วิธีต่อ audio interface และอุปกรณ์ทำเพลง studio

วิธีต่อ audio interface และอุปกรณ์ทำเพลง studio

Share via:

Krissaka Tankritwong

วิธีต่อ audio interface และอุปกรณ์ทำเพลง studio

สำหรับนักทำเพลงมือใหม่ที่ยังไม่แน่ใจว่า ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง หรือ จะเชื่อมต่ออุปกรณ์ยังไงให้ใช้งานได้จริง วันนี้เราจะมาสาธิตวิธีต่อ Audio Interface  และอุปกรณ์หลัก ๆ ที่จำเป็นสำหรับทำเพลงแบบ studio กันครับ

มาดูกันก่อนว่าอุปกรณ์พื้นฐานในการทำเพลงควรมีอะไรบ้าง

  1. คอมพิวเตอร์
  2. audio interface
  3. MIDI Keyboard หรือคีย์บอร์ดใบ้
  4. หูฟัง
  5. ลำโพงมอนิเตอร์ ซ้าย-ขวา
  6. ไมโครโฟน
  7. เครื่องดนตรี เช่น กีตาร์ เบส

ต่อ audio interface เข้ากับคอมพิวเตอร์

เริ่มจากเชื่อมต่อ Audio Interface กับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB (อาจเป็น USB-A หรือ USB-C ขึ้นกับรุ่น) ใช้ได้ทั้ง Windows และ macOS โดยใน Mac ส่วนใหญ่จะมีการแจ้งเตือนเพื่อกดอนุญาตการเชื่อมต่ออัตโนมัติ

โดยการต่อ Audio Interface  เข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เป็นตัวกลางในการรับส่งสัญญาณจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไมโครโฟน เครื่องดนตรี หูฟัง ลำโพง ได้อย่างเสถียร

ต่อหูฟังและลำโพงเข้ากับ audio interface

ที่ audio Interface จะมีช่องเสียบหูฟังและลำโพงอยู่ เราต้องเสียบให้ถูกช่อง โดยหากเปิด DAW (โปรแกรมทำเพลง) แล้วเสียงยังออกจากลำโพงคอมพิวเตอร์ ต้องเข้าไปที่ Settings → Audio/MIDI แล้วเปลี่ยน Input/Output ให้เป็นชื่อ Audio Interface ของเรา

ต่อไมโครโฟนและเครื่องดนตรีเข้า audio interface

ช่อง Input ของ audio Interface ใช่สำหรับเสียบไมคโครโฟนและเครื่องดนตรี โดยไมรโครโฟน ส่วนใหญ่จะใช้สาย XLR ส่วนเครื่องดนตรีจะเป็นโฟนแจ็คทั่วไปที่ใช้ในเครื่องดนตรี

โดยไมโครโฟนหลัก ๆ จะมีอยู่สองแบบ

  • Dynamic Mic → เหมาะกับการอัดเสียงทั่วไป
  • Condenser Mic → เก็บรายละเอียดเสียงได้ดีกว่า เหมาะกับการอัดร้อง แต่ต้องใช้ไฟเพิ่ม (Phantom Power 48v) ซึ่งมีปุ่มบน Audio Interface ให้กดเปิด

สำหรับเครื่องดนตรีบางรุ่นจะมีปุ่มเฉพาะช่วยปรับสัญญาณจากกีตาร์หรือเบสให้เข้าคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต่อ MIDI Keyboard เข้ากับคอมพิวเตอร์หรือ audio interface

การเชื่อมต่อมี 2 แบบหลัก ๆ

  1. USB ต่อเข้าคอมพิวเตอร์โดยตรง (นิยมในรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็น USB-C)
  2. MIDI Out โดยจะเสียบเข้ากับ MIDI In ของ Audio Interface เพื่อส่งสัญญาณ MIDI จากคีย์บอร์ด ให้ผ่าน Audio Interface  เพื่อเข้าไปยัง คอมพิวเตอร์ (ใช้สาย MIDI โดยตรง แต่ Audio Interface รุ่นเล็กบางตัวไม่มีช่องนี้)

แล้วถ้ากดคีย์บอร์ดแล้วไม่มีเสียง ให้ตรวจสอบที่ Settings ของ DAWs   และเลือกเปลี่ยน MIDI Input เป็นชื่อคีย์บอร์ดของเรา  หรือถ้าไม่เจอชื่ออุปกรณ์ของเรา เป็นไปได้ว่า สายที่ใช้อาจจะไม่ได้ใช้ในการรับส่งสัญญาณ MIDI เราต้องใช้ให้ถูกด้วย โดยมากก็เป็นสายที่มาคู่กับ MIDI Keyboard อยู่แล้ว

ถัดมาเป็น MIDI Keyboard การเชื่อมต่อก็จะใช้ port เหมือนกัน โดยรุ่นเก่า ๆ มักจะเป็น USB ที่ใช้สำหรับเครื่องปรินต์เสียงเขาที่ตัวคีย์บอร์ด ส่วนอีกด้านก็เป็น USB-A เสียบเข้าคอมพิวเตอร์ แต่รุ่นใหม่ ๆ จะเปลี่ยนให้เป็น USB-C หมดแล้ว ซึ่งถ้ากดคีย์บอร์ดแล้วเสียงไม่ออก เราต้องมา setting และเปลี่ยน input MIDI ให้เป็นชื่อคีย์บอร์ดของเรา แต่ถ้ายังไม่ขึ้นชื่อคีย์บอร์ดของเรา เป็นไปได้ว่า สายที่ใช้อาจจะไม่ได้ใช้ในการรับส่งสัญญาณ MIDI เราต้องใช้ให้ถูกด้วย โดยมากก็เป็นสายที่มาคู่กับ MIDI Keyboard อยู่แล้ว

หรืออีกแบบหนึ่งคือ MIDI Keyboard จะมีช่อง MIDI output ที่ให้เสียบสายไปเชื่อมกับ MIDI Input ของ audio interface แล้วให้สัญญาณเข้า audio interface ก่อน แล้วค่อยส่งจาก audio interface ไปยังคอมพิวเตอร์ ซึ่ง audio interface รุ่นเล็กจะไม่มีสาย MIDI แต่ก็แก้ปัญหาโดยเราเสียบคอมพิวเตอร์โดยตรงได้อยู่แล้ว

การตั้งค่าเพิ่มเติมในโปรแกรม สำหรับใช้ MIDI และ Input เครื่องดนตรี

เวลาเริ่มต้นใช้งานทุกโปรแกรมก็จะสั่งให้สร้าง track ใหม่ หลัก ๆ จะมี track MIDI กับ track audio 

ถ้าเป็น track MIDI จะมีผลต่อ MIDI Keyboard หรือคีย์บอร์ดใบ้ โดยบางโปรแกรมก็จะจับและเชื่อมเข้ากับโปรแกรมได้อัตโนมัติ ทำให้เราสามารถกดคีย์บอร์ดใบ้แล้วมีเสียงได้ทันที แต่ถ้าเกิดมันไม่เชื่อมให้อัตโนมัติ เราต้องไป setting ก่อน โดยต้องหา MIDI และเลือกเป็นชื่ออุปกรณ์ของเราที่เชื่อมอยู่ถึงจะใช้งานได้

ถ้าเป็น track audio มันจะใช้กับไมโครโฟนหรือเครื่องดนตรีของเรา เช่น กีตาร์หรือเบส ซึ่งจะเชื่อมเข้ากับ Audio Interface และเชื่อมกับที่คอมพิวเตอร์อีกที ถ้าเราไม่สามารถเล่นแล้วมีเสียง ต้อง setting โดยมาเลือกให้ input เป็นชื่อ audio interface ของอุปกรณ์ที่เชื่อมอยู่ ซึ่งเราต้องแยก track ตาม input ของอุปกรณ์ที่เสียบกับ Audio Interface เช่น ถ้า Audio Interface  เสียบไมค์ที่ input 1 และเสียบกีตาร์ที่ input 2 เราก็ต้องมีปรับ input ใน track ให้เป็น input 1 หรือ 2 ด้วย

นี่ก็เป็นการเชื่อมต่อ Audio Interface  และอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับทำ studio เล็ก ๆ ของเราเอง การเชื่อมต่อไม่ยากเลย แต่ว่าเราต้องค่อย ๆ ไล่ลำดับให้ดี เสียบช่องให้ถูกต้อง รวมถึงเราอาจจะเสียบช่องต่าง ๆ ถูกแล้ว แต่ยังไม่ได้ตั้งค่าในโปรแกรม หรือโปรแกรมไม่ได้เลือกอุปกรณ์ของเราให้อัตโนมัติ ก็ต้องไป setting ให้ถูกต้องก่อนด้วยครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนครับ สำหรับใครที่สนใจในการทำเพลง อยากรู้ลึกเรื่องทฤษฎีดนตรีต่าง ๆ สำหรับการทำเพลง สามารถดูข้อมูลได้ในหลักสูตร The Real Producer เรามีคอร์สที่ช่วยให้คุณทำเพลงเป็นในระดับ producer มืออาชีพ หรือถ้าอยากลองเรียนเนื้อหาต่าง ๆ บางส่วนก่อน เรามี Verycat Membership ที่คัดเอาเนื้อหาบางส่วนมาให้เรียนในทุกเดือน รวมถึงสามารถสะสมเป็น Credit Cashback ได้สำหรับสมาชิกในระดับ Future Producer ด้วยครับ


สนใจเรียนทำเพลงอย่างจริงจังกับ VERYCATSOUND?
.
VERYCATSOUND Membership เริ่มต้นเส้นทางโปรดิวเซอร์ของคุณด้วยคลาสเรียน Exclusive รายเดือนในราคาที่เข้าถึงได้
► ดูรายละเอียดและสมัครเลย: https://verycatsound.com/join-member/
.
หลักสูตรเต็ม The Real Producer “ลึกและตรงประเด็น” สำหรับผู้ที่พร้อมจะไปให้สุดทาง สู่การเป็นโปรดิวเซอร์มืออาชีพอย่างเต็มตัว
► สอบถามหลักสูตร: LINE Official @verycatacademy คลิก: https://line.me/ti/p/@verycatacademy

ติดต่อจ้างทำเพลง / อื่นๆ
► LINE: @verycatsound
► โทร: 085-666-2425

#VeryCatSound #TheRealProducer #สอนทำเพลง #เรียนทำเพลง #โปรดิวเซอร์ #audio #music #studio

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.