แม้ว่าบางคนจะทำเพลงเป็นงานอดิเรก บางคนก็อยากทำเป็นอาชีพ แต่ถ้าทำเป็นงานอดิเรกแบบที่ตัวเองชอบแล้วยังหาเงินได้ด้วย ไม่ว่าใครก็อยากทำได้จริงไหมครับ แต่หลายๆคนที่เป็นนักทำเพลง เป็นโปรดิวเซอร์ หรือศิลปิน ถึงแม้ว่าจะมีฝีมือทำเพลงออกมาได้ดีแล้วแต่อาจจะยังไม่สามารถสร้างรายได้จากการทำเพลงทำดนตรีได้ วันนี้เลยจะมาบอกช่องทางโดยรวมทั้งหมดกันนะครับ

1. Music Streaming ผู้ให้บริการสตรีมเพลง

ช่องทางยอดฮิตของยุคปัจจุบัน คือการนำเพลงไปอัปโหลดใน Streaming เจ้าต่างๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว อาทิ Spotify , Apple Music , Joox และรวมไปถึง YouTube โดยจะได้รับค่าตอบแทนจากเจ้าของ platform คิดเป็นจำนวนยอดวิว มากน้อยตามแต่กติกาที่แต่ละเจ้ากำหนด

2. Physical Media สื่อเพลงที่จับต้องได้

คือการขายเพลงเช่นเดียวกับข้อแรก แต่เป็นรูปแบบดั้งเดิม เช่น CD, Tape ,Vinyl หลายคนอาจจะบอกว่าโบราณ และคนไม่นิยมซื้อกันแล้ว ถูกต้องครับ แต่ก็ยังตลาดอยู่บางกลุ่มเล็กๆที่ชอบสะสมสิ่งที่เป็น Physical หรือจับต้องได้อยู่ ส่วนมากพวกแฟนพันธุ์แท้ของศิลปินมักจะนิยมเก็บ และมีสภาพเป็นของสะสมมากกว่าจะเกิดการใช้งานจริง

3. Merchandise สินค้า

ลำพังแต่เพียงการขายเพลงอย่างเดียวในยุคนี้ รายได้มันไม่เพียงพอต่อการทำเป็นอาชีพได้จริงครับ เพราะเงินที่ได้จากสตรีมมิ่งนั้นไม่ได้มากมาย และพวกซีดี ต่อให้ยังขายได้ แต่ก็มีกลุ่มเป้าหมายที่มีจำนวนน้อยมากเกินไปถ้าเทียบกับสมัยก่อน ฉะนั้นจึงต้องมีการขายสินค้าอย่างอื่นของศิลปินออกมาด้วย ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่ออกแบบ อาทิ แบบเบสิกๆก็ เสื้อยืด แท่งไฟ ผ้าขนหนู คืออะไรก็ได้จริงๆ แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งอาจจะคิดสินค้าที่ดูเข้ากับศิลปินและกลุ่มเป้าหมาย เช่น ถ้าทำเพลงที่มีกลุ่มเป้าหมายเด็ก อาจจะทำกล่องดินสอ อะไรแบบนี้เป็นต้น

4. Sponsorship ผู้สนับสนุน

เมื่อมีชื่อเสียงถึงระดับหนึ่ง สามารถไปขอการสนับสนุนจากผู้ที่มีเงิน แต่ต้องการโปรโมทตัวเอง อาทิเช่น องค์กรหรือแบรนด์สินค้าต่างๆได้ ในการทำธุรกิจ ทางบริษัทเค้าจะมีงบในการโปรโมทแบรนด์ตัวเองอยู่เรื่อยๆตลอดทั้งปี ซึ่งถ้าเราไปเข้าตาเค้า หรือแม้แต่ไปเสนอตัวเอง ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับแบ่งงบก้อนนั้นมา โดยแลกกับการทำอะไรบางอย่างตามข้อตกลงเพื่อช่วยโปรโมทสินค้า หรือบริการ หรือแบรนด์ของลูกค้า อาทิเช่น ช่วยโพสต์โปรโมทในสื่อโซเชียลต่างๆ ไปออกรายการ ออกอีเวนต์ หรือแม้กระทั่งทำเพลงใหม่มาเพื่อช่วยโปรโมทให้เค้าโดยเฉพาะ หรือทำ MV ที่มีการ tie-in สินค้า หรือแบรนด์เค้าเข้าไปใน MV เพื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรเค้า
ในปัจจุบัน สิ่งนี้อาจมีรายได้มากกว่า ข้อสามข้างบนซะอีก และเป็นรายได้หลักของศิลปินหลายค่ายด้วยกัน

5. Live Concert การแสดงสด

ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปิน ส่วนใหญ่แล้วจะต้องมีการแสดงสด ไม่มากก็น้อย ซึ่งการแสดงสดจะแบ่งเป็นสองแบบ คืองานจ้าง เป็นคอนเสิร์ตที่ส่วนใหญ่จะฟรี แต่ได้รับเงินจากลูกค้าแบรนด์หรือบริษัท องค์กร ที่มาจ้าง (จะเข้าข่ายใกล้เคียงกับข้อ 4) กับอีกแบบคือ คอนเสิร์ตที่จัดขึ้นเอง แล้วเก็บค่าบัตร ทั้งสองแบบจะเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยศิลปินไหนที่มีจุดเด่นเรื่องการแสดงสดได้ดี อาจจะมีโอกาสทำเงินตรงจุดนี้ได้มาก

6. Commission การจ้างทำชิ้นงาน

อันนี้จะแตกต่างกับข้ออื่นหน่อย คือเป็นงานรับจ้างทำเพลงให้กับคนอื่น ใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินคนอื่น บุคคล บริษัท ค่ายเพลง องค์กร ห้างร้าน แบรนด์สินค้า ฯลฯ มันอาจเป็นงานได้หลากหลายประเภท อาทิเช่น โฆษณา ดนตรีประกอบ เพลงประจำแบรนด์ ประจำองค์กร ฯลฯ ลูกค้าอาจจะอยากจ้างเราเพราะเชื่อในผลงานและชื่อเสียง สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ทำงานตามความคาดหวังของเค้าให้ได้ โดยบางทีเค้าก็อยากได้เพลงที่เป็นสไตล์ที่เราถนัดอยู่แล้ว แต่ในบางทีเค้าก็มีโจทย์เฉพาะ ที่ถ้าอยากได้งานพวกนี้ด้วย เราก็ต้องมีสกิลพอที่จะทำเพลงได้หลากหลายแนว ก็ต้องทำให้ได้

7. Royalty Licensing ค่าลิขสิทธิ์

อันนี้เป็นกรณีที่จะเกิดขึ้นเมื่อ เพลงที่เราทำ เราแต่ง หรือมีส่วนร่วมในการทำมัน เราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย (ซึ่งอาจไม่ใช่ทุกงาน แล้วแต่การตกลงกันของผู้จ้างกับผู้รับงาน) เมื่อเราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แล้วถ้าวันหนึ่งเพลงถูกเอาไปใช้ในงานอะไรสักอย่าง เช่นประกอบในภาพยนตร์บางเรื่อง แล้วทางทีมงานของภาพยนตร์เรื่องนั้นติดต่อมาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ไปขอใช้ ผู้แต่งหรือผู้ที่มีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย จะได้รายได้เป็นส่วนแบ่งตามที่ได้ตกลงกันไว้ด้วย ทั้งนี้รวมไปถึงการทำเพลงให้ค่ายใหญ่บางค่ายที่มีนโยบายนี้อยู่ ถ้าทำเพลงแล้วฮิต เพลงถูกนำไปใช้เรื่อยๆ ทั้งเล่นสด ทั้งสตรีมมิ่ง ฯลฯ ต่างๆนานาเอย ผู้แต่งก็จะมี passive income เข้าใน บช. เรื่อยๆ ไปตลอดชีวิต

*ขอสรรเสริญชื่นชมค่ายเหล่านั้น ในฐานะที่ทำสิ่งที่ถูกต้องและควรจะเป็น มอบความเป็นธรรมให้แก่คนดนตรีมาโดยตลอด ณ ที่นี้ด้วยครับ

Music Marketing คือการเรียนเรื่องพวกนี้

นี่เป็นแค่น้ำจิ้มในวิชา Music Marketing ที่จริงแล้วในแต่ละอย่างจะมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก และเทคนิคที่สามารถใช้ได้จริง หาเงินได้จริง ทำเป็นอาชีพได้จริง ทำได้เพราะเน้นความขยัน ความพยายาม และไปถูกทาง ไม่ใช่เรื่องของโชค หากใครสนใจ พบกันได้ในคลาส Music Marketing ของ VERY CAT ACADEMY ทั้งสามวิชานะครับ

The Real Producer
REAL / DEEP / EXCLUSIVE

หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream

เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ

หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2

——————

Contact

Line ID :

– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound

Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound