ทำไม การตลาดคือ ยาขมและทางรอด ของคนดนตรี

การตลาดเป็นสิ่งที่ช่วยให้สินค้าหรือบริการขายได้ ทำให้เกิดรายได้มากขึ้นและนำไปสู่กำไรและความร่ำรวยได้เลย ถ้าทำแล้วประสบความสำเร็จ ซึ่งสิ่งที่การตลาดเข้ามาช่วยได้ ก็คือการขายสินค้าหรือบริการทุกๆอย่าง แน่นอนว่า ดนตรีก็เช่นกัน

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรเกี่ยวกับดนตรีอยู่ เป็นนักดนตรี นักทำเพลง นักแต่งเพลง Producer , Sound Engineer , ศิลปิน หรือทำกิจการอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับดนตรี แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วมันมาจากความรัก ความชอบในดนตรีนำมาทั้งนั้น

แต่คนดนตรีหลายๆคน เมื่อพูดถึงการตลาด อาจจะรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนละโลกกับมัน ไม่ประสีประสา หรือเป็นเรื่องที่ไม่ชอบ ไม่อยากยุ่งกับมัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติครับ เพราะผมเองก็เคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน

การตลาดเหมือนยาขมของคนดนตรี

เราอาจเคยคิดว่า เรามาสายดนตรี ไม่ชอบเรื่องตัวเลข ไม่ชอบเรื่องการขาย การวางแผนการตลาดต่างๆที่น่าปวดหัว และไม่ตรงกับความชอบของเรา เรื่องพวกนั้นปล่อยให้คนที่เค้าไปสายนั้นทำไปดีกว่า ถูกไหมครับ แต่ปัญหาก็คือว่า พอเรายิ่งโตขึ้นๆ เราก็จะเริ่มค้นพบเองว่า ที่จริงแล้วทั้งเรื่องการตลาด หรือการขาย มันแทรกซึมอยู่ในทุกส่วนๆ และจำเป็นกับทุกๆคน การที่เราทำดนตรี หรือเล่นดนตรี ที่จริงแล้วเราก็คือสินค้าหรือบริการแบบหนึ่ง และเราย่อมต้องการงานที่มากขึ้น ต้องการเงินที่เพียงพอที่จะทำให้เราอยู่รอดในอาชีพนี้ได้ จริงไหมครับ

การที่คนดนตรีหลายๆคน ไม่สามารถทำดนตรีเป็นอาชีพได้ และต้องไปทำอย่างอื่นเป็นอาชีพแทนเนื่องจากได้เงินง่ายกว่า เยอะกว่า นั้นเป็นสถานการณ์ที่มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ เพราะดนตรีเป็นเรื่องที่หาเงินยากกว่าอาชีพอื่น เป็นเรื่องที่จริงส่วนหนึ่งครับ แต่ถ้าเรามองความจริงอีกด้าน เราก็จะพบว่ามีคนดนตรีอีกมากมายที่สามารถอยู่รอดด้วยการทำอาชีพดนตรีได้ หรือบางคนก็ไปถึงขั้นร่ำรวยเลยก็มีเช่นกัน แต่ทำไมเขาเหล่านั้นถึงทำได้ล่ะ?

หลายๆคนอาจจะคิดโทษตัวเองว่า เพราะตัวเองไม่เก่งพอ ไม่เจ๋งพอ ผมก็อยากบอกว่า นั่นมันก็แค่เหตุผลเพียงครึ่งเดียว ถ้าคุณมองความจริงอีกครึ่งหนึ่ง คุณก็จะพอว่า คนที่เก่งๆหลายๆคน ก็มีคนที่ไม่ได้มีงานเยอะ และไม่ได้อยู่รอดได้ด้วยอาชีพดนตรีเช่นกัน ที่จริงแล้วต้องบอกว่า ความเก่ง หรือการทำเพลงออกมาได้ดีอย่างเดียว มันยังไม่เพียงพอต่อการหาลูกค้า หรือสร้างเม็ดเงินให้มากขึ้นจนเพียงพอต่อการอยู่รอด แต่มันต้องประกอบกับการเรียนรู้เรื่องการตลาดด้วยต่างหากล่ะ

อย่าคิดไปเองว่าคุณไม่มีสมองซีกซ้าย

สมองซีกขวา สัมพันธ์กับการทำงานด้านจินตนาการ แน่นอนว่า คนดนตรีหรือศิลปินมักจะมีมันอยู่แล้ว และทำมันได้ดี ส่วนสมองซีกซ้ายที่สัมพันธ์กับการทำงานด้านเหตุผล การคำนวณ หรือ logical คุณอาจเคยคิดว่าเหล่าคนดนตรีไม่ค่อยมีมันหรอก รวมถึงตัวคุณเองด้วย ผมอยากบอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปครับ

ถ้าคุณเป็นคนที่ฝึกวิชาดนตรีจนถึงระดับกลางถึงสูงแล้ว คุณจะเริ่มเข้าใจว่า แท้จริงแล้วดนตรีมีเรื่องของ logical เรื่องเหตุผล หรือเรื่องการคำนวณเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมาก แท้จริงแล้วศาสตร์ของมันคล้ายกับ คณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์แขนงหนึ่ง ซึ่งมีกฎเกณฑ์ของมันอยู่ เพียงแต่ศิลปินเป็นผู้นำศาสตร์หรือกฎพวกนี้ไปสร้างผลงานที่เป็นศิลปะด้วยตัวเอง 

ในการประพันธ์หรือเรียบเรียงดนตรี ขั้นที่สูงๆ มันมีการคำนวณ ตัวโน้ตหรือคอร์ดต่างๆ ที่ต้องใช้หลักการหรือวิธีคิดที่เป็น logical อยู่มาก คนเก่งๆพวกนั้น แท้จริงแล้ว เก่งได้เพราะมีสมองซีกซ้ายที่แข็งแรงเช่นกัน ที่สามารถใช้จินตนาการจากสมองซีกขวา มาจับต้นชนปลายตัวโน้ตต่างๆ และกฎทางดนตรีต่างๆ ที่ประมวลแล้วว่า make sense จากสมองซีกซ้าย รวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นชิ้นงานที่ซับซ้อนแต่ก็เป็นระเบียบสวยงาม ฉะนั้นมัน ถ้าคิดว่าการเป็นสุดยอดคนดนตรีจะต้องอ่อนเรื่องสมองซีกซ้าย เป็นความคิดที่ผิด ที่จริงคุณมีมันอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่มันไม่เคยถูกนำมาใช้กับเรื่องการตลาดเท่านั้นเอง

การตลาดคือเรื่องจำเป็นถ้าอยากรอด

แน่นอนว่าถ้าคุณอยู่ค่าย หรือมีผู้จัดการศิลปิน มีคนดูแล อาจจะมีคนทำกิจกรรมต่างๆทางการตลาดให้คุณ ทั้งการโปรโมท การสร้างคอนเท้นท์ การวางแผนยิงโฆษณา ฯลฯ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดี เพราะคุณจะได้ไม่ต้องแบ่งสมองมาคิดเรื่องเหล่านี้ และโฟกัสแต่กับการทำเพลง หรือทำดนตรีที่คุณรักอย่างเต็มที่

แต่ถ้าเกิดว่าคุณไม่มีล่ะ?

ถ้าคุณเป็นศิลปินที่ทำเพลงคนเดียว ไม่มีทีม

หรือมีวง แต่ก็ไม่มีใครทำหน้าที่การตลาดพวกนี้ให้

หรือคุณยังเพิ่งๆเริ่มทำเพลง เป็นศิลปิน หรือโปรดิวเซอร์ ยังไม่มีค่าย ยังไม่มีคนช่วย จำเป็นต้องทำทุกอย่างเองด้วยตัวคนเดียว

สิ่งที่คุณทำมันก็แทบไม่ต่างอะไรกับการเป็นเจ้าของกิจการๆหนึ่ง ซึ่งมีดนตรีที่คุณทำเป็นสินค้าหรือบริการนี่เองแหละครับ และถ้าคุณอยากเพิ่มประสิทธิภาพสิ่งที่คุณทำ ให้มันสามารถเพิ่มเพื่อเสียง เพิ่มจำนวนงาน และเพิ่มจำนวนเม็ดเงินที่คุณทำได้มากขึ้น ยังไงคุณก็ต้องพึ่งการตลาด ต่อให้ไม่อยากทำมันเท่าไรก็ตาม สักวันคุณก็จะรู้เองว่าต้องทำอยู่ดี ถ้าคุณเรียนรู้การทำเพลง ทำดนตรีจนถึงจุดนึงแล้ว ให้แบ่งความใส่ใจมาให้การตลาดด้วยจะดีกว่าครับ ถ้าอยากจะยืนหยันด้วยอาชีพนี้ให้ได้และอยู่รอดจริงๆ

ผมเคยเขียนเรื่อง 3 ประโยชน์ของการเรียนการตลาดดนตรี หรือ Music Marketing ลองอ่านดูได้ใน link นี้นะครับ

TheRealProducer

ข่าวดีคือ หลักสูตร The Real Producer ของ VERY CAT ACADEMY ได้เปิดสอนวิชาใหม่คือ การตลาดดนตรี หรือ Music Marketing ประกอบไปด้วย 3 วิชาย่อย ตามคำเรียกร้องของหลายๆคน และเราเล็งเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการทำดนตรีเป็นอาชีพ Producer หากใครสนใจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่

MUSIC MARKETING COURSE

————————

VERY CAT SOUND

Compose Your Dream

.

ถ้าคุณรู้ตัวแล้วว่าดนตรีไม่มีทางลัด ถ้าคุณอยากเข้าใจ และเชี่ยวชาญ

ถ้ามีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน ผมไม่อยากให้คุณหลงทาง 

มาคุยปรึกษากันได้ครับ ยินดีให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

.

รับ demo คอร์สเรียนฟรี และข้อมูลหลักสูตรเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่

www.verycatsound.academy/funnel01

ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound

ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy