กฎ 10 ข้อเพื่อการอยู่รอดของชีวิตFreelance ดนตรี,ครีเอทีฟสายต่างๆ

Share via:

Krissaka Tankritwong

    ปัจจุบันคนที่ทำงานสายครีเอทีฟต่างๆ เช่น นักแต่งเพลง ทำดนตรี , Graphic Designer , นักวาดภาพประกอบ , นักเขียน ฯลฯ นิยมมาเป็นอาชีพ Freelance ไม่ขึ้นกับบริษัทกันมากขึ้น บางคนก็ทำเพราะความจำเป็น (เช่นผมเป็นต้น) แต่บางคนก็อยากมาทำเพราะภาพลักษณ์ที่ดู เท่ห์ ชิลล์ งานสบาย เงินเยอะ มีอิสระ ได้เที่ยว มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง ไม่ขึ้นกับใคร (ซึ่งจริงรึเปล่าไม่รู้) ทำให้ใครๆก็อยากมาทำ Freelance กัน แต่มันไม่ใช่ว่าใครทุกคนก็เป็น Freelance ได้ วันนี้ผมขอนำเสนอ กฎ 10 ข้อ เพื่อการอยู่รอด ของชีวิต Freelance สำหรับผู้ที่สนใจคิดเตรียมตัวก่อนมาเผชิญโลกกว้างกับชีวิต Freelance ที่เค้าว่าดีกันนักหนา

ปล. บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์การทำงานการเป็น นักแต่งเพลง ทำ ดนตรีประกอบโฆษณา/ภาพยนตร์/สื่อต่างๆ ซึ่งน่าจะนำไปปรับใช้ได้กับอาชีพครีเอทีฟแขนงอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน ขอเชิญเสพย์ครับ

1. อย่าติ๊ส!

    การทำงาน เป็นคนละเรื่องกับการเป็นศิลปิน จงอย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อย่าเรื่องมาก เราทำงานรับใช้ลูกค้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงิน เพื่อความอยู่รอด ความต้องการของลูกค้านั้นสำคัญที่สุด ถ้าอยากทำงานรับใช้ตัวเอง จงทำเป็นโปรเจคที่แยกมันออกมาส่วนตัวต่างหาก จงแยกการทำงาน Commercial กับงาน Art ของตัวเองออกจากกันให้ได้

2. ยอมแบบมีขอบเขต

    การยอมลูกค้าเพื่อสร้างมิตรภาพที่ดี ทำให้เรามัดใจลูกค้าได้ก็จริง แต่จงทำแต่พอดี มีขอบเขต ถ้ายอมมากเกินไปในสิ่งที่ลูกค้าเรียกร้องทุกอย่างจนเลยเส้นของความแฟร์ไป ในระยะยาวจะมีผลเสียมากกว่าดี และการลดราคา ลดแล้วลดอีก แข่งกันถูก มันก็เป็นการทำลายวงการทั้งวงการของคุณเองทางอ้อม

3. หนักเอาเบาสู้

    ถ้าคุณไม่ได้ดังอยู่แล้ว จนใครๆ ต่างแย่งตัวกัน ก็จำเป็นจะต้อง say yes ให้มากที่สุด งานเงินมาก เงินน้อย ก็ต้องทำ อย่างอแง งานเงินน้อยก็คิดซะว่า ฝึกฝีมือ หรือทำเพื่อเก็บ portfolio แต่อย่าลืมข้อ 2 นะครับว่า เงินน้อยยังไงก็ให้มันน้อยแบบมีขอบเขต สมเหตุสมผล

4. ต้องทำได้ทุกแนว

    ในความเป็นจริง เราไม่สามารถเลือกได้เลยว่า จะได้โจทย์จากลูกค้าเป็นงานสไตล์ไหน แนวไหน ซึ่งถ้าเราต้องการอยู่รอดให้ได้ ก็ควรต้องรับทำให้ได้หมดทุกแนว ฉะนั้นในช่วงที่ยังศึกษาอยู่ จงอย่าเลือกเฉพาะแนวที่ชอบ คุณต้องศึกษาให้รู้จริงทุกสิ่งอย่าง เพื่อรับมือกับสภาพความเป็นจริงในการทำงานให้ได้

5. หาจุดขายให้ได้

    จริงอยู่ว่าควรทำให้ได้ทุกแนว แต่ไม่มีใครจะถนัดไปซะหมดทุกแนวแน่นอน ทุกคนล้วนมีแนวทาง หรือสไตล์งานที่ชอบ โดยสามารถแทรกสไตล์ที่ชอบลงไปในงาน เพื่อให้เกิดลายมือเฉพาะ ที่คนจำได้ขึ้นมา หรือจะเน้นจุดขายเป็นเรื่องอื่นก็ได้ เช่น บริการดี พูดคุยเป็นกันเองกับลูกค้า ฯลฯ เอาให้ได้สักอย่างที่ทำให้คนจำได้น่ะแหละ

6. พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

    ปีๆหนึ่งมีเด็กจบใหม่เข้ามาแย่งงานกันมากมาย และความรู้ในแขนงต่างๆ นั้น มันก็พัฒนาไม่หยุดยั้งอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ร่ำเรียนมาที่เราคิดว่ารู้ทุกอย่างแล้ว ทำงานไปสักพัก เดี๋ยวก็มีสิ่งใหม่ แนวใหม่ โผล่ขึ้นมาอีกเรื่อยๆ จงอย่าปล่อยให้ตัวเรากลายเป็นวัตถุโบราณที่ทำงานเชยๆ เดิมๆ ตลอดปีตลอดชาติ วันหนึ่งก็จะไม่มีคนจ้าง ต้องหมั่นศึกษา ฝึกฝนทักษะ เทคนิค ความรู้ใหม่ๆ ในสายงานที่ทำอยู่เสมอ อย่านิ่งนอนใจ คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ให้เด็กรุ่นใหม่ๆ ตามมาได้ทัน

7. อย่าแอนตี้การตลาด

    ผมเข้าใจดีเลยว่า นักดนตรี หรือคนทำงานสายครีเอทีฟ , ศิลปะ ต่างๆ นั้นขายของไม่เก่ง ไม่ชอบ และไม่ถนัดการตลาด ยิ่งเป็นเรื่องธุรกิจ ยิ่งยี้เลย บางคนพอมีเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขหน่อยก็มึนงง ไปไม่ถูกละ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะเรียน บริหาร MBA อะไรทั้งสิ้น แต่เดี๋ยวนี้พอทำงาน เติบโตในสายงานไปเรื่อยๆ ถึงเริ่มเข้าใจว่า มันไม่ใช่วิชาเฉพาะแบบ ดนตรี หรือ ศิลปะ แต่มันเป็นวิชาที่คนทุกสายจะต้องใช้ ถ้าอยากก้าวหน้าในงานที่ทำ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ มันต้องสร้างแบรนด์ครับ
    ถ้าคุณมีเงินและเวลา เพื่อเรียนการตลาด หรือ บริหารธุรกิจ การเรียนก็เป็นทางตรงที่สุด นั่นก็ดีครับ แต่ถ้าคุณไม่มีโอกาสนั้น จงพยายามหาความรู้ด้วยตนเองให้มากที่สุด อ่านหนังสือเยอะๆ แล้วนำความรู้มาปรับใช้กับงานที่ทำ ลองผิดลองถูกกันไป แต่ผมสำหรับคนเพิ่งจบ ป.ตรี มาหมาดๆ ผมก็ยังไม่แนะนำให้ไปเรียน MBA ป.โท เลยอยู่ดี ควรจะทำงานในสายงานตัวเองก่อนสักระยะ แล้วเมื่อถึงเวลาที่รู้สึกได้ด้วยตัวเองว่า ขาดและต้องการสิ่งนั้นจริงๆ ถึงไปเรียนครับ
    ศาสตร์พวกนี้ช่วยอะไรกับคนเผ่าพันธุ์ ดนตรี หรือ creative อย่างเราหลายอย่าง ตั้งแต่การคิดงาน การเจรจาต่อรองกับลูกค้า ช่วยเรื่องการโปรโมทตัวเอง การทำให้เป็นที่รู้จัก ทำให้ดัง ฯลฯ จนไปถึงทำให้เราสามารถขายงานตัวเองได้ และมีรายได้มากขึ้น มีชีวิตอยู่รอด และดีขึ้นในงานที่เราทำ ฉะนั้น จงอย่าแอนตี้มันครับ

8. ใจเขาใจเรา มีเมตตา และยุติธรรม

    เมื่อทำงานไปเรื่อยๆ กลไกราคาตลาดจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ จาก Demand, Supply ว่างานที่เราทำจะมีค่าเท่าไร ต้องประเมินตัวเอง และแฟร์กับลูกค้า ไม่เรียกราคาแพงโอเว่อร์ เอากำไรมากเกินไป หรือต่ำเกินไปจนเป็นการดูถูกตัวเอง และตัดราคาคนอื่น
    ในบางกรณี อาจจะต้องมีรับงานเงินน้อย หรืองานฟรี เพื่อช่วยเพื่อนกัน หรือน้องๆ นักศึกษาบ้าง ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็เป็นสิ่งที่ควรทำ มีเมตตาช่วยเหลือคนอื่น เผื่อจะได้คิดตอบแทนบุญคุณกันในอนาคต (อ้าว! ทำบุญหวังผลนี่หว่า อิอิ)

9. ความรับผิดชอบต้องสูง ควบคุมตัวเองได้ดี

    ให้ความสำคัญกับงาน และ Deadline ให้มาก เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกค้า การส่งงานไม่ทันกำหนด ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ถ้าไม่จำเป็นสุดวิสัยจริงๆ มันไม่ควรเกิดขึ้น และควรมีวินัยในการใช้ชีวิตอย่างมาก ต้องทำงานให้เสร็จตามกำหนดได้ พอว่างก็ต้องขยันหาลูกค้าโปรโมทตัวเอง เนื่องจากไม่มีใครมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช ว่าตอนไหนต้องทำอะไร คุณต้องควบคุมตัวเองได้อย่างดี
    นอกเหนือจากนี้ยังต้องควบคุมพฤติกรรมการใช้เงินด้วย ห้ามใช้เพลิน เพราะไม่ได้รับเงินเดือนตายตัวอย่างพนักงานบริษัท บางทีเงินออกก็ออกเยอะ บางทีไม่ออก หรืองานไม่มี มันก็หายไปเป็นเดือนๆ ต้องมีเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับทุกกรณี

10. อดทน อดทน และอดทน!

    เมื่อคุณเลือกเส้นทางสายนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี , กราฟฟิค หรือครีเอทีฟด้านอื่นๆ มันไม่มีคำว่าสบาย และชีวิตมันไม่ได้สวยหรูแบบภาพลักษณ์ที่ใครๆ มอง ยิ่งช่วงแรกๆของชีวิต Freelance กว่าจะทรงตัวได้ คุณต้องพยายามและอดทนอย่างยิ่งยวด

  • ต้องทำงานเงินน้อย งานฟรี ไม่รู้เท่าไร
  • ต้องเจอปัญหาการดีลกับลูกค้า ที่จะทำให้คุณเข้าใจว่าทำไมคำว่า “ลูกค้างี่เง่า” ถึงเป็นวลีคลาสสิคที่ได้ยินอยู่ทุกยุคทุกสมัยในสายงานนี้ (ขออภัยแทนลูกค้าที่ดีอยู่แล้ว ทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ถ้ามาอ่านเจอ)
  • ต้องรอตุ๊มๆต่อมๆว่า เดือนหน้าจะมีงานเข้ามาไหม จะเอาอะไรกิน ลูกค้าจะซื้องานไหม
  • ต้องเครียดกับรายจ่ายประจำเดือนที่มีเข้ามาแน่นอน แต่รายรับกลับไม่แน่นอน เพราะเงินที่ออกช้าเหลือเกิน ไม่สามารถคาดคะเนจำนวนงาน และเงินที่แน่นอนได้ เดือนที่ไม่มีงานเลย จะมาเยือนอย่างแน่นอน จงเตรียมรับมือกับมัน
  • พอเครียดมากๆเข้า ถึงจะรู้ครับว่า มันไม่ได้เท่ห์และสวยหรูอย่างที่ใครคิดเลย… บางทีก็จะมีช่วงที่ท้อจนคิดว่า อยากเลิกแล้วไปทำอย่างอื่น หรือกลับไปทำงานบริษัทดีไหม

แต่หนทางที่ชีวิตจะดีขึ้น ไม่ใช่ว่าจะไม่มี..

ถ้าอยากประสบความสำเร็จ จงทิ้งทัศนคติอยากสบาย แบบคนปกติไปเลยว่า “รีบๆทำงานเก็บเงิน สร้างตัว จะได้เกษียณ และสบายไวๆ”

    เพราะสิ่งที่คุณจะต้องเจอคือ คุณต้องตั้งใจทำงานหนัก เพื่อสร้างผลงานที่ดี และอยู่กับมันไปจนตาย ฉะนั้นคุณต้องรักงานที่ทำอยู่ ต้องมี passion กับมัน มาก มาก มากกกก และสามารถมีความสุขกับมันทั้งชีวิตได้
    พยายามอย่าเผางาน จงตั้งใจทำงานทุกชิ้นเสมอ เพราะการที่คุณทำงานที่ดีสุด จะมีคนเห็น และบอกต่อ งานที่ดีจะนำมาซึ่งงานที่ดี และคุณจะค่อยๆมีงานเยอะขึ้น เงินเยอะขึ้น ทีละนิดๆ จนสามารถทรงตัวได้ ไปจนถึงงานชุก จนอยู่ได้สบายๆ

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น จงอย่าเอาความสำเร็จ ความสบายเป็นที่ตั้ง แต่ต้องโฟกัสไปที่ “ความสุข และความปรารถนาในการสร้างสรรค์ผลงานที่ดี”

    กว่าจะประสบความสำเร็จในสายอาชีพ มันต้องใช้เวลาอย่างมาก ในการทุ่มเทให้กับมัน ค่อยๆ เรียนรู้ สร้างสรรค์ ผลงาน กว่าจะเป็นที่ยอมรับนั้น กินเวลาเป็นสิบๆปี ไม่ใช่เรื่องแปลก ขอเพียงมีควมตั้งใจจริง จงอึด อดทน! อดทน! และอดทน! สักวันต้องเป็นวันของเรา
    สู้ๆครับ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ที่เป็นการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้แก่โลก เราขอเป็นกำลังใจให้ เหล่านักแต่งเพลง,นักดนตรี,ศิลปิน,Producer,Graphic Designer,Editor,Writer,Creative,ฯลฯ เหล่า Freelance ในสายงาน นักสร้างสรรค์ ที่ไม่ได้กล่าวตรงนี้ ทุกคน

ติดตาม สารพันเรื่องราว ซาวด์ดนตรี วิถีแมวๆ ได้ที่นี่ VERYCATSOUND.COM

Comments (157)

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.