พูดถึงดนตรีนั้นสำหรับคนธรรมดาที่เล่นดนตรีเป็นการผ่อนคลาย สนุกสนานทั่วไปคงจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่หากใครคนหนึ่งเริ่มเข้ามาสู่วงการดนตรีที่จริงจังมากขึ้น เข้มข้นมากขึ้น จนเรียกว่าคนคลั่งดนตรีในที่สุด คนเหล่านี้มักต้องพบกับคำสาป 5 อย่างที่เหมือนๆกัน และเรียกได้ว่าคำสาปนั้นหมายความว่ามันจะติดตัวไปตลอดชีวิตไม่มีวิธีหนีจากมัน ทำได้เพียงเผชิญหน้ากับมันซึ่งๆหน้าเท่านั้นจึงจะหลุดพ้นจากความทรมานที่รู้สึก วันนี้ผมได้รวบรวม 5 คำสาปที่คนคลั่งดนตรีหนีไม่พ้นมาเล่าสู่กันฟัง ลองมาฟังดูว่าคุณมีข้อไหน อยู่ในขั้นไหน แล้วจะทำอย่างไรกับมันดี
ทำไมถึงยากเสมอ? ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนฝึกดนตรีมาก่อนอาจยังไม่รู้ แต่ถ้าใครเคยหัดเล่นเครื่องดนตรี หรือเรียนทฤษฏีดนตรีมาก่อนจะรู้ว่าดนตรีมันยาก เพราะมันต้องฝึกฝนและใช้เวลานานจนกว่าจะเล่นได้คล่อง แถมเครื่องดนตรีแต่ละชนิดก็มีวิธีฝึกที่แตกต่างกันไปอีก ยังไม่พอถ้าคุณยิ่งฝึก คุณจะเรียนรู้ว่่ามันมีท่าแปลกๆ พลุดขึ้นมาให้เราเจอตลอด มันคือการปีนภูเขาไปเรื่อยๆ ไปเจอสิ่งที่ยากขึ้น และคุณต้องก้าวข้ามมันให้ได้ ไม่มีวันจบสิ้น
แต่ถ้าคุณคิดว่าแค่ฝึกเล่นคอร์ดธรรมดาๆ พอเล่นเพลงที่ชอบได้ก็พอแล้ว อันนี้ก็ยินดีด้วยที่คุณหาความพอใจของตัวเองเจอ แต่สำหรับใครที่ต้องการจะเก่ง เล่นได้ทุกเพลง อยากโชว์ลีลาเด็ดๆ ก็ต้องหนีไม่พ้นที่จะฝึกฝน และต้องใช้เวลากับมันไปตลอดชีวิต
แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าดนตรี ต้องใช้เวลาทุ่มเทกับมันเยอะเป็นพิเศษ อย่างที่เราบอกเสมอว่า “ดนตรีไม่มีทางลัด” เพราะมันไม่มีทางลัดให้เราข้ามจริงๆ ไม่ว่าคุณจะต้องฝึกอะไร หรือหาเทคนิคต่างๆ คุณก็ต้องใช้เวลากับมันอยู่ดี ไม่ว่าจะเรื่องทฤษฏีดนตรี เรื่องการแต่งเพลง เรื่องการเล่นเครื่องดนตรี คุณต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ ฝึกฝน ทดลองทำในแต่ละอย่างเพื่อที่จะสามารถเข้าใจ และเล่นมันได้
มีนักดนตรีหรือโปรดิวเซอร์หลายคนที่เก่งๆ ใช้เวลาฝึกเป็นปีๆ เป็น 100 เป็น 1,000 ชั่วโมง กว่าจะฝึกเล่นเครื่องดนตรีตัวนึงให้เก่งได้ กว่าจะสามารถคิดคอร์ดในหัวและทำเป็นเพลงออกมาได้ เป็นอีกหนึ่งข้อที่เราต้องยอมรับและเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลาเยอะจริงๆ
มันแพงเสมอยัง? สมมุติว่าคุณไปเรียนดนตรีแบบมาตราฐาน ไม่ว่าจะวิชาอะไรก็ตาม
คอร์สเดียวตกชั่วโมงละ 500 บาท เรียนไป 12 ชั่วโมง ก็ใช้เงินไป 6,000 บาท
แต่ถ้าคุณอยากเรียนเก่งๆ อาจจะใช้เวลาเรียนสัก 400 ชั่วโมง ฝึกเป็นปีๆ ก็ใช้เงินไป 200,000 บาทแล้วครับ
หรือถ้าคุณฝึกฝนเครื่องดนตรีเองได้ คุณก็จะไปเสียค่าเครื่องดนตรี ค่าอุปกรณ์เสริม ก็ใช้เงินไป 10,000 – 100,000 บาทแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณเอาจริงเอาจังกับมันมากแค่ไหน
ยังไม่พอ ถ้าคุณเป็นสายโปรดิวเซอร์ อยากทำเพลงให้คนอื่นหรือทำเพลงของตัวเอง คุณก็ต้องเสียค่าปลั๊กอิน ค่าคอม ค่าหูฟังหรือลำโพง ค่า Midi Keyboard ไว้ใช้ทำเพลง ค่าไมค์ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ค่าทำห้องอัด ค่านู้นนี่ ก็หนีไปพ้นเสียเงินไปเป็นหลักหมื่น ไปจนถึงหลักล้าน ยิ่งของดีก็ยิ่งมีราคาสูง
จะเห็นได้ว่าต่อให้เราจะเปลี่ยนเป็นสายอื่น หรือพยายามจะประหยัดมากแค่ไหน ถ้าขึ้นชื่อว่า “ดนตรี” คุณก็ต้องใช้เงินอยู่เป็นจำนวนมากอยู่ดี และยิ่งของดีก็ยิ่งมีราคาแพง
ยิ่งคลั่ง ยิ่งชอบฟังเพลงลึกๆ ยิ่งกลายเป็นคนส่วนน้อยของสังคม
ข้อนี้ถ้าเกิดมันไม่ได้ไปรบกวนการใช้ชีวิตของคุณมาก อาจจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบฟังดนตรีลึกๆ เช่น บลูซ์ แจ๊ส คลาสสิค หรือแนวแปลกๆที่คนส่วนน้อยจะฟัง คุณจะยิ่งรู้สึกว่ามันหาเพื่อนที่ชอบฟังเหมือนเรายากจริงๆ
ยังไม่พอ แต่ละคนก็มีความชอบที่แตกต่างกัน มีรสนิยมในการฟังหรือวิธีการฟังที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเป็นสายแจ๊สที่ฟังลึกมากๆ จนคนที่ชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน แต่ไม่ได้ลึกขนาดนั้น อาจจะตามไม่ทัน หรือบางคนเป็นสายเน้นฟังเนื้อเพลงยากๆ ชอบฟังเพลงที่ใช้คำศัพท์สวยๆ ความหมายลึกซึ้ง จนฟังเพลงทั่วไปแล้วรู้สึกเฉยๆ หรือไม่ชอบก็มี
และที่มันจะส่งผลกระทบกับอาชีพดนตรีของเราเลยก็คือ ถ้าเราทำเพลงในแบบที่เราชอบ แบบที่คนส่วนใหญ่ไม่ฟังกัน มันจะกลายเป็นเรื่องยากที่จะทำเงินกับมันได้ ยกเว้นว่าคุณเข้าใจวคนส่วนใหญ่ฟังเพลงแบบไหน แนว Easy-listening และคุณชอบมัน อันนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก
ยิ่งคลั่งดนตรีๆ ในแบบของเรา ยิ่งกลายเป็นคนส่วนน้อยในสังคม
ขนาดคนคลั่งดนตรีด้วยกันเอง ยังคุยกันยากเลยครับ
ไม่ว่าคุณจะทำอะไร อาจจะมีความจำเป็นในชีวิต เช่น ไปเรียนทางด้านอื่นที่ไม่ใช่ดนตรี หรือทำงานด้านอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่มั่นคงกว่า ถ้าคุณรู้แก่ใจว่าเป็นคนบ้าดนตรีมากๆ ต่อให้คุณจะไปทำอะไร คุณก็จะกลับมาคิดถึงเรื่องดนตรีเสมอ พอได้ยินเพลงที่ใช้ทางยากๆ คุณก็จะรู้สึกตื่นเต้น อยากจะเป็นศิลปิน อยากจะเป็นโปรดิวเซอร์ อยากจะทำแบบนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิต เรียกได้ว่าจะหนีให้พ้นจากสิ่งเรารักมันยากมากๆ และจะรู้สึกทรมานถ้าไม่ได้ทำมัน เพราะคุณเป็นคนนึงที่รักดนตรี และหยุดคิดถึงมันไม่ได้ ต่อให้จะห่างเหินจากมันไปสักระยะ หรือทำงานไปเรื่อยๆให้ตัวเองมั่นคงก่อน สุดท้ายก็จะกลับมานั่งคิดถึงเรื่องการทำเพลง หรือลงทุนในเรื่องการเรียนดนตรีเพื่อที่สักวันจะสามารถทำในสิ่งที่เรารักได้ เป็นเรื่องปกติของคนที่คลั่งดนตรี
ต้องบอกก่อนว่าบางข้ออาจจะไม่ได้ฟังดูเลวร้ายอะไร ถ้าคุณยอมรับมันได้ แต่ 5 ข้อที่กล่าวมาล้วนมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่เกิดจากของตัวเองด้วย และกับคนที่ชอบดนตรีเหมือนกันมาแชร์ให้ฟัง ถ้าหากคุณเป็นคนที่คลั่งในดนตรีมากๆ และอยากจะลบคำสาปเหล่านี้ จงลงมือทำในสิ่งที่ชอบเลยครับ เพราะคุณเองก็ไม่อยากจะรู้สึกทรมานที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก และกลัวว่าสักวันเราอาจไม่มีโอกาสที่จะทำมันอีก ไม่มีอะไรสายเกินไปหากคุณรู้ตัวว่าเราหนีไม่พ้นจากคำสาปเหล่านี้
ดังนั้นเริ่มลงมือทำมันเลยครับ ทาง Verycatsound พร้อมจะช่วยคุณและสานฝันของคุณให้เป็นจริง
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :
– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound
Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound