เรียนทำเพลง Daws ไหนดีสุด

ใช้ DAWs ไหนดี? ทำเพลงในโปรแกรมไหนดีที่สุด

Share via:

Krissaka Tankritwong

“ไม่มี DAWs ไหนดีสุด”

อันนี้ผมบอกแบบง่ายๆเลย

ทำไมน่ะเหรอครับ

เพราะที่จริงแล้ว โปรแกรมทำดนตรีหรือ DAWs (Digital Audio Workstations) นั้นคือเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำเพลงให้เรา

ถ้าจะให้ผมเปรียบง่ายๆ มันก็เหมือนกับ “กระดาษและบรรทัดห้าเส้น” ที่คนยุคก่อนใช้ในการเขียนโน้ตเพลงน่ะแหละครับ คือมันเป็นแค่ “เครื่องมือ (Tools)” หรืออุปกรณ์ชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง

ทีนี้เจ้าเครื่องมือที่ว่า มันก็มีหลายเจ้าหลายแบรนด์​ เหมือนเราจะซื้อกระดาษสมุดบรรทัดห้าเส้นยี่ห้อไหนก็ได้ ตามแต่เราเห็นว่าเราถนัด

หรือถูกจริตกับยี่ห้อนั้นๆ

เพราะโดยเนื้อแท้ของมันแล้ว หน้าที่ของ DAWs มันคือการ ช่วยให้เรานำโน้ตหรือเสียงเครื่องดนตรีต่างๆมาจัดวางรวมกันให้เกิดเพลง โดยสามารถดูเข้าใจง่าย และมีการปรับแต่งที่จำเป็นต่อการสร้างเพลง โดยมักมีหน้าที่หลักๆที่ทำได้เหมือนๆกัน ต่างกันเพียง interface หน้าตากับ function ยิบๆย่อยๆบางอย่างเท่านั้นเอง

แม้บางยี่ห้ออาจจะมีฟังชั้นที่ตัวอื่นไม่มีก็ตาม แต่มันก็มักจะมีจุดเด่นของมันบางอย่างมาทดแทน ที่อีก DAWs ไม่มี ฉะนั้นแต่ละ DAWs มันจึงมีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามแต่ความถนัด

หรือจริตความชอบของแต่ละบุคคลครับ

โดยที่สำคัญกว่าการเลือก DAWs ที่จริงแล้วมันคือฝีมือของคนทำมากกว่าครับ ผมเคยเห็นอยู่บ่อยๆว่า บางคนใช้ DAWs ที่ไม่ได้เหมือนชาวบ้านเค้าเลย อาจเป็น DAWs แปลกๆหรือใช้โปรแกรมอื่นในการทำเพลง แต่กลับทำดนตรีออกมาเจ๋งมากๆ เรียกได้ว่า ฝีมือเป็นเรื่องสำคัญกว่าอุปกรณ์ที่ใช้อยู่มากครับ

DAWs ไหนเสียงดีที่สุด?

เป็นอีกคำถามที่เจอบ่อยมากๆ ที่จริงแล้วต้องตอบว่า ไม่มีนะครับ โดยพื้นฐานแล้ว DAWs มันไม่ได้ทำอะไรกับคุณภาพเสียงเลยครับถ้าเราไม่ได้ไปปรับ parameter อะไรมัน แค่วางมันลงแล้วประกอบกันเฉยๆ ทำใน DAWs ไหนก็เหมือนกันครับ

หลักการในการเลือก DAWs คืออะไรกันแน่

ถึงแม้จะบอกว่ามันไม่มี DAWs ที่ดีที่สุด แต่คุณก็อาจมีหลักในการเลือกใช้บางอย่าง โดยศึกษาจากคำบอกต่อๆ หรือลักษณะเด่นๆในตัวมัน

ว่ามันทำอะไรได้บ้าง แล้วมันเหมาะกับใคร

ฉะนั้นคุณต้องลองถามตัวเองให้ดีก่อน อย่างเช่นว่า คุณใช้ DAWs ทำอะไร ระหว่าง

แต่งเพลง , เรียบเรียงดนตรี หรือ Mix Master เสียง

เพราะบาง DAWs อาจจะไม่มี function ในการ mix, master เสียงในระดับโปร แต่เหมาะกับการ เรียบเรียงมากกว่า เป็นต้น

หรือ คุณใช้ mac หรือ pc นั่นก็จะเป็นตัวกำหนดอย่างหนึ่งว่า

ควรใช้ DAWs อะไร หรืออีกตัวอย่างเช่น ดนตรีที่คุณทำเป็นแนวไหน

ก็จะมี DAWs ที่เหมาะสมของมันอีก ผมยกตัวอย่าง DAWs ยอดนิยมให้คร่าวๆดังนี้นะครับ

– Cubase เป็น DAWs ที่ค่อนข้างมาตรฐานและเป็นที่นิยม ทำได้ทุกอย่างครับ interface เข้าใจไม่ยาก แต่ราคาอาจจะสูงซักหน่อย

– Ableton Live แนะนำเหมือนกัน เหมาะกับคนที่ทำแนว Electronic มากๆ แต่ข้อเสียคือ interface จะประหลาดกว่าเจ้าอื่นเค้าพอสมควร หากไม่เคยชิน และมี function ที่ออกแบบมาเพื่อง่ายกับคนทำเพลงที่เป็นแนวๆ DJ , Remixer ที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องดนตรีเยอะนัก ไม่เน้นการทำงานกับ midi แต่เน้นการทำงานกับ sample เสียง แบบนี้เป็นต้น

– Logic Pro เป็น DAWs เฉพาะของ Mac ซึ่งมาตรฐานดีไม่แพ้ Cubase ที่สำคัญราคาถูกมากๆถ้าเทียบกับเจ้าอื่นๆ

– Protools เหมาะกับการทำงานของสาย Sound Engineer มากกว่าสาย Composer ด้วยการมี function การทำงานกับ wave ที่สะดวกสบายเป็นพิเศษ แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการทำงานแบบ midi ของ Composer เท่าไร

– Garage Band เป็นโปรแกรมฟรีเฉพาะของ Mac ข้อดีคือ ฟรี และค่อนข้างดีมาก เหมาะสำหรับคนทำเพลงเบื้องต้น ที่ยังทำอยู่ในขั้น Compose กับ Arranging ข้อเสียคือ ปรับแต่งระดับลึกไม่ได้ เลยไม่เหมาะจะไปทำขั้น Mix , Master โดย Sound Engineer ซักเท่าไร

– BandLab ที่หนึ่ง DAWs ฟรีที่มีให้ใช้บน web เว็บ ความสะดวกถือมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนคุณภาพหรือ function ต่างๆนั้น พอๆกับ Garage Band ซึ่งโอเคในการทำ Demo แต่ถ้าจะเข้าสู่ขั้นการทำ Production เต็มกระบวนการ แบบ Sound Engineer แล้ว แนะนำให้ส่งต่อไปทำที่โปรแกรมอื่นครับ

ประมาณนี้ละกันครับ ที่จริงยังมี DAWs อีกมากมายสารพัดเจ้าที่ผมไม่ได้พูดถึงในที่นี้อีก อาทิ FL Studio , Audacity , Cakewalk , Reaper , Studio One ฯลฯ และคงจะยังมีเจ้าใหม่ ยี่ห้อใหม่ เพิ่มอีกขึ้นอีกในอนาคตแบบไม่สิ้นสุด แต่อย่างที่ผมบอกแหละครับ ไม่ต้องไปยึดติดมากว่าต้องเป็น DAWs ตัวไหน สิ่งที่สำคัญจริงๆคือฝีมือครับ

สิ่งที่สำคัญกว่าการเลือก DAWs

คือฝีมือและไอเดียครับ การเลือกโน้ตใส่ การเลือกคอร์ด การเรียบเรียงตัวโน้ต การตัดสินใจที่จะใส่โน้ตอะไรจังหวะไหน คือที่จริงแล้วมันคือการ Compose กับ Arrange เพลง ถ้าคนที่มีฝีมือ

คุณจะใช้ DAWs ตัวไหนก็สามารถทำเพลงที่ดีออกมาได้ครับ การจะใช้ DAWs ก็แค่มาเรียนรู้ว่า จะทำแบบนี้ต้องกดปุ่มไหน ปุ่มนั้นมันอยู่ตรงไหน ซึ่งเป็น interface ที่แตกต่างกันของแต่ละ DAWs เฉยๆ แต่ในหัวใจหลักแล้วมันทำได้เหมือนๆกัน

การเรียนการใช้โปรแกรมมันจึงไม่ได้ทำให้เราออกแบบดนตรีเป็น

แต่เราแค่เรียนรู้วิธีใช้โปรแกรมนั้นๆเฉยๆ เรื่องของการออกแบบดนตรีเป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจองค์ความรู้เนื้อๆของดนตรี จำพวก ทฤษฎีดนตรี การประพันธ์ การเรียบเรียง พวกนี้ สำคัญกว่าเยอะครับ

สรุปแล้ว DAWs ไหนก็ได้แหละครับ เลือกแล้วลองใช้ดูว่าง่ายกับเรามั้ย ตรงจริตเรามั้ย ถ้ารู้สึกว่ายาก ไม่เหมาะกับเรา ลองเปลี่ยนดูครับ เจออันไหนทำให้เราทำเพลงที่เราคิดออกแบบอยู่ในหัวออกมาได้ง่ายๆแล้วล่ะก็ ใช้อันนั้นแหละครับ

ขอให้สนุกกับการทำเพลงครับ

ถ้าใครสนใจเรียนรู้การออกแบบดนตรีโดยที่สามารถประยุกต์เข้ากับ DAWs ทุก DAWs แล้วล่ะก็ สามารถติดต่อเรา ในหลักสูตร The Real Producer ของ VERY CAT ACADEMY มีสอนเนื้อๆของดนตรีขั้นลึกทุกอย่าง ที่ไม่ใช่แค่การหัดใช้โปรแกรม สนใจติดต่อได้ที่ inbox หรือติดต่อแอดมินตามวิธีการต่างๆได้ครับ


The Real Producer
REAL / DEEP / EXCLUSIVE

หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream

เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ

หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link

http://mkt.verycatsound.academy/mf2

——————

Contact

Line ID :

  • เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
  • เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.