DJ อยากทำเพลงตัวเอง (เลิกเปิดเพลงคนอื่น) เริ่มตรงไหน? | Producer Roadmap EP.7

DJ อยากทำเพลงตัวเอง (เลิกเปิดเพลงคนอื่น) เริ่มตรงไหน? | Producer Roadmap EP.7

Share via:

Krissaka Tankritwong

จาก DJ สู่ Music Producer: เลิกเป็นแค่คน “เปิดเพลง” แล้วเริ่ม “สร้างเพลง” ของตัวเอง (คุณเริ่มได้ไวกว่าคนทั่วไป!) (Producer Roadmap EP.7)

.

เป็น DJ มานาน เปิดเพลงมิกซ์จนคล่อง คุมฟลอร์ได้อยู่หมัด… แต่มันจะถึงจุดหนึ่งที่คุณจะถามตัวเองว่า “เมื่อไหร่เราจะมีเพลงของตัวเองสักที?” หรือ “อยากเปิดเพลงที่ตัวเองสร้างมากับมือให้คนเต้นบ้าง”

.

ความจริงที่น่าดีใจคือ การข้ามสายจาก DJ มาเป็น Music Producer นั้น “ง่ายกว่าคนทั่วไปเริ่มจากศูนย์” เยอะมาก เพราะคุณมีต้นทุนทางดนตรีที่คนอื่นไม่มี

.

ถ้าคุณอยากเลิกเป็นแค่คนเปิดเพลง แล้วก้าวมาเป็นคนสร้างเพลง นี่คือแผนที่การเดินทางที่คุณต้องรู้

1. คุณมี “แต้มต่อ” ที่คนอื่นอิจฉา (The Unfair Advantage)

อย่าเพิ่งกลัวว่าจะทำไม่ได้ เพราะในฐานะ DJ คุณมีความเข้าใจใน “โครงสร้าง” และ “ธรรมชาติ” ของดนตรีดีกว่านักดนตรีบางคนเสียอีก สิ่งเหล่านี้คือ 40% ของการเป็นโปรดิวเซอร์ ที่คุณมีอยู่แล้วในตัวโดยไม่ต้องเรียน

* Structure (โครงสร้างเพลง):

    * คนทั่วไป: ต้องมานั่งท่องว่า Intro คืออะไร Verse คืออะไร

    * คุณ (DJ): คุณเห็น Waveform บนหน้าจอ CDJ หรือ Serato ทุกคืน คุณรู้โดยสัญชาตญาณว่า “อีก 16 บาร์ เพลงจะดรอป” หรือ “ท่อนเบรกนี้ยาว 32 บาร์” ความเข้าใจเรื่อง Bar และ Phrase นี้คือหัวใจของการ Arrange เพลง ซึ่งคุณแม่นยำอยู่แล้ว

* Rhythm & Groove (จังหวะ):

    * คนทั่วไป: ต้องมาฝึกนับจังหวะ ฝึกฟัง Kick/Snare

    * คุณ (DJ): การ Beatmatch สอนให้หูคุณไวต่อจังหวะมาก คุณรู้ว่า Kick ต้องวางตรงไหน Hi-hat ต้องสับยังไงให้คนอยากขยับตัว นี่คือพื้นฐานของการทำ Beat ที่สำคัญที่สุด

* Taste & Curation (รสนิยม):

    * คนทั่วไป: อาจจะทำเพลงมั่วๆ ออกมาโดยไม่รู้ว่าตลาดต้องการอะไร

    * คุณ (DJ): คุณคือคนที่อยู่หน้างาน คุณรู้ว่าซาวด์แบบไหนที่ “ฆ่า” ฟลอร์เต้นรำ ซาวด์แบบไหนที่คนฟังแล้วกรี๊ด คุณมี “หู” ที่คัดกรองของดีมาแล้วนับพันเพลง นี่คือทรัพย์สินทางปัญญาที่แพงที่สุด

.

2. เปลี่ยนจาก “ผู้เล่น” เป็น “ผู้สร้าง” (The Mindset Shift)

สิ่งที่ DJ ต้องปรับตัวคือการเปลี่ยน Mindset จากการ “หยิบเพลงที่เสร็จแล้วมาต่อกัน” เป็นการ “สร้างเสียงทีละเสียงให้เกิดเป็นเพลง” และนี่คือสิ่งที่คุณต้องเติม:

เริ่มจากเครื่องมือ (DAW – Digital Audio Workstation): คุณต้องมีโปรแกรมทำเพลง ส่วนใหญ่สาย Electronic จะหนีไม่พ้น Ableton Live หรือ FL Studio

* ทำไมต้อง Ableton? เพราะหน้าตามันคล้ายกับการจัดวาง Loop ที่ DJ คุ้นเคย Workflow มันเอื้อต่อการทำเพลงแนว Loop-based มากๆ

* ทำไมต้อง FL Studio? เพราะ Pattern-based ของมันทำให้การเขียนกลอง เขียนบีท ง่ายและสนุกเหมือนเล่นเกม

เติมส่วนที่ขาด: Sound Design (การปั้นเสียง) นี่คือกำแพงด่านแรกที่คุณต้องเจอ ในฐานะ DJ คุณเลือกเพลงจากเสียงเบสที่ชอบ แต่ในฐานะ Producer คุณต้อง “สร้าง” เสียงเบสนั้นขึ้นมา

* คุณต้องเรียนรู้เรื่อง Synthesizer: รู้ว่า Oscillator คืออะไร Filter หมุนยังไงถึงจะได้เสียง “Wub Wub” แบบ Dubstep หรือเสียง “Pluck” ใสๆ แบบ House

* ตัวอย่าง: แทนที่จะหาโหลดไฟล์เสียง Kick มาวาง คุณอาจจะต้องเรียนรู้วิธีเอาเสียง Kick สองตัวมาซ้อนกัน (Layering) เพื่อให้ได้ลูกถีบที่แน่นและพุ่งทะลุลำโพงในแบบของคุณเอง

เติมส่วนที่ขาด: Music Theory (ทฤษฎีดนตรี) อย่าเพิ่งยี้คำว่าทฤษฎีครับ สำหรับ DJ มันง่ายกว่าที่คิด เพราะคุณคุ้นเคยกับ “Harmonic Mixing” หรือวงล้อ Camelot Wheel (การมิกซ์เพลงให้คีย์เข้ากัน) อยู่แล้ว

* สิ่งที่คุณต้องต่อยอด: จากเดิมที่คุณรู้แค่ว่า เพลงคีย์ 1A เข้ากับ 1A … คุณต้องรู้ลึกลงไปว่า ในคีย์ 1A (A Minor) มันประกอบด้วยโน้ตอะไรบ้าง และ คอร์ด (Chord) อะไรที่ใช้ได้บ้าง

* เพื่ออะไร? เพื่อให้เวลาคุณวางเสียง Bassline กับเสียง Synth Melody ซ้อนกัน มันจะไม่ “กัดกัน” หรือเพี้ยนจนฟังไม่ได้

3. ทางลัด: เริ่มจาก Edit หรือ Remix (The Bootcamp)

อย่าเพิ่งกดดันตัวเองว่าต้องทำ Original Track ตั้งแต่เพลงแรก มันจะท้อเปล่าๆ ให้เริ่มจากสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด:

Step 1: The Edit / Mashup เปิดโปรแกรมทำเพลงขึ้นมา เอาเพลงที่คุณชอบเปิดในผับนั่นแหละ มาหั่น มาตัดต่อ

* ตัวอย่าง: เพลงนี้ Intro สั้นไป มิกซ์ยาก… คุณก็ลากมันมาในโปรแกรม ก๊อปปี้ท่อน Intro ให้ยาวขึ้น หรือลองเอาท่อนร้องของเพลง A มาวางใส่ดนตรีของเพลง B (Mashup)

* ผลลัพธ์: คุณจะได้ฝึกใช้เครื่องมือ ตัด แปะ ยืด หด เสียง โดยที่ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งทำนอง

Step 2: The Bootleg / Remix ขยับความยากขึ้นมาหน่อย ไปหาไฟล์ Acapella (เสียงร้องเปล่าๆ) ของเพลงดังๆ มา แล้วลอง “สร้างดนตรีใหม่” ใส่เข้าไป

* ตัวอย่าง: เอาเสียงร้องเพลง Pop ช้าๆ มาใส่กลอง ใส่เบส ให้กลายเป็นเพลง House จังหวะสนุกๆ

* ผลลัพธ์: วิธีนี้จะช่วยให้คุณเรียนรู้กระบวนการผลิตเพลงได้เร็วที่สุด เพราะมี “เสียงร้อง” เป็นแกนหลักให้ยึดเหนี่ยว คุณแค่เติมดนตรีให้เข้ากับมัน

บทสรุป: อย่าให้ไอเดียตายคาหูฟัง

การเป็น DJ คือพื้นฐานที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับการเป็น Producer คุณมีวัตถุดิบชั้นดีอยู่ในหัวอยู่แล้ว คือ “รสนิยม” และ “ประสบการณ์หน้างาน”

.

แค่เติมทักษะการใช้โปรแกรม (Technique) และความรู้ทฤษฎีดนตรีอีกนิดหน่อย (Theory) คุณก็พร้อมที่จะเปลี่ยนจากคนที่ “รอเพลงใหม่จากคนอื่น” มาเป็นคนที่ “สร้างเพลงใหม่ให้โลกฟัง” ได้แล้ว

.

อย่าปล่อยให้ไอเดียในหัวเป็นแค่ความฝัน เริ่มต้นเปลี่ยนตัวเองจาก “คนเปิดเพลง” เป็น “คนทำเพลง” ตั้งแต่วันนี้

.

หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีคิดและเทคนิคการทำเพลงแบบเจาะลึก ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับมืออาชีพ พบกันได้ในคลาส The Real Producer หรือเริ่มต้นปูพื้นฐานกับ Membership ของเราได้ครับ


เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณสนใจการทำดนตรีจริงๆ แบบลึก จริงจัง คุณเลือกได้ ระหว่าง

1.
หลักสูตร The Real Producer
REAL / DEEP / EXCLUSIVE
“ลึกและตรงประเด็นที่สุดกับการทำเพลง”
เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร หรือ และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
► สอบถามหลักสูตร: LINE Official @verycatacademy
คลิก: https://line.me/ti/p/@verycatacademy
► ปรึกษา/นัดเวลา หรือขอ Demo เรียนฟรี! : http://mkt.verycatsound.academy/mf2
► โทร: 085-666-2425

2.
VERYCATSOUND Membership เริ่มต้นเส้นทางโปรดิวเซอร์ของคุณด้วยคลาสเรียน Exclusive รายเดือนในราคาที่เข้าถึงได้
► ดูรายละเอียดและสมัครเลย: https://verycatsound.com/join-member/

ติดต่อ
เรื่องเรียนทำเพลง ► LINE : @verycatacademy
จ้างทำเพลง ► LINE : @verycatsound

#VeryCatSound #TheRealProducer #สอนทำเพลง #เรียนทำเพลง #dj #discjockey #musicproducer

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.