สอนทำเพลง พรสวรรค์ทางดนตรี

ความคลั่งไคล้ดนตรีคือพรสวรรค์อย่างหนึ่ง ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกทาง

Share via:

Krissaka Tankritwong

ความเข้าใจผิดของคนส่วนมาก เวลาเห็นคนที่เก่งดนตรี แล้วบอกว่า ดีจังนะ มีพรสวรรค์ ที่จริงในใจนักดนตรีคนนั้นอาจจะบอกว่า… ไม่ใช่ครับ ผมแค่ฝึกมา…

หลายคนอาจจะเคยคิดว่าคนที่จะเก่งดนตรีได้ต้องเกิดจากพรสวรรค์ คนไม่มีพรสวรรค์คงทำไม่ได้ ซึ่งเท่าที่ผมเห็นว่า ก็ถูกส่วนหนึ่งครับ แต่ผมก็เคยเห็นคนอีกไม่น้อยที่ไม่ได้เก่งด้วยพรสวรรค์ ยิ่งคนเก่งที่อยู่ในระดับฝีมือสูงๆด้วยแล้ว ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่ แต่มันเกิดจากชั่วโมงบินของการฝึกฝนของเขาซะ 80-90% เลย

พรสวรรค์จริงอยู่ว่ามีผลอยู่ พรสวรรค์อาจทำให้คุณจับจุดได้ถูกต้องได้ไวกว่าคนอื่น แต่ดนตรีนั้นเป็นศาสตร์ที่ต้องการเวลาฝึกฝนจำนวนมาก มาก และมากมายจริงๆ กว่าจะเก่ง และมันมากจนถึงจุดที่ว่า คนที่เก่งด้วยพรสวรรค์แต่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างถูกต้อง นั้นไม่สามารถเทียบชั้นคนที่ฝึกฝนมาอย่างยาวนานได้เลย (แต่ถ้าจะเทียบระหว่างคนที่ฝึกเท่าๆกัน ระหว่างคนมีพรสวรรค์กับไม่มี นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ) สิ่งที่มีผลต่อความเก่งส่วนมากจริงๆแล้วสำหรับดนตรี มันคือ พรแสวง ต่างหาก

แต่แท้จริงแล้ว เราสามารถบอกได้ว่า คนที่ “อดทนฝึกฝน” ได้มากกว่า คือคนที่มีโอกาสไปได้ไกลกว่า แต่ทำยังไงล่ะถึงจะอดทนฝึกฝนสิ่งที่ยาก ที่ใช้เวลานานได้ขนาดนั้น มันเป็นเรื่องของใจล้วนๆ และวินัยก็จริง แต่สิ่งที่ผลักดันมันให้ไปถึงจุดนั้นได้ ที่จริงแล้วมันคือ “ความชอบ” หรือ “ความหลงใหลคลั่งไคล้” นี่แหละ

ถ้าคุณไม่ได้ชอบ ไม่ได้หลงใหล คลั่งไคล้ในดนตรีมากพอ คุณก็จะไม่หิวมันมากพอ เมื่อคุณไม่หิวมัน จนรู้สึกว่ายอมแลก ยอมทนลำบากได้เพื่อมัน มันก็ยากที่จะทำให้คุณมีแรงจูงใจในการฝึกฝน ผมเห็นหลายๆคนที่ซ้อมจนเก่งมากๆ ทุกคนล้วนแต่รักและคลั่งดนตรีแทบตัวตายกันทั้งนั้น พวกเขาเก่งได้เพราะหายใจเข้าออกเป็นดนตรี 

คนเก่งดนตรีเพราะรักมันมากจนคลั่งไคล้

มันก็ไม่แปลกหรอกว่า ถ้าคุณบ้าดนตรีถึงขั้นขนาดนี้ ยอมถวายชีวิตให้มัน ยอมเสียเวลาเรียนยอมซ้อมยอมฝึกฝนมันได้หลายร้อยหลายพันชั่วโมง เพื่อที่จะได้มาซึ่งความเก่ง ความชำนาญ ยอมเสียเงินเป็นแสนเป็นล้าน ค่าเรียน ค่าอุปกรณ์ ยอมทิ้งเส้นทางอื่นในชีวิตที่อาจพาคุณไปสู่ความร่ำรวยหรือสบายในชีวิตได้เพื่อมัน ถ้าคุณทำถึงขั้นนี้ ไม่เก่งก็บ้าแล้วครับ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์ด้วย นี่มันพรแสวงล้วนๆ ซึ่งเกิดจากแรงใจของคุณเองทั้งนั้น

แต่ไม่ใช่ว่าความคลั่งไคล้อย่างเดียวจะนำมาสู่สิ่งนี้ได้ คุณก็ต้องใช้ความคลั่งไคล้นี้ให้ถูกทางด้วย ก็คือการวางแผนการเรียนการซ้อมเป็นลำดับขั้นตอนอย่างดี แต่กับคนปกติที่ไม่ได้ชอบมันขนาดนั้น เจอความยาก ความลำบาก ความนาน ความแพง และสิ่งที่ต้องแลกมามากมายของมันเข้าไป ส่วนมากก็อาจจะล้มเลิกกลางคัน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีความชอบ ความหลงใหลในดนตรี มีความหิวดนตรีในระดับที่มากกว่าคนปกตินี้แหละ มันจะเป็นเชื้อไฟที่ไม่มีวันหมด ทำให้คุณไปถึงปลายทางที่เล็งไว้ได้ในที่สุด

เอาง่ายๆ ผมยกตัวอย่าง อัตราส่วนของนักเรียนดนตรีที่เข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยดนตรีส่วนใหญ่ เข้าไป 100 จบกัน 50 เองครับ 

ทุกสิ่งจะสำเร็จได้ต้องเกิดจากความขยันที่ถูกที่ถูกทาง

ผมมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งอยากเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องของตัวผมเองตอนสมัยวัยรุ่น

ตอนแรกผมบ้าดนตรีมากๆ แต่ไม่ได้เรียนดนตรีในมหาวิทยาลัยมาก่อน ผมเรียนคณะยอดนิยมคณะหนึ่ง แต่ก็เป็นแค่คนระดับกลางๆในคณะนั้น แค่เรียนไปตามระบบให้ที่บ้านโอเคว่ามีเรียนจบ จะได้มีงานทำ ซึ่งระหว่างนั้นใจผมก็จดจ่ออยู่กับแต่ดนตรีตลอด ผมพยายามสรรหาการเรียนดนตรีนอกมหาวิทยาลัยเอาเองทุกวิถีทาง แต่ก็พบว่ามันไม่ลึกพอ ไม่สามารถทำให้เราทำสิ่งที่ต้องการได้ซักที ผมเลยหิววิชาดนตรีมากๆ

พอมาถึงจุดหนึ่งในชีวิต ที่โชคดีสามารถเลือกเส้นทางได้ใหม่ และผมเลือกการไปเรียนปริญญาตรี สายดนตรีในมหาวิทยาลัย อีกใบหนึ่ง ผู้ปกครองผม ท่านเสนอว่า ทำไมไม่เรียนที่มหาวิทยาลัยเดิมที่ใกล้บ้าน และไม่ต้องสอบเข้ายากๆ 

สิ่งที่ผมคิดคือว่า พอกันทีกับการทำอะไรกลางๆ หรือติดสบายแล้ว ผมต้องการลำบาก ต้องการขัดเกลาตัวเองถึงที่สุด ต้องการเก่ง เพื่อจะประสบความสำเร็จในสายของตัวเอง ถ้าผมยังทำอะไรเอาสะดวกติดสบายอยู่ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แบบเมื่อก่อน ผมจะไม่มีวันทำได้เลย 

สิ่งที่ผมทำคือ ผมเลือกที่จะไปสอบคณะดนตรีที่เป็น top 3 ของประเทศ คณะหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลบ้านออกไปพอสมควร สิ่งที่ผมต้องทำคือ ต้องเรียนเปียโน และซ้อม หนึ่งปี เพื่อเข้าสอบ และเมื่อสอบได้ ผมต้องไปเรียนที่นั่นอีกสี่ปี ซึ่งไกลบ้านกว่าเดิมมาก และสภาพแวดล้อมก็ไม่ใช่สะดวกสบายเหมือนตอนเรียนตรีใบแรกแถวๆบ้าน 

ผมเจออะไรหลายๆอย่าง ที่ทำให้ชีวิตช่วงนั้นลำบากกว่าเดิม ผมยอมทิ้งอะไรหลายอย่างในชีวิต อาทิความสะดวกสบาย และความสัมพันธ์ส่วนตัว มันไม่ใช่การลำบากแบบไปแบกหามอะไร แต่มันคือลำบากในรูปแบบของผมเอง แบบคนดนตรี คือซ้อมวันละหลายชั่วโมง เสาร์อาทิตย์ก็มีสอนดนตรี เล่นดนตรี วันธรรมดาก็ไปอยู่หอที่ไกลจากบ้าน เรียนแบบเต็มเวลา เรียกว่าชีวิตกลายเป็นคนดนตรีเต็มร้อยเปอเซ็นต์ ใช้เวลาจุ่มกับมันอยู่ 4-5 ปี 

ความลำบากที่หอมหวาน

มันเป็นความลำบากที่หอมหวานครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมหิว และต้องการมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา มันเหมือนการขึ้นเขาไปฝึกวิชา แต่เป็นในรูปแบบของผมเอง บางทีพ่อผมก็ถามประมาณว่า ทำไมต้องทำตัวเองให้ลำบากขนาดนั้น ผมรู้ว่าพ่อรักลูก อยากให้ลูกสบาย มีความสุข แต่พ่อคงลืมไปว่า พ่อก็เคยสอนว่า ปลาต้องว่ายทวนน้ำตลอดเวลา ถึงจะแข็งแกร่ง และผมจำเรื่องนั้นได้ดี

จนวันนึงที่ผมเรียนจบแล้วปีกกล้าขาแข็งพอในเรื่องดนตรีที่จะประกอบอาชีพได้ ผมเรียนจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ได้ทำงานดนตรีอย่างที่ฝัน ได้ทำดนตรีอย่างที่คิด ชีวิตหลายๆอย่างจึงเริ่มดีขึ้น 

ที่ผมทำได้ จะบอกว่ามันไม่ใช่พรสวรรค์เลย แต่มันเกิดจากความพยายามล้วนๆ ผมไม่ได้มีพรสวรรค์มากไปกว่าคนอื่น ไม่ได้มีแต้มต่ออะไร ที่ผมทำมันเป็นเพราะว่าแค่ ผมบ้าดนตรีมากๆ จนอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน จนยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อคว้ามันมาให้ได้ เท่านั้นเองครับ

และถ้าเมื่อก่อนผมไม่มีสติพอที่จะคิดได้ว่า อยากเก่งต้องยอมลำบาก และต้องลำบากแบบไหนถึงจะไปสู่จุดที่ต้องการได้ ผมคงไม่มีวันนี้ 

ลำพังทางที่ใช่อย่างเดียวมันอาจไม่พอที่คุณจะเป็นแถวหน้าในวงการนั้นจนอยู่รอดได้ครับ มันต้องบวกกับความขยันด้วย คุณต้องตั้งเข็มให้ถูกทิศ จากนั้นคุณต้องพุ่งไปสุดตัวด้วยความหิวโหยความหลงใหลคลั่งไคล้ในสิ่งนั้นๆที่มากพอ เมื่อประกอบด้วยสองอย่างนี้ มันจะทำให้คุณไปถึงจุดหมายได้

ฉะนั้น ผมขอสรุปอย่างที่ได้บอกไป คือ ความชอบ คือพรสวรรค์อย่างหนึ่ง ที่จะทำให้คุณอึดทำสิ่งนั้นได้แบบ unlimit ครับ

คุณอาจรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีอะไรง่ายในโลกนี้ จะประสบความสำเร็จได้ล้วนแต่ต้องขยัน และลำบาก แต่ที่ยากก็คือว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ได้เกิดมาแล้วทำอะไรก็ได้เพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่คุณมีสิ่งที่รักที่ชอบที่คลั่งไคล้อยู่ ทางของคุณมันคงไม่ใช่อะไรก็ได้ละแบบนั้น จงใช้ความขยันนั้นให้ถูกทางครับ มันจะรีดเอาศักยภาพความขยันของคุณออกมาได้มากที่สุด

ถ้าคุณท้อแปลว่าคุณอาจหิวมันไม่มากพอ

คุณอาจคิดว่าคุณก็คลั่งดนตรีมากๆ แล้ว แต่วันนึง ถ้าคุณท้อกลางทาง แล้วคุณยังอยากทำสำเร็จให้ได้ คุณจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงความหิวในดนตรีของคุณให้มันมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ บางทีความท้อ หรือหมดไฟ มันเกิดได้หลายกรณี สิ่งที่ผมแนะนำได้ ผมเคยเขียนในหัวข้อนึง ชื่อ ทำอย่างไรเมื่อหมดไฟในดนตรี ลองย้อนอ่านดูได้ครับ

TheRealProducer

ที่ผมตั้งชื่อหลักสูตรนี้ว่า The Real Producer เพราะผมต้องการสื่อสารว่า นี่แหละการเป็นโปรดิวเซอร์ที่แท้จริงครับ ดนตรีมันไม่มีทางลัด ถ้าคุณหิวมันมากพอ คุณอยากเก่งและเป็นแถวหน้าของวงการจริงๆ ที่นี้ให้คุณได้ครับ มีสอนทุกอย่างที่เกี่ยวกับการทำเพลง เป็นอาชีพโปรดิวเซอร์ แบบรู้ลึก รู้จริง ถ้าคุณเป็นอีกคนที่หิววิชาดนตรี เหมือนที่ผมเคยเป็น และสนใจหลักสูตรนี้ ติดต่อแอดมินที่ line @verycatacademy หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ link ด้านล่างโพสต์ได้ครับ

————————

VERY CAT SOUND

Compose Your Dream

.

ถ้าคุณรู้ตัวแล้วว่าดนตรีไม่มีทางลัด ถ้าคุณอยากเข้าใจ และเชี่ยวชาญ

ถ้ามีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน ผมไม่อยากให้คุณหลงทาง 

มาคุยปรึกษากันได้ครับ ยินดีให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

.

รับ demo คอร์สเรียนฟรี และข้อมูลหลักสูตรเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่

www.verycatsound.academy/funnel01

ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound

ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.