ทำเพลงด้วยตัวเองแล้วตัน จะไปต่อยังไง?

ทำเพลงด้วยตัวเองแล้วตัน จะไปต่อยังไง?

Share via:

Krissaka Tankritwong

ทำเพลงด้วยตัวเองแล้วตัน จะไปต่อยังไง?

คุณอาจจะรู้จักความรู้สึกนี้ดี…

ความรู้สึกของการนั่งจ้องหน้าจอโปรแกรมทำเพลงเป็นชั่วโมงๆ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า, ความรู้สึกว่าไอเดียในหัวมันดี แต่พอทำออกมาแล้วกลับฟังดูไม่โปร, หรือความรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินวนอยู่ในอ่าง ทำได้แต่เพลงสไตล์เดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา

อาการ “ตัน” เหล่านี้ ไม่ได้แปลว่าคุณไม่มีพรสวรรค์ แต่มันคือ “สัญญาณที่ดี” มันคือสัญญาณที่บอกว่า Passion และความพยายามของคุณได้พาคุณมาจนสุดขอบแผนที่ที่คุณวาดขึ้นมาด้วยตัวเองแล้ว และตอนนี้… คือเวลาที่คุณต้องมี “แผนที่ฉบับมืออาชีพ” เพื่อเดินทางต่อไป

การรู้ว่าคุณกำลังติดอยู่ที่กำแพงด่านไหน คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณพังมันลงได้

4 ด่านหลักของ “ศาสตร์แห่งดนตรี”

นี่คือ 4 กำแพงที่เป็น “แก่น” ของการทำเพลง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะติดอยู่นานเป็นปีๆ หรืออาจจะทั้งชีวิตหากไม่รู้ทางออกที่ถูกต้อง

ด่านที่ 1: “กำแพงแห่งการสร้างสรรค์” (แต่งเพลงไม่ได้ หรือแต่งแล้วไม่ดี)

อาการ: คุณมีไอเดีย มีเมโลดี้ลอยๆ อยู่ในหัว แต่ไม่สามารถนำมาประกอบร่างสร้างเป็น “เพลง” ที่มีโครงสร้างสมบูรณ์ (Verse, Chorus, Bridge) ได้สักที, หรืออาจจะตันหนักในเรื่องการเขียนเนื้อร้อง ไม่รู้จะเล่าเรื่องอย่างไรให้จับใจ หรือเขียนออกมาแล้วไม่ดีสักที, หรือเพลงที่แต่งออกมามันฟังดูธรรมดา ไม่มีท่อนฮุคที่น่าจดจำ ทุกอย่างดูไม่ลงตัวไปหมด

สาเหตุที่แท้จริง: คุณกำลังขาดความรู้ใน “ศาสตร์แห่งการประพันธ์” (Composition & Songwriting) ซึ่งเป็นเนื้อหาหลักในวิชาพื้นฐานที่สำคัญที่สุดอย่าง Basic Music Composing (VCA101), Secret of Song Writing (VCA102) และ Creative Lyrics (VCA103) เปรียบเสมือนคุณมีอิฐสวยๆ อยู่เต็มมือ แต่คุณไม่รู้ “สถาปัตยกรรม” ในการสร้างบ้าน

ด่านที่ 2: “กำแพงแห่งการเรียบเรียง” (แต่งเพลงได้ แต่ทำดนตรีไม่ได้)

อาการ: คุณสามารถแต่งเพลงดีๆ หนึ่งเพลงด้วยกีตาร์หรือเปียโนตัวเดียวได้ คุณมีทั้งคอร์ดและเมโลดี้ที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อต้องนำเพลงนั้นเข้าไปทำต่อในโปรแกรม (DAW) ทุกอย่างจะพังลงทันที เพลงจะฟังดูโหรงเหรง หรือซาวด์ดูบ้านๆ

สาเหตุที่แท้จริง: คุณมี “บทเพลง” ที่ดีแล้ว แต่คุณขาด “ศาสตร์แห่งการเรียบเรียงดนตรี” (Music Arrangement & Production) ซึ่งเป็นทักษะหลักที่สอนในวิชาอย่าง Music Designer (VCA201) และ Modern Music Production (VCA203) เพื่อเปลี่ยนเพลงร่างของคุณให้กลายเป็นผลงานที่สมบูรณ์

ด่านที่ 3: “กำแพงแห่งความซ้ำซาก” (ทำได้แต่แบบเดิมๆ ไม่สามารถยกระดับได้)

อาการ: คุณทำเพลงจบได้ แต่ผลงานทุกชิ้นกลับฟังดูคล้ายกันไปหมด วนเวียนอยู่กับการใช้คอร์ดเดิมๆ ในคีย์ (Diatonic) และไม่สามารถสร้างสรรค์เพลงที่ซับซ้อนและมีชั้นเชิงสูงๆ หรือทำเพลงแนวอื่นที่อยากทำอย่าง Jazz หรือ R&B ได้

สาเหตุที่แท้จริง: คุณได้ใช้ความรู้ทางทฤษฎีดนตรีพื้นฐานจนหมดคลังแล้ว คุณกำลังขาดความเข้าใจใน “ทฤษฎีดนตรีขั้นสูง” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของวิชาอย่าง Advanced Harmony (VCA302), Jazz Harmony (VCA401) หรือแม้กระทั่ง Basic Orchestration (VCA303) ที่จะปลดล็อกศักยภาพทางดนตรีของคุณไปอีกระดับ

ด่านที่ 4 “กำแพงแห่งการจบงาน” (ทำเพลงเป็นจนเก่งแล้ว แต่ทำขั้น Mix Master ไม่ได้)

ด่านนี้เป็นด่านที่พิเศษ เพราะอาจเป็นปัญหาสำหรับบางคน แต่สำหรับบางคนอาจไม่จำเป็น หรือข้ามไปเลยก็ยังได้ เพราะอะไร?

หลายคนอาจจะสงสัยว่า “แล้วถ้าฉันตันเรื่อง Mix Master ล่ะ?” ใช่ครับ นี่ก็เป็นกำแพงที่หลายคนเจอเช่นกัน แต่มันมีความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่ง

กำแพงนี้เป็นกำแพงที่ไม่ใช่ทุกคนจะพังมันได้ครับ เพราะเป็นความชำนาญอีกอย่างหนึ่งเลยที่ไม่ใช่เรื่องดนตรี ซึ่งคนดนตรีบางคนอาจรู้สึกว่าทำได้ไม่ยาก แต่กับบางคนอาจรู้สึกว่ายากมาก

เอาในกรณีของคนที่มี sense เรื่อง Sound Engineer ก่อน เชื่อเถอะว่าปัญหานี้มีทางออกเยอะมากและหาเรียนรู้ได้ไม่ยาก เพราะในยุคนี้มีเครื่องมือ, ปลั๊กอินอัจฉริยะ, และคอร์สสอนเทคนิคเฉพาะทางมากมายที่ช่วยคุณได้ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับกำแพง 3 ด่านแรกที่เป็นเรื่องของ “ศาสตร์แห่งดนตรี” กำแพงเหล่านั้นคุณอาจติดอยู่เป็นปีๆ หรืออาจจะทั้งชีวิต เพราะความรู้ระดับลึกในเรื่องเหล่านี้ หาเรียนรู้อย่างเป็นระบบได้ยากมากนอกรั้วมหาวิทยาลัย และอย่างที่เราทุกคนรู้ดี ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้เข้าไปเรียนในนั้น

แต่ในกรณีของคนที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเรื่องนี้ เรียนเท่าไรก็ทำไม่ได้ ฟังไม่ออก หรือไม่เข้าใจ ที่จริงทางแก้ที่ง่ายกว่านั้น คือคุณสามารถเป็น Producer หรือนักทำเพลงได้โดยไม่จำเป็นต้องทำในส่วนนี้ โดยแยกการทำงานออกไปให้ Sound Engineer ตัวจริงทำ ไม่ว่าจะเป็นการจ้าง หรือทำงานกันเป็นทีมก็สามารถทำได้ แก้ปัญหาได้ไม่ยาก

บทสรุป: กุญแจดอกเดียวที่ไขได้ทุกประตู

ไม่ว่าคุณจะติดอยู่ที่กำแพงด่านไหนก็ตาม กุญแจที่ใช้ไขประตูออกไปนั้นคือดอกเดียวกัน: การเรียนรู้อย่างเป็นระบบและถูกทิศทางในศาสตร์ที่เป็น “หัวใจ” ของดนตรีจริงๆ

นี่คือเหตุผลที่ VERY CAT SOUND ACADEMY ไม่ได้ถูกออกแบบมาเป็นคอร์สสั้นๆ ที่สอนแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่เป็น “เส้นทางการเดินทาง” ที่สมบูรณ์แบบ ที่จะพาคุณทะลุกำแพงทั้ง 4 ด่านหลักนี้ไปตามลำดับ ตั้งแต่พื้นฐานอย่าง Creative Lyrics (VCA103), ผ่านศาสตร์การเรียบเรียงในวิชา Music Designer (VCA201), และไปจนถึงจุดสูงสุดอย่าง Advanced Harmony (VCA302) และอื่นๆ อีกมากมาย เราให้น้ำหนักกับสิ่งที่หาเรียนรู้ได้ยากที่สุดและสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณกลายเป็นศิลปินที่ไร้ขีดจำกัด

กำแพงที่ขวางหน้าคุณอยู่ ไม่ได้มีไว้เพื่อหยุดคุณ แต่มันมีไว้เพื่อทดสอบว่าคุณอยากจะไปต่อมากแค่ไหน

คำถามสุดท้ายคือ…

คุณพร้อมจะพังกำแพงแล้วหรือยัง?



เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณสนใจการทำดนตรีจริงๆ แบบลึก จริงจัง คุณเลือกได้ ระหว่าง

1.
หลักสูตร The Real Producer
REAL / DEEP / EXCLUSIVE
“ลึกและตรงประเด็นที่สุดกับการทำเพลง”
เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร หรือ และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
► สอบถามหลักสูตร: LINE Official @verycatacademy
คลิก: https://line.me/ti/p/@verycatacademy
► ปรึกษา/นัดเวลา หรือขอ Demo เรียนฟรี! : http://mkt.verycatsound.academy/mf2
► โทร: 085-666-2425

2.
VERYCATSOUND Membership เริ่มต้นเส้นทางโปรดิวเซอร์ของคุณด้วยคลาสเรียน Exclusive รายเดือนในราคาที่เข้าถึงได้
► ดูรายละเอียดและสมัครเลย: https://verycatsound.com/join-member/

ติดต่อจ้างทำเพลง / อื่นๆ
► LINE: @verycatsound

#VeryCatSound #TheRealProducer #สอนทำเพลง #เรียนทำเพลง #composer #musicproducer #songwriter

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.