หลายๆคนที่มาเรียนทำเพลง เท่าที่ผมเคยคุยมา เจอไม่น้อยที่อยากทำทุกกระบวนการได้เองหมด ไม่ว่าเป็น แต่งเพลง Composing & Lyric เรียบเรียงดนตรี Music Arranging หรือ Mixing, Mastering
ผมคิดว่า ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ผมต้องเตือนไว้ก่อนว่า เนื้อหามันเยอะ… มาก… จริงๆนะครับ
ในการทำเพลงมันมีอยู่หลายกระบวนการ โดยปกติแล้ว คนโดยส่วนใหญ่จะมีความถนัดเฉพาะกันคนละอย่าง และแบ่งหน้าที่กันทำ
ส่วนนี้ถ้าเรียนก็จะเป็นพวก การแต่งทำนองเบื้องต้น Music Composition การแต่งเนื้อร้อง Song Writing หรือถ้าเอา Advance หน่อย ก็อาจจะเรียนรู้พวกเรื่อง Harmony
ส่วนนี้จะเรียนเกี่ยวกับการ ทำดนตรี ออกแบบไลน์ดนตรีทั้งหมด การเรียนรู้การทำดนตรีแนวต่างๆ พวกวิชา Music Arranging , Adv. Composition , Harmony , Jazz Harmony , Orchestration ประมาณนี้เป็นต้น
หรือการเรียนรู้เรื่อง Sound Engineer การ Record, Edit , Mix ผสมเสียง , Mastering กระบวนการขั้นสุดท้ายของเสียง เป็นเรื่องเชิงเทคนิค หรือการปรับแต่งให้เสียงฟังดูดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่ดนตรี ประมาณนี้
ทีนี้ถ้าเป็นการทำงานในระดับสากล โดยทั่วไป จะแยกงานกันทำ เพราะแต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน หรือแม้แต่ ถึงจะเรียนจบมาจากที่เดียวกัน คณะเดียวกัน บางทีก็มาแยกสายแบบนี้เหมือนกันครับ
ฉะนั้นในการเรียนรู้ ถ้าคุณโฟกัสได้ชัวร์ว่าเป็นสายไหน บางทีมันประหยัดเวลาเรียนรู้ กับค่าเรียนไปได้มากกว่ากันเยอะ แต่ถ้าจะเอาทั้งหมด ข้อดีคือทำด้วยตัวเองได้ก็จริง แต่กว่าจะชำนาญหมด มันนานและเยอะมาก จนถ้าคุณไม่ได้รักมันจริงๆ อาจจะท้อไปซะก่อน
แต่ถ้าคุณเปลี่ยน Mindset คือ เพลงมันไม่จำเป็นต้องทำคนเดียว แต่พยายามหาทีมให้ได้ อะไรๆจะง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
ต่อไปนี้จะขอพูดถึงประโยชน์ข้อดีข้อเสียของการมีทีมในการทำเพลง จากประสบการณ์ โดยส่วนใหญ่เป็นวงการทำเพลงเพื่อการพาณิชย์เป็นอาชีพ หรือใครจะประยุกต์ใช้กับเพลงศิลปินหรือรูปแบบอื่นๆก็ได้นะครับ
แน่นอน คุณไม่ต้องทำทุกอย่างเอง ไม่ต้องเสียเวลาเรียนทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อาจจะกินเวลา หลายร้อย จนถึงเป็นพันชั่วโมง แต่อาจจะเรียนเฉพาะส่วนที่เป็นสายตัวเองโดยตรงทำให้คุณไปถึงฝันได้ง่ายกว่า ใกล้กว่า
และเมื่อไม่ต้องเรียนทั้งหมด เอาแค่บางส่วน ค่าเรียนก็จะไม่บานปลายเกินไป รวมถึงค่าอุปกรณ์ที่ใช้ก็มีส่วน เพราะคุณอาจเอาดีกับสาย Song Writing จนไม่ต้องทำการอัพเกรดคอมในการทำเพลงใดๆ เพราะไม่ต้องใช้งานลึกขนาดนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Sound Engineer เค้าไป
คุณสามารถรับงานและทำอย่างเป็นระบบได้รวดเร็ว เพราะทุกคนทำแต่หน้าที่ที่ตัวเองถนัด ทำให้รับงานได้มาก เพราะทำไว และกลายเป็นข้อดีที่สามารถทำเป็นอาชีพได้ ถ้ามีทีมที่แข็งแรง หรือแม้แต่จะทำเพลงตัวเอง เป็นศิลปิน ก็สามารถผลิตงานออกมาได้ไวอีกด้วย นอกจากนี้ จะดีมากเป็นอย่างยิ่ง ถ้าทีมของคุณมีคนที่ทำในส่วนของภาพด้วย นอกเหนือจากดนตรี เรียกว่าครบวงจรกันเลยทีเดียว
ผลพวงจากการโฟกัสเฉพาะสิ่งที่ตัวเองถนัด เพราะโฟกัสแต่จุดที่ตัวเองสนใจได้ เลยพัฒนางานไปได้เร็วกว่าคนที่ไม่มีทีม เพราะคุณไม่ต้องเอาสมองไปใส่ใจเรื่องที่คุณไม่ถนัด เนื่องจากคุณมีเพื่อนหรือทีมที่รับผิดชอบสิ่งนั้นอยู่แล้ว
มันเป็นเพราะว่า ในช่วงเริ่มต้นของการทำงานดนตรี คุณย่อมยังไม่ได้มีผลงานหรือคอนเนคชั่นมากพอที่จะรับงานใหญ่ ที่มีทุนมากพอมาแยกกระจายเป็นแต่ละส่วนได้ การจะทำกำไรและอยู่รอดได้ จำเป็นต้องปิดงานด้วยตัวเองให้ได้ทั้งหมด เลยเป็นความจำเป็นที่คุณอาจต้องเรียนรู้ทุกขั้นตอนเพื่อทำได้ทั้งหมดไว้ ในขั้นต้น ถ้าคุณยังไม่สามารถหาจำนวนงานหรือเม็ดเงินมากพอจะเลี้ยงทีมได้ แต่ถ้าเมื่อไรคุณทำได้ คือมีเม็ดเงินมากพอเข้ามา และเวลาเริ่มไม่ค่อยมีแล้ว เพราะชิ้นงานมากขึ้นๆ การมีทีมก็เป็นเรื่องที่แนะนำอย่างยิ่ง
การจะเจอทีมที่เข้าขากัน และสามารถตกลงกันได้เรื่องของรายได้ เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการจัดการระบบให้ลงตัวอีก บางทีแล้วทีมก็จะมีหน้าที่อื่นๆนอกจากทำเพลง อาทิเช่น AE หรือทีมขาย ทีมการตลาด หรือทีมภาพ เข้ามาเติมเต็มให้สามารถรับงานได้สมบูรณ์ขึ้น แล้วเมื่อยุ่งกับคนจำนวนมากขึ้น ความยุ่งยากซับซ้อนก็จะมากขึ้นตาม ในทีมจำเป็นต้องมีคนที่มีสกิลการบริหารจัดการที่ดี
ต่อให้คุณจะเริ่มต้นด้วยการทำคนเดียวก็ตาม แต่สักวัน ไม่ช้าก็เร็วในชีวิต เมื่อสิ่งที่คุณทำนั้นเติบโตขึ้น คุณจะต้องเริ่มเข้าสู่การทำงานกับทีมอยู่ดี ต่อให้ไม่ใช่ใน part ของการทำเพลง ก็จะเป็น part อื่นๆ หรือแม้แต่ในการทำเพลงเอง คุณอาจเคยคิดว่าอยากทำเองทุกอย่าง ทุกขั้นตอน แต่สักวันหนึ่งคุณจะค้นพบสายที่ตัวเองถนัดที่สุด และแฮปปี้ที่สุดที่จะทำมัน เมื่อคุณเลือกมันแล้ว คุณก็จำเป็นจะต้องมีทีมมาทำสิ่งนั้นแทนคุณอยู่ดี
สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ เริ่มมองหาทีม มองหา Connection ไว้ให้เร็วที่สุด เพราะกว่าคุณจะเจอคู่หูทำเพลงของคุณที่ใช่ อาจกินเวลายาวนาน เพราะต้องลองผิดลองถูก ลองทำงานด้วยกันมาเยอะ Connection เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากจะช่วยให้เราเจอโอกาสใหม่ๆในการงานแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือการที่คุณจะได้เจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ที่อาจกลายเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมทีมที่สำคัญในอนาคต
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ครับ
ทางหลักสูตร The Real Producer ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้าง Community ทางดนตรี และการมี Connection จึงได้สร้างสังคมทางดนตรีระหว่างผู้เรียนด้วยกันไว้ให้สำหรับสมาชิกในหลักสูตร หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง Real , Exclusive , Deep เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ สนใจหลักสูตรติดต่อแอดมินใน Line @verycatacademy หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ link ด้านล่างสุดของบทความได้เลยครับ
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :
– เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
– เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound
Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound
How does the statement emphasize the idea that collaboration can elevate a song’s outcome beyond the limitations of an individual’s input?