หลายๆคนที่อยู่ในแวดวงสังคมคนเล่นเสียง Synthesizer หรือ Synth (ซินธ์)
ก็ต้องมียี่ห้อที่ชอบเป็นของตัวเอง อย่างเช่น Korg, Roland, และอื่นๆ
แต่ Moog นั้นคือ “บิดาแห่ง Synthesizer” หลังจากการปรากฏตัวของ Minimoog ทำให้กระแสดนตรีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ด้วยลูกเล่นที่เหนือชั้น ทลายข้อจำกัดในการทำเพลงและเปิดประตูสู่ซาวด์ใหม่ ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้โลกของดนตรีเราเปลี่ยนไปตลอดกาล มีหลายๆเพลงฮิตมากมาย นับไม่ถ้วนเลยที่ใช้ Synthesizer ของ Moog มาใช้สร้างสรรค์บทเพลงของพวกเขามาโดยตลอด จนเป็นตำนานกัน!
Moog จึงเป็นที่นับถืออย่างมากของคนตะวันตก ตั้งแต่ปี 1965 จนถึงปัจจุบัน Moog ก็ยังเป็นตำนานที่ใครๆต่างเคารพ และพูดถึงทุกวันนี้ Moog ตัวนี้มีที่มายังไง ประวัติมันเป็นยังไง เรามาดูประวัติคร่าวๆกันดูครับ
Moog นั้นถูกสร้างโดยคุณ Robert “Bob” Moog วิศวกรชาวอเมริกัน
และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท RA Moog (ปัจจุบัน รู้จักกันในชื่อ Moog Music)
ในตอนเด็ก Bob Moog นั้นมักโดนครอบครัวจับไปเรียน Harp (ฮาพ) อยู่เสมอ
แต่เขาเลือกที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่กับห้องทำงานของคุณพ่อที่เป็นวิศวกรโรงงานไฟฟ้าที่บริษัท Consolidated Edison
และเมื่ออายุ 15 ปี (ค.ศ 1949) เขาก็ต้องตะลึงกับเครื่องดนตรีที่แปลกตามากอย่าง Theremin ที่เป็นเครื่องดนตรีไฟฟ้า ที่สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องสัมผัส ใช้เพียงแค่การเคลื่อนไหวของมือทำให้เกิดเสียงเหมือนดั่งเวทมนตร์ แต่ทุกอย่างอยู่ในหลักของฟิสิกซ์ นั้นจึงทำให้ Bob Moog อยากลองสร้าง Theremin ในแบบของตัวเองตามแผนเขียวดูจนสำเร็จ
และเขาก็เริ่มสนใจที่จะสร้างเครื่องดนตรี นับแต่นั้น
เมื่อเข้าสู่ช่วงมหาลัย Bob Moog ได้จบป.ตรีจากวิทยาลัยควีน รัฐนิวยอร์ก และจบป.โทจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ก่อนจะไปจบเอก จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล สาขาวิศวกรรมฟิสิกซ์ ในปีค.ศ 1965 ภายหลัง
ในปีค.ศ 1953 เขาได้เริ่มก่อตั้งบริษัท RA Moog และสร้าง Theremin ของเขากับอุปกรณ์เสริม ออกมาขายในฉบับของเขาที่บ้านอยู่เป็นปีๆ จนในปีค.ศ 1963 ก็ได้เริ่มพัฒนาเครื่องดนตรีในแบบของเขา พร้อมกับ Herb Deutsch นักแต่งเพลงชาวเยอรมัน พร้อมกับวิศวกรอีกหลายๆคน ภายใต้ความคิด “สตูดิโอเพลงแบบพกพา” ออกสู่สายตาชาวโลก
Moog ได้รับเงินสนับสนุน 16,000 ดอลลาร์จาก New York State Small Business Association โดย Synth ในสมัยนั้นจะมีลักษณะเป็นตู้ขนาดใหญ่เทอะทะเต็มห้อง แต่แล้ว Moog และ Deutsch ได้พัฒนาต่อยอดจนมันเล็กลงและสามารถต่อคีย์บอร์ดเพื่อควบคุมเสียงและสร้างลูกเล่นมากมายได้มากขึ้น และได้ให้ Composer ทั้งหลายนำตัว Moog Synthesizer ไปใช้แต่งเพลงตัวเอง และหยิบข้อเสียต่างๆมาแก้ไข จนขนาดของ Synthesizer มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ การพัฒนากินเวลาไปอย่างนาน จนกระทั่ง
ในปีค.ศ 1970 Minimoog ได้ออกมาวางจำหน่าย และนั้นทำให้วงการดนตรีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็น Synth ที่มีขนาดเล็ก สะดวก พกพาง่าย และมีลูกเล่นครบทุกอย่างที่นักดนตรีต้องการ จนทำให้หลายๆศิลปินสามารถสร้างสรรค์บทเพลงที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆทิ้ง เพิ่มเสียงที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกนี้ให้ฟังกัน
Minimoog ขายดีเทน้ำเทท่า และ Moog ก็ได้วางจำหน่ายและพัฒนามาเรื่อย
จนในปีค.ศ 1971 Bob Moog ก็ได้ขายบริษัท เนื่องคนในองค์กรมองว่า Moog นั่นแม้จะมีความสามารถมาก แต่ก็ไม่เก่งพอที่จะบริหารบริษัทได้ Moog จึงยอมขายบริษัท RA Moog และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Moog Music ต่อมา
ภายหลังในปีค.ศ 1978 Robert Moog ก็ย้ายไปที่แคลิฟอร์เนียตอนเหนือ และได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Big Briar ก่อนที่เขาจะได้ยินว่า Moog Music ที่เขาขายไปนั้นมีการโกงเงินธนาคารขึ้นในบริษัท นั่นจึงทำให้ในปีค.ศ 1987 ชื่อ Moog Music กลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง และได้เปลี่ยนชื่อบริษัท Big Briar เป็น Moog Music จนถึงปัจจุบัน
และในปี 2002 Moog Music ก็ได้พัฒนาและนำ Minimoog มาต่อยอด และวางจำหน่าย Minimoog Voyager หรือ Voyager ที่ต่อมากลายเป็น Synth ในตำนานอีกรุ่นที่คุณภาพเสียงเข้าขั้นเทพสุดๆ! และเป็นอีกรุ่นที่เป็นตำนานที่ใครๆต่างต้องการ Minimoog Voyager นั้นขายดีจนต้องมีการพัฒนามาเรื่อยๆ และมันก็ได้จุดประการบริษัทต่างๆพากันทำตาม ทั้ง Roland , Korg และอีกมากมาย
ในปี 2005 Robert “Bob” Moog ก็ได้จากไปอย่างสงบและส่งมอบกิจการให้ครอบครัว ของเขาดูแลต่อไป
Moog นั้นได้เป็นตำนานที่นักดนตรีหลายๆคนที่เล่น Synthesizer รวมถึงผมต้องขอบคุณที่ได้ทุ่มเทและสร้างเครื่องดนตรีที่เปลี่ยนโลกตัวนี้ขึ้นมา เรียกได้เลยว่าหากไม่มี Moog เราคงนึกภาพไม่ออกว่าเสียง Synth ต่างๆที่เราได้ยินนั้นเป็นยังไง และใช่ครับหากไม่มีวงดนตรีต่างๆนำมาใช้ ก็คงไม่มีใครได้ยินเสียงเครื่องพวกนี้
ทั้งเพลงของวง The Beatles, ที่นำ Moog Synthesizer มาใช้ในการแต่งเพลงชื่อ Here Comes The Sun
เพลงของศิลปิน King Of Pop อย่าง Michael Jackson ในเพลง P.Y.T (Pretty Young Thing)
หรือจะเพลงของศิลปินสาวทรงพลังอย่าง Whitney Houston ในเพลง For the Love of You
และ วงอีกมากมายนับไม่ถ้วนมากๆที่นำ Moog มาใช้
นั่นจึงทำให้ Moog นั้นกลายเป็นตำนานที่ทุกๆคนต่างเคารพนับถือ เป็นเบื้องหลังที่ช่วยสร้างตำนานเพลงที่กินใจเรา และต้องมีเก็บมาไว้สะสมบูชากัน
และก่อนจากไปผมขอฝาก Moog 3 รุ่นในตำนานที่ใครๆก็ต้องมีไว้ครอบครองให้ได้
บทความจากเว็บไซต์ https://verycatsound.com/blog-moog
VERY CAT SOUND
Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
อ่านบทความเก่าๆได้ในเว็บ
verycatsound.com/academy
ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound
ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy