตล์การทำเพลงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงมีความต้องการที่แตกต่างกันดังนั้นคุณควรศึกษาว่าเครื่องดนตรีชนิดไหนที่เหมาะสมกับสไตล์เพลงของเรา และเลือกเครื่องดนตรีที่ตรงกับความต้องการของตนเองนะครับ แต่การมีเครื่องดนตรีที่ดี ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นเครื่องดนตรีที่มีราคาแพงเสมอ คนที่เริ่มต้นใหม่ๆ ควรเริ่มต้นจากเครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตัวเองก่อน เพราะจะมีเรื่องอื่นที่ต้องใช้จ่ายเพิ่มนอกจากเครื่องดนตรีอีกเยอะเลยครับ เช่น ปลั๊กอิน ไมค์โครโฟน หูฟัง ลำโพง ซาวน์การ์ด อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องดนตรีของเรา และไหนจะค่าคอร์สเรียนต่างๆ มือใหม่ควรตั้งงบไว้ประมาณไหน มือใหม่เราควรเริ่มจากงบพอประมาณก่อน ซัก 11000 – 80000 บาทจากนั้นค่อยต่อยอดซื้ออุปกรณ์เพิ่ม หลังจากที่เราเก่งขึ้นแล้วและรู้ว่าระดับฝีมือของเราต้องการเครื่องดนตรีที่ดีกว่านี้ สำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้การทำดนตรี แต่ไม่มีเครื่องดนตรีเป็นของตัวเองหรืองบน้อยกว่าที่ผมตั้งไว้เราก็มีตัวเลือกอื่นๆให้ลองดู เช่น ใช้เครื่องดนตรีที่ให้เช่าหรือยืมของคนอื่นมาซ้อม หรือถ้าคุณเป็นนักศึกษาศิลปกรรมศาสตร์...

เป็นอีกคำถามที่มีนักเรียนในคลาส The Real Producer ถามมา แล้วผมคิดว่าน่าสนใจ จะตอบก็คงค่อนข้างยาว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยตอบเอาไว้เป็นบทความเลยละกันนะครับ ถ้าคุณได้สังเกตเพลงแต่ละแนวแต่ละประเทศ และพบว่ามันมีสำเนียงที่แตกต่างกัน บรรยากาศไม่เหมือนกัน หรือคุณกำลังพยายามทำเพลงที่มีสำเนียงที่มีความเป็นชนชาติใดชาติหนึ่ง อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือเป็นสากล แต่กลับพบว่าหาวิธีไม่เจอ และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเพลงชาติเหล่านั้นถึงออกมามีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่เรากลับทำไม่ได้ ที่จริงแล้วมันมีปัจจัยอยู่ที่มีผลต่อการทำให้เกิดความรู้สึกว่าเพลงมีบรรยากาศยังไง สำเนียงแบบไหน ฟังดูเป็นเพลงที่มี Vibe แบบไหน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความลับอะไรมากมาย มันเป็นเพียงทฤษฎีตามปกติที่มีคนคิดค้นมาก่อนเราแล้วเป็นร้อยเป็นพันปีตั้งแต่ยุคคลาสสิค เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เรียนการทำดนตรีแบบลึกซึ้งในระดับมหาวิทยาลัย จนเข้าใจไปถึงอณูความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากทุกๆตัวโน้ต ความรู้เหล่านี้บางทีเลยเลือนลางออกไปในยุคสมัยใหม่ บวกกับความเป็น Globalization ที่มากขึ้นในยุคปัจจุบันที่ดนตรีในโลกนี้มีความหลอมรวมและใกล้เคียงกันมากขึ้น แท้จริงแล้วความรู้เหล่านี้มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นเครื่องมือหรือเป็นวัตถุดิบชั้นดี ที่จะมาช่วยเราในการ Design ตัวเพลงหรือดนตรี ให้ได้ตรงตาม...