เป็นอีกคำถามที่มีนักเรียนในคลาส The Real Producer ถามมา แล้วผมคิดว่าน่าสนใจ จะตอบก็คงค่อนข้างยาว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยตอบเอาไว้เป็นบทความเลยละกันนะครับ
ถ้าคุณได้สังเกตเพลงแต่ละแนวแต่ละประเทศ และพบว่ามันมีสำเนียงที่แตกต่างกัน บรรยากาศไม่เหมือนกัน หรือคุณกำลังพยายามทำเพลงที่มีสำเนียงที่มีความเป็นชนชาติใดชาติหนึ่ง อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือเป็นสากล แต่กลับพบว่าหาวิธีไม่เจอ และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเพลงชาติเหล่านั้นถึงออกมามีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่เรากลับทำไม่ได้ ที่จริงแล้วมันมีปัจจัยอยู่ที่มีผลต่อการทำให้เกิดความรู้สึกว่าเพลงมีบรรยากาศยังไง สำเนียงแบบไหน ฟังดูเป็นเพลงที่มี Vibe แบบไหน
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความลับอะไรมากมาย มันเป็นเพียงทฤษฎีตามปกติที่มีคนคิดค้นมาก่อนเราแล้วเป็นร้อยเป็นพันปีตั้งแต่ยุคคลาสสิค เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เรียนการทำดนตรีแบบลึกซึ้งในระดับมหาวิทยาลัย จนเข้าใจไปถึงอณูความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากทุกๆตัวโน้ต ความรู้เหล่านี้บางทีเลยเลือนลางออกไปในยุคสมัยใหม่ บวกกับความเป็น Globalization ที่มากขึ้นในยุคปัจจุบันที่ดนตรีในโลกนี้มีความหลอมรวมและใกล้เคียงกันมากขึ้น
แท้จริงแล้วความรู้เหล่านี้มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นเครื่องมือหรือเป็นวัตถุดิบชั้นดี ที่จะมาช่วยเราในการ Design ตัวเพลงหรือดนตรี ให้ได้ตรงตาม Vibe หรือบรรยากาศที่เราต้องการให้มันเป็นจริงๆ ถ้าใครอยากรู้แล้วว่ามันคืออะไร เชิญอ่านต่อได้เลยครับ
อย่างแรกที่ง่ายที่สุด เสียงเครื่องดนตรีแต่ละเครื่องมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน และเมื่อเราเลือกนำมาใช้ในเพลงแตกต่างกัน บรรยากาศย่อมแตกต่างกันแน่นอนครับ อย่างเช่นว่า การเลือกเสียงเบส ถ้าเลือกเบสไฟฟ้า กับ เลือกเบส upright นี่จะให้อารมณ์คนละอย่างชัดเจนเลยนะครับ ทั้งๆที่เล่นโน้ตเดียวกัน การศึกษาแนวเพลงต่างๆ และประวัติศาสตร์ดนตรี จะช่วยเราให้เปิดกว้างในการเลือกใช้เครื่องดนตรีอย่างมาก รวมไปถึงการเรียนรู้เรื่องเสียงสังเคราะห์ หรือ Synthesizer ที่จะช่วยให้เราสามารถออกแบบเสียงสังเคราะห์ขึ้นมาได้เองให้ตรงกับใจเราต้องการได้อีกด้วย
ที่จริงแล้วบ่อยครั้งที่ผมเคยเห็นเพลงภาษาไทยนี่แหละ แต่ได้ Vibe แบบประเทศอื่น ฟังดูเหมือนเพลงสากล เพลงญี่ปุ่น ไม่แปลกครับที่จะบอกว่ามันเกี่ยวน้อย แต่จะว่าภาษาไม่เกี่ยวเลยก็คงจะไม่ได้ เพราะข้อจำกัดหรือลักษณะทางภาษาของหลายๆชาตินั้นไม่เหมือนกันและมีความเฉพาะตัวอยู่ ทำให้เกิด Vibe เฉพาะตัวได้เช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เกิด Vibe แบบไหนผมคิดว่าอยู่ที่ตรงนี้แหละ คือจริตหรืออารมณ์การร้อง เทคนิควิธีการร้องต่างๆ เช่นการเอื้อน การใช้เสียงลม การออกเสียงเต็มตะเบ็ง การออดอ้อนบีบเสี่ยง การแรพแบบต่างๆ ฯลฯ พวกนี้เป็นส่วนสำคัญที่มันมาพร้อมภาษา และทำให้เกิด Vibe ที่แตกต่างกัน เพลงบางเพลงเป็นภาษาเดียวกัน แต่คนๆนึงร้องฟังดูเป็นเพลงไทย อีกคนร้องฟังดูเป็นเพลงสำเนียงอินเตอร์ แบบนี้ก็มีครับ ฉะนั้นจริตการร้องที่ถูกออกแบบมาคือสิ่งที่มีผลมากกว่า
นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่เข้าใจไม่ยาก ตามปกติแล้ว โน้ตที่เล่นช้า เล่นไม่ถี่ เล่นเบา เล่นโน้ตตัวติดกันเป็น Step หรือเล่นแบบต่อเนื่องหรือ Legato พวกนี้จะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่าอยู่แล้ว แต่พอเปลี่ยนวิธีเล่นโน้ตให้มีความเร็ว เล่นถี่กว่า ซอยโน้ตมากกว่า เล่นหนักกว่า เล่นแบบ Staccato หรือโน้ตนั้นๆ เล่นกระโดดโน้ตหรือ Leap มากกว่า พวกนี้มักให้ความรู้สึกที่ตรงกันข้าม ไอเดียการเรียบเรียงดนตรีให้มีสีสันแตกต่างกันส่วนมากก็คิดจากลักษณะตัวโน้ตพวกนี้แหละครับ เป็นองค์ความรู้พื้นฐานที่จะช่วยให้เราถ่ายทอดอารมณ์ หรือ Vibe ที่เราคิดออกมาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกส่วนของดนตรี ไม่ว่าจะเป็น melody หลัก หรือในส่วนของรายละเอียดดนตรีต่างๆ
ลึกขึ้นมาอีกหน่อย สิ่งที่มีผลค่อนข้างมากเลย ก็คือ บันไดเสียง หรือ Scale หรือ Molde ที่เลือกใช้ จะเป็นตัวตัดสินสำเนียงเลย เพราะสเกลหรือโหมดคนละชนิดจะให้สำเนียงที่แตกต่างกันของเพลงอย่างชัดเจน บรรยากาศจะเปลี่ยนไปเลย แม้จะเป็น Composition , Arranging โดยรวมที่คล้ายกัน นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำไมเพลงต่างประเทศกับเพลงไทยฟังดูไม่เหมือนกัน เพราะที่จริงแล้วมันมีความนิยมในการใช้ mode อีกแบบหนึ่ง ซึ่งนอกเหนือไปจาก วิธีคิดตัวที่ 1 เป็นศูนย์กลาง แบบ Major Scale ปกติ
Chord Progression คือสิ่งที่หลายคนพอทราบดี ว่าการเลือกใช้ทางเดินคอร์ดที่แตกต่างกัน จะทำให้เกิดผลลัพธ์ทาง Vibe หรืออารมณ์ที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นเมโลดี้ set เดียวกันก็ตาม ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่คอร์ด I major กับ vi minor ก็ฟังดูต่างกันมากแล้ว แต่ทั้งสองคอร์ดมักใช้แทนกันได้ในเพลง ซึ่งจะให้อารมณ์ที่ตรงข้ามกันจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย
ส่วน Harmony ที่เป็นขั้น advance ขึ้น อาทิ คอร์ดแปลกๆ ต่างๆ ที่มาคู่กับโน้ตแปลกๆ หรือ tension ที่เพิ่มขึ้น พวกนี้จะทำให้เกิดสีสันใหม่ๆและอารมณ์ที่แตกต่างออกไปจากการเล่นอยู่แค่ 7 Chord ใน diatonic scale ปกติแน่นอน และเกิดทางเลือกใหม่ๆของ Vibe ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด บ้างทำให้รู้สึกยิ่งใหญ่อลังการ บ้างทำให้รู้สึกพิศวง ซึ่งยิ่งเราเรียนรู้ท่าของ Harmony พวกนี้มากเท่าไรจนแตกฉาน เราจะยิ่งมีวัตถุดิบกับเครื่องมือในการเอาไว้ออกแบบ Vibe ได้อย่างมากมายมหาศาล และมีชั้นเชิง
เรื่องสุดท้ายที่เป็นระดับ Advance และมีผลกับตัวเพลงค่อนข้างมาก แต่น้อยคนที่จะรู้ คือความสัมพันธ์ระหว่างตัวโน้ต ถ้าคุณได้เรียนวิชาที่เป็นเนื้อๆของดนตรีอย่าง Harmony ไปจนถึงระดับหนึ่ง และรู้เรื่องคู่เสียงที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างกันแล้ว พอไปในระดับสูงขึน ความรู้นี้จะต่อยอดไปเรียนต่อในวิชา Counter Point จะทำให้คุณเริ่มสังเกตว่า ทุกๆตัวโน้ตที่เปล่งเสียงอยู่ในเพลงมีระยะห่างเป็นขั้นคู่ และมีความสัมพันธ์กันอยู่ กล่าวง่ายๆคือ เมื่อเราใช้คอร์ดแบบนึงเอามาวาง แต่เลือกโน้ตเมโลดี้ที่จะมาลงตัวคอร์ดโทนเป็นคนละตัว กลับได้รับผลลัพธ์ทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน และมันมีผลกับ Vibe ของเพลงเช่นกัน อาทิเช่น เมื่อตัวตกเมโลดี้ เป็นคอร์ดโทน ตัวที่ 7,9 เพลงจะรู้สึก Jazzy หรือมีความคลุมเครือแต่ละมุนละไมมากกว่า เมโลดี้ที่ตกตัว 1 กับ 5 ของคอร์ด ที่จะเกิดความชัดเจน แต่ค่อนข้างรู้สึกแข็งกว่า เรื่องพวกนี้เป็นการโฟกัสศึกษาตัวโน้ตในระดับลึก และละเอียดละออกับทุกโน้ต ซึ่งทำให้เราละเอียดกับการทำเพลงหรือการเรียบเรียงดนตรี และสามารถประยุกต์ใช้ได้กับดนตรีทุกแนว โดยมากแล้วต้องเป็นผู้ที่เรียนไปถึงระดับ กลาง ถึง สูง ถึงจะเริ่มออกแบบ Vibe ในเพลง โดยคำนึงถึงเรื่องนี้ได้
หากใครที่สนใจเรื่องการออกแบบดนตรี ที่ให้ Vibe สำเนียงหรือบรรยากาศที่แตกต่างกันได้อย่างละเอียดลึกซึ้งแบบนี้ เรื่องทั้งหมดที่กล่าวไปมีสอนในหลักสูตร The Real Producer ตามรายวิชาต่อไปนี้
VCA201 Basic Music Designer , VCA303 Orchestration , VCA402 Music Genre Analysis , VCA403 Sound Design
VCA103 Creative Lyrics
VCA101 Basic Compose , VCA201 Basic Music Designer
VCA301 Basic Harmony , VCA302 Advance Harmony
VCA101 Basic Compose , VCA301 Basic Harmony , VCA302 Adv. Harmony , VCA401 Expert Jazz Harmony
VCA202 Adv. Music Designer , VCA302 Adv. Harmony
—————–
VERY CAT SOUND
Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
.
รับ demo คอร์สเรียนฟรี และข้อมูลหลักสูตรเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่
www.verycatsound.academy/funnel01
ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound
ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy