เราเคยได้แนะนำ อุปกรณ์เบื้องต้นในการทำเพลงไปใน Content จัดเซต แนะนำอุปกรณ์ทำเพลง PHASE 1 มือใหม่เริ่มต้นเรียนทำเพลง และ จัดเซต แนะนำอุปกรณ์ทำเพลง PHASE 2 มือใหม่หัด Mix Master
กันไปแล้ว
อันได้แก่ 1. Computer 2. DAWs 3. MIDI Keyboard 4. AUDIO INTERFACE
5. MONITOR SPEAKER (ลำโพง) 6. MONITOR HEADPHONE (หูฟัง) 7. CONDENSOR MICROPHONE
Content นี้เป็น เนื้อหาสุดท้ายในเซตแนะนำอุปกรณ์ทำเพลงนะครับ
เมื่อเรามาถึงจุดที่พ้นการเรียนรู้การทำเพลงแบบ Basic หมดแล้วแล้ว คือสามารถ แต่งเพลง เรียบเรียงดนตรี และ Mix, Master ขั้นต้นได้แล้ว เราอาจจะอยากจะ upgrade ให้การทำงานมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นอีก
ฉะนั้นวันนี้จะแนะนำ อุปกรณ์เสริมที่เหลือ ที่ที่จริงแล้วจะมีหรือไม่มีก็สามารถทำเพลงได้ แต่ถ้ามีจะทำให้การทำเพลงนั้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น หรือได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นได้อีก ผมได้เรียงลำดับความสำคัญของแต่ละอุปกรณ์เอาไว้ให้หมดแล้ว เรามาเริ่มกันที่อุปกรณ์ชิ้นต่อไปกันเลยครับ
ลำดับต่อไปเมื่อเรามีอุปกรณ์พื้นฐานพร้อม สิ่งที่จะช่วยยกระดับการทำงานเราได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจะหนีไม่พ้น พวก Plug-in หรือ Software เสริมต่างๆ อาทิ เสียง Sampling , Software Synthesizer ที่ทำให้เรามีคลังเสียงให้เลือกเพิ่มได้อีกจำนวนมหาลาย ไร้ขีดจำกัด (ตราบเท่าที่มีกำลังเงิน) เพราะบางทีลำพังเสียงที่มีให้ใน DAWs ที่เราใช้อยู่อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ หรือยังมีคุณภาพเสียงที่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เราสามารถหาเลือกซื้อเสียงที่เราชอบ ที่เราต้องการได้มากมาย ในเวบไซต์ผู้ผลิตต่างๆ
นอกจากการเพิ่มจำนวนเสียงแล้ว Plug-in หรือ Software ที่นิยมหามาใช้กันเป็นอย่างมาก คือ Effect ต่างๆ ไม่ว่าจะเอาไว้สร้างสีสันเพิ่มให้กับเพลง หรือเอาไว้สำหรับเพิ่มคุณภาพให้กับการ Mix , Master เสียง ทั้งหมดก็สามารถหาซื้อได้ในราคาไม่สูงมากและมีผู้ผลิตจำนวนมาก มากแบบแทบไร้ขีดจำกัด เพราะมี Plug-in ใหม่ๆ โผล่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงิน Premium
ช่วงราคาของ Plug-in หรือ Software ต่างๆ มีตั้งแต่หลักไม่ถึงพันไปจนถึงหลักหมื่น ควรศึกษาให้ดีก่อนจะซื้อสิ่งใด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน
แนะนำเว็บ pluginboutique.com เป็นเว็บขาย plug-in หลายๆเจ้า โดยรวมเป็นโปรโมชั่นมาให้ครับ
Mixer คืออุปกรณ์ในการรวมเสียง , ควบคุม balance เสียง และส่งต่อหรือกระจายเสียง ซึ่งที่จริงใน DAWs มันก็จะมี mixer อยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าเราซื้อ mixer ที่เป็น Physical แยกออกมาใช้ข้างนอก จะทำให้เราสามารถจัดการระบบต่างๆของ Station ในการทำงานเราได้สะดวกยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่าง เช่น เราอาจจะมี input , output หลายตัว มีหลายไมค์ หลายเครื่องดนตรี กีตาร์ เบส คีย์บอร์ด และยังมีลำโพงอีก 2 คู่ กับ หูฟังอีก 2 การต่อทุกอย่างใส่ mixer แล้วควบคุมเปิดปิดความดังจากตัว mixer ก่อนไปเข้า interface ทำให้เราจัดการสเสียงต่างๆได้อย่างเป็นระเบียบ อีกทั้งยังสามารถจัดการควบคุมให้เสียงที่เราได้ยินข้างนอกคอม แยกขาดออกจากในคอมได้ นึกถึงตอนอัดเสียง บางทีมันก็สะดวกดี ที่กดปรับความดังลำโพงได้จากตัวมิกเซอร์เลย พอจะอัดก็หมุนปิด พอจะฟังก็หมุนเปิด ง่ายกว่ามานั่งกดทีละปุ่มๆในคอมใช่ไหมล่ะครับ
ทั้งนี้ประโยชน์ของ Mixer ยังสามารถพลิกแพลงได้อีกหลากหลาย แล้วแต่ความคิดประยุกต์ในการใช้งานในการต่อระบบสายของผู้ใช้งาน จึงเป็นอุปกรณ์อีกตัวที่อยากแนะนำครับ ราคาอยู่ช่วง หลักไม่กี่พันถึงหมื่นต้นๆ ตามแต่ขนาดและจำนวน Channel
ในที่นี้เราจะพูดถึง Controller ที่ไม่ใช่ คีย์บอร์ดนะครับ เป็นตัวสั่งการสัญญาณ MIDI ได้อีกหลากหลายรูปแบบ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือพวก Pad กลอง ต่างๆ Knob หมุน , Fader หรือพวก Launch Pad นั่นแหละครับ มันช่วยอำนวยความสะดวกเราในการเอาไป sync กับค่า parameter ต่างๆในการทำเพลง แล้วควบคุมด้วยมือจาก Controller เอา รวดเร็วกว่า มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า หรือบางทีก็ใช้กดจังหวะกลอง หรือควบคุมการเปิดปิดของเสียงต่างๆ อย่างที่เราเห็นใน Controller ชื่อดังจำพวก Launch Pad นั่นเอง มันเลยเป็นที่นิยมมากในหมู่คนทำดนตรีแนว Electronic ราคาอยู่ช่วง หลักไม่กี่พันไปถึงหมื่นสองหมื่น
แผ่น Panel ที่ช่วยแก้ปัญหาทางด้าน Acoustic เสียง ที่มีอยู่หลากหลายประเภท อาทิ Absorber ช่วยลดเสียงสะท้อน , Diffuser ช่วยกระจายเสียงสะท้อน , Bass Trap ช่วยลดเสียงก้องของเสียงเบส ฯลฯ มีขนาดและราคาหลากหลาย ตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักพัน ราคาไม่ได้สูงมาก เพียงแต่บางทีเราอาจต้องใช้เยอะน้อยตามแต่สภาพห้อง และปัญหาที่มี
สิ่งที่จะได้จากการใช้ Acoustic Panel พวกนี้ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นการเก็บเสียง ให้เสียงไม่เข้าไม่ออกไปจากห้องนะครับ อันนั้นเป็นการทำห้องใหม่ขึ้นมาเลย โดยจะเรียกว่าการทำ isolation ซึ่งมีราคาแพงกว่านี้มาก แต่สิ่งที่จะได้จริงๆคือการทำให้ “เสียงดีขึ้น” เกิดจากการลดความก้อง ความสะท้อนของเสียง ให้มีความพอดี หรือให้น้อยที่สุดเพื่อเหมาะสมกับการบันทึกเสียง เมื่อเสียงในห้องโดยรวมดีขึ้น ประโยชน์ที่จะได้เลยมีสองอย่าง อย่างแรกคือ เราจะได้ยินเสียงที่ชัด เคลียร์ และใกล้เคียงความจริงมากขึ้น ทำให้ตอนเรามิกซ์หรือใส่ EFFECT ต่างๆ เที่ยงตรง ไม่มากไปน้อยไปหรือกะผิดพลาด และสอง ทำให้เสียงที่เราอัดลงไปด้วยไมค์ มีความคมชัดมากขึ้น เสียงก้องน้อยลง
การใช้ Acoustic Panel ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่าควรวางตรงไหน วางแบบไหนยังไงบ้าง หรือสามารถหาเรียนเรื่องทฤษฎีเสียง และการสะท้อนของเสียง ได้จากวิชา VCA203 Modern Music Production ครับ
https://verycatsound.com/academy/level2/vca203-modern-music-production/
อุปกรณ์ที่จะช่วยให้เสียงร้องที่คุณอัดมีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ลดเสียงก้องสะท้อนได้ระดับหนึ่ง คมขึ้น ก่อนใช้อยากให้ศึกษาวิธีใช้ให้ดีๆ หรือต้องทดลองกับมุมต่างๆในห้องด้วย เพราะจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันตามแต่สภาพห้องที่ไม่เหมือนกัน โดยอุปกรณ์ชนิดนี้จะมีหลากหลายรูปแบบ หลายขนาด ตั้งแต่เป็นแค่ฉากเล็กๆไว้บังตรงไมค์ จนไปถึงขนาดใหญ่ เป็นห้องๆหนึ่งเลย ซึ่งราคาก็แตกต่างกันตั้งแต่หลัก พันจนไปถึงหลักแสน
อุปกรณ์เสริมตัวที่อยู่ท้ายๆของความจำเป็น มันคือ Hardware ชนิดหนึ่งที่ทำให้สัญญาณเสียงที่เราอัดเข้าไป ต้องผ่านตัวนี้ก่อน และจะไปขยายสัญญาณเสียง และ ”แต่งกลิ่น” เพิ่มคาแรกเตอร์ให้กับเนื้อเสียง ทำให้เสียงที่ได้มีความ อวบอิ่ม แน่น มีคาแรกเตอร์ และ “เสียงดีขึ้น” กว่าการที่อัดผ่าน Audio Interface เปล่าๆ เฉยๆ โดยไม่ต้องผ่านตัวนี้ โดยบางคนอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้กับเพลงทั้งเพลง ไม่ใช่แค่ไลน์ที่อัดไลน์เดียวก็เป็นได้ (ยิงเสียงทั้งหมดออกมาผ่านตัวนี้ แล้วค่อยอัดกลับเข้าไปในเครื่องใหม่อีกที)
แต่ในปัจจุบัน Audio Interface หลายๆตัวได้พัฒนาเพิ่มลูกเล่นมากขึ้น โดยเพิ่ม Pre-Mic เข้าไปให้ด้วยในตัวเองแล้ว ฉะนั้นถ้าเราคิดจะหา Pre-Mic ตัวอื่นมาเพิ่ม ก็ยังทำได้ ถ้าเราชอบคาแรกเตอร์ของตัวนั้นจริงๆ หรืออยากมีเพิ่มเสริมเข้าไปอีก
ราคาอยู่ในช่วง หลัก 1 หมื่น – 5 หมื่น
เครื่องดนตรีประเภท Synthesizer หรือการเล่นเสียงสังเคราะห์ แม้จะสามารถจำลองเสียงเหล่านีไ้ด้จาก Software หรือ Plug-in ต่างๆ ได้ค่อนข้างเหมือน 90%+ แล้วในปัจจุบัน แต่มันก็ไม่เหมือนเป๊ะ 100% มันมีฟีลลิ่งของการเล่นแบบ Analog หรือการควบคุมด้วยมืออยู่ รวมไปถึงคุณภาพเสียงที่ผ่านออกมาจาก Hardware จริงๆนั้น จะมีความเนื้อเสียงที่แน่นกว่า ดีกว่าเสียงจาก Software ฉะนั้นการใช้แต่ Software มันจึงอาจไม่ตอบสนองความต้องการเรื่องเสียงของโปรดิวเซอร์ตัวจริงบางคนได้ บางคนจึงหาพวก Synth ที่เป็น Hardware จริงๆมาเสริมในขั้นตอนการทำเพลงด้วย
เฉกเช่นเดียวกับ เครื่องดนตรีอื่นๆ อาทิ กีตาร์ เบส ฯลฯ ที่แม้จะมีเสียงจำลองที่ทำไว้ดีมากๆแล้วก็ตาม แต่บางคนก็ยังรู้สึกว่าชอบที่จะทำแบบ Analog มากกว่า คืออัดเสียงเครื่องดนตรีนั้นจริงๆเข้าไป ได้ฟีลของจริง มากกว่าที่จะเล่นเสียงด้วย MIDI ฉะนั้นโปรดิวเซอร์หลายคนจึงมีเครื่องดนตรีจริงต่างๆที่ตัวเองชอบเสียงนั้นๆไว้ด้วย สำหรับอัด
ในขั้นตอน Arranging อาจใช้ MIDI ใช้เสียงจำลองขึ้นเพลงมาทั้งหมดก่อนก็จริง แต่ในขั้นที่จะนำไปมิกซ์ จะเล่นเสียงพวกนี้ใหม่ ด้วยเครื่องดนตรีจริง หรือเป็นการสั่ง MIDI จากในคอมให้ยิงผ่านมาสั่งให้ Synth นอกคอม เล่นเสียงนั้นๆ แล้วส่งสัญญาณเสียงกลับเข้าไปอัดในคอมอีกที ก็นับเป็นวิธีสากลที่นิยมใช้กันทั่วครับ
ราคาอยู่ในช่วง หลักพัน ไปจนถึงเป็นแสน ไม่มีที่สิ้นสุด แล้วแต่รุ่น
ลำดับสุดท้ายแล้ว สำหรับสายที่ชอบความคลาสสิคและเงินหนาซักหน่อย ลำพังแค่ Hardware Synth หรือแค่ Pre-Mic อาจจะยังไม่สะใจ เลยหา Hardware Effect ต่างๆ มาใช้แทน Software – Plug-in ไปเลย กล่าวคือ พวก Mixer , EQ , Compress อะไรต่างๆนาๆ ที่เราใช้บน DAWs มันสร้างจำลองมาจาก Hardware ในอดีตทั้งหมดน่ะแหละครับ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงถึงสูงมากทุกตัว บางคนอาจชอบฮาร์ดแวร์บางตัวจริงๆ ซื้อใช้เฉพาะบางตัวแบบนี้ก็ได้ ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปว่า ที่จริงแล้วปัจจุบัน Software ก็ทำได้ใกล้เคียง Hardware ไปซะ 90-95% แล้ว แต่ถ้าใครมีทุนทรัพย์พอที่อยากทุ่มเงินกับ Hardware หรือชอบความคลาสสิค ก็ไม่ว่ากันครับ โดยมากแล้วคนที่ใช้ Hardware พวกนี้จะเป็น Sound Engineer มืออาชีพ รุ่นเก๋า ระดับที่สูงมากๆ ที่ซีเรียสกับเสียงที่ต่างกัน 5% นี้ มากกว่าจะเป็น Composer , Arranger ที่เป็นหน้าที่ที่โฟกัสกับตัวโน้ตหรือการออกแบบดนตรีมากกว่าครับ
ราคาอยู่ในช่วง หลักหมื่น ไปจนถึงเป็นแสน ไม่มีที่สิ้นสุด แล้วแต่รุ่น
—————————————————
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ
Mont
Music Producer
—————————————————
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :
– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound
Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound