Daft Punk ชื่อนี้น่าจะผ่านหูหรือคุ้นๆกันมาอยู่บ้าง เพราะพวกเขาเป็นถึงระดับตำนานของวงการดนตรี Electronic Dance เป็นผู้บุกเบิกให้มันดังและเป็นที่รู้จักทั่วโลก และแนวเพลงที่ล้ำยุคไม่เหมือนใครก็ทำให้พวกเขากลายเป็นสุดยอดโปรดิวเซอร์ที่ใครๆจุดประกายให้ศิลปินหลายๆคน อยากที่จะเป็นเหมือนพวกเขา แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ พวกเขาต้องโดนดูถูกสารพัดในช่วงวัยรุ่น ก่อนที่จะไม่ยอมแพ้ละกลายมาเป็น Daft Punk อย่างที่เรารู้จัก
Daft Punk เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของชาวฝรั่งเศส 2 คน คือ
กี-มานูเอล เดอ โฮมอม-คริสโต (Guy-Manuel de Homem-Christo)
และโธมัส แบงแกลเตร์ (Thomas Bangalter)
ทั้งสองได้เจอกันในช่วงมัธยม ปีค.ศ 1987 ในโรงเรียน Lycée Carnot กรุงปารีส
และได้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่จะอยู่เคียงข้างกันไปตลอดกาล
จนในปีค.ศ 1992 ทั้งสองอายุได้ 17 ปี ก็ได้คิดจะสร้างวงขึ้นมาชื่อ Darlin’ เป็นวงดนตรีแนวอินดี้ร็อกและมีเพื่อนอีกคนนึง ลอเรนต์ แบรนโควิตซ์ (Laurent Brancowitz) เข้ามาร่วมด้วย แต่ต่อมากระแสแนวเพลง Electronic dance (เช่น French House และ Techno) ก็ได้เริ่มเข้ามาเล่นในผับ ทำให้ทั้งคู่ชอบมากๆจนอยากจะลองทำดู และได้ปล่อยอัลบั้มที่ชื่อ “How You Satisfy Me” ออกสู่โลกภายนอกกัน
แต่ความชอบในแนวดนตรีของพวกเขากลับกลายเป็นเรื่องตลกร้าย เพราะหลังจากที่ปล่อยเพลงออกไป ก็ได้ถูกนิตยสารชื่อดังในประเทศอังกฤษได้วิจารณ์เพลงเขาว่า “A daft punky thrash” หรือเพลงพังค์เศษขยะ
ทั้งคู่รู้สึกแย่มากที่โดนดูถูก จน ลอเรนต์ แบรนโควิตซ์ สมาชิกอีกคนต้องขอลาออก
แม้จะโดนดูถูกโดยสื่อ แต่กี-มานูเอล และโธมัสก็ไม่ยอมแพ้ในแนวทางดนตรีที่พวกเขาอยากทำกัน
และได้หยิบชื่อที่พวกเขาโดนเรียกดูถูก เอามาเป็นชื่อวงใหม่ นั่นก็คือ “Daft Punk”
พวกเขาทั้งคู่ได้เริ่มออกตระเวนไปปาร์ตี้ทั่วปารีส ตั้งแต่ปาร์ตี้ธรรมดาๆในโกดังร้างๆ จนระดับหรูหราสุดๆ เพื่อที่จะฝึกฝนตัวเอง และฟังเพลงที่พวกเขาชอบเพื่อเรียนรู้ที่จำทำเพลงของพวกเขาให้ยอดเยี่ยมขึ้น
จนในปี ปีค.ศ 1994 พวกเขาก็ได้ออกซิงเกิล “The New Wave” (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “Alive”) และพวกเขาก็ได้เลือกที่จะใช้ชุดหุ่นยนต์สีเงินและทองที่พวกเราคุ้นเคยกันมาใส่จนเป็นเอกลักษณ์
และมันก็ได้เข้าตาค่ายดังอย่าง Virgin Records ที่ตอนนั้นกำลังหาศิลปินหน้าใหม่ที่มีความสามารถ และแตกต่างอยู่ ทั้งคู่ได้ถูกยื่นข้อเสนอและได้เซ็นสัญญา จนกระทั่งในปีค.ศ 1997 Daft Punk ก็ได้ปล่อยอัลบั้มให้กับค่าย ในชื่อ “Homework” ที่มีซิงเกิลเพลงที่ใครๆติดตาม Daft Punk จะรู้จักกันดี นั่นคือ “Around the World” และมันก็ประสบความสำเร็จ
ต่อมาในปีเดียวกัน พวกเขาก็ได้ปล่อยซิงเกิลสุดฮิตอย่าง “Da Funk” ที่คราวนี้พวกเขาจัดเต็มทุกด้าน ทั้งแนวเพลงที่เด่นทั้ง drum machine, synthesizer และเสียงริฟฟ์จากกีตาร์ไฟฟ้า ซาวน์ที่คล้ายๆกับหุ่นยนต์ ล้ำยุค อัลบั้มชุดนี้ได้เสียงตอบรับดีมากๆ และปฏิวัติแนวดนตรี Electronic Dance ให้เริ่มเป็นที่สนใจในวงกว้าง จนเริ่มมีศิลปินหลายๆคนสนใจและอยากที่จะเป็นเหมือน Daft Punk ในเวลาต่อมา
Daft Punk สร้างคลื่นลูกใหม่ให้กับวงการดนตรี และกลายเป็นผู้บุกเบิกให้แนวดนตรี Electronic Dance หลังจากนั้น Daft Punk ได้ทัวร์คอนเสิร์ชทั่วโลก ออกเพลงใหม่ๆ และก็ได้มีโอกาสร่วมทำเพลงให้กับศิลปินดังๆหลายคน อย่าง Get lucky ที่ได้ Pharrell Williams มาร้องนำ หรือที่เรารู้จักกันอย่างดีแน่นอนเลย นั่นคือ The Weekend ที่พวกเขาได้เข้ามาทำเพลงให้ จนติด Top 1 ของ Billboard
Daft Punk ได้สร้างสรรค์โลกของพวกเขามาตลอด 20 ปี พวกเขาเชื่อมั่นในแนวดนตรีที่ตัวเองรัก และอยากจะผลักดันให้มันถึงที่สุด จนกลายเป็นตำนานที่ผลักดันให้แนว EDM เริ่มดังขึ้น
ในช่วงที่พวกเราเลือกใช้ชุดหุ่นยนต์สีเงินและทอง Daft Punk มีความคิดที่ว่า พวกเขาอยากให้คนดูหรือผู้ฟังนั้นได้เสพผลงานของพวกเขาจริงๆ ชอบในสิ่งที่พวกเขาได้สร้างสรรค์โดยไม่จำเป็นต้องรู้ว่าศิลปินหน้าตาเป็นอย่างไร และมันก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ในปีค.ศ 2021 ทั้งคู่ก็มาถึงจุดอิ่มตัว เพราะพวกเขาพอใจแล้วกับสิ่งที่ตัวเองทำและก็ได้ยุบวงกัน เพื่อที่จะเกษียณและใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ และทิ้งให้คนรุ่นใหม่ๆได้ทำความฝันเหมือนที่พวกเขาทำ
ในช่วงแรกๆพวกเขาโดนดูถูกแนวเพลงที่ตัวเองรัก แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ ไม่ยอมแพ้ และพยายามที่จะขัดเกลาสิ่งที่ตัวเองรักให้มันดียิ่งขึ้น จนกลายมาเป็นตำนาน ใครที่มีฝันไม่อยากทอดทิ้งแนวทางที่ตัวเองรักหลักสูตร The Real Producer ของพวกเราก็พร้อมจะเข้าใจแนวทางดนตรีของพวกคุณและช่วยผลักดันให้คุณทำฝันได้สำเร็จ
VERY CAT SOUND
Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound
ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy