ต่อจากครั้งที่แล้วในเรื่อง ท่อน Solo คืออะไร มีที่มาจากไหน? ครั้งนี้เราจะมาเจาะกันถึง เทคนิคในการคิดท่อน solo ตามที่มีคนอยากรู้และถามเข้ามาใน youtube channel นะครับ ถ้าใครอยากรู้ที่มาที่ไปเรื่องท่อน solo คืออะไร และประวัติของมัน สามารถไปตามอ่านบทความที่แล้วก่อนได้ครับ
https://verycatsound.com/blog-solo/
การคิดท่อน Solo ที่จริงแล้วก็มีพื้นฐานการคิดที่เหมือนกับเมโลดี้ทั่วไปในเพลง นั่นคือเรื่องพื้นฐานอย่าง ต้องมี motif , ต้องเป็นประโยค , ต้องลง chord tone ในจังหวะสำคัญ เรื่องพวกนี้คือพื้นฐานที่สำคัญที่ควรจะทำให้เป็น และฝึกฝนจนชำนาญกับเมโลดี้เพลงโดยปกติซะก่อน ซึ่งหากใครยังไม่แน่น หรือทำไม่ได้ แนะนำให้ผ่านจุดนั้นมาก่อนนะครับ (หาศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความเก่าๆเกี่ยวกับเรื่อง เมโลดี้ที่ดี ต้องเป็นอย่างไร หรือเรียนรู้แบบละเอียดเต็มๆได้ที่วิชา VCA101 Basic Compose และ VCA102 Melody Development)
ทีนี้เมื่อเรามีพื้นฐานการคิด Melody โดยทั่วไปที่แน่นแล้ว Step ต่อไปคือมาพัฒนาท่อน Solo กัน โดยจะมีสิ่งที่แตกต่างกับ Melody ในท่อนปกติอยู่ และแตกแยกย่อยเป็นหัวข้อได้ดังนี้ (แนะนำให้เปิดดูในเวอร์ชั่น clip vdo จะมีสาธิตการคิดไว้ ซึ่งอาจทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่า)
อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนที่มา จุดประสงค์ตั้งต้นของการ solo คือการ “โชว์ลีลา” , “ปลดปล่อยศักยภาพทางตัวโน้ต” หรือนั่นคือการ “โชว์สกิล” ของนักดนตรีเครื่องนั้นๆนั่นเอง ฉะนั้นท่อน solo มักมีลักษณะที่มีความหวือหวาทางตัวโน้ตมากกว่าท่อนปกติ อาทิเช่น มีโน้ตกระโดด (leap) เยอะ มีโน้ตที่เล่นยาก โน้ตเยอะหรือเร็ว มีจังหวะของตัวโน้ตที่น่าสนใจ และมักจะต้องทำให้ดูมี dynamic ที่แตกต่างจากท่อนอื่นๆหรือมีความเข้มข้นกว่าแบบเห็นได้ชัด
ผู้ที่มีสกิลเครื่องดนตรียิ่งเก่งเท่าไร จะยิ่งได้เปรียบ เพราะสามารถด้นเพื่อออกแบบท่อน solo ที่ว่านี้ได้แบบหวือหวาได้ง่ายกว่า เรียกว่าโชว์ลีลากันได้เต็มที่ หลายๆอย่างที่ฝึกมา อาทิพวกลูก arppeggio , lick ต่างๆ บางทีจะออกมาเองกับการด้นตรงนี้ด้วย ฉะนั้นมันเลยกลายเป็นคาแรกเตอร์เฉพาะตัวของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เพราะใครฝึกอะไรมามาก มันก็จะผสมปนเปกลายเป็นลายมือโซโล่ของคนๆ นั้น
แต่หากใครที่ทำไม่ได้ ก็ต้องอาศัยลูกขยันค่อยๆ craft หรือประดิษฐ์ให้มันมีความหวือหวาได้เช่นกันครับ อาจจะใช้เวลามากกว่า แต่ทำได้เหมือนกัน อาจจะใช้พวกแพทเทิร์นของตัวโน้ตต่างๆ อาทิ arpeggio แบบต่างๆ เอามาปนอยู่ใน solo และค่อยๆเอาประกอบกันจนสมบูรณ์
ความนิยมอีกอย่างในท่อน solo คือมักมีการไล่ dynamic ของตัวโน้ต โดยอาจเป็นทั้งความดัง ความหนาแน่นของโน้ต หรือระดับเสียงของโน้ต ไปสู่จุดที่สูงขึ้นๆ จนถึงจุดสุดยอด ตอนท้ายสุด ก่อนจะผ่อนลงมาเพื่อเข้าสู่ท่อนร้องต่อไป มักมีจุดพีคที่สังเกตได้ชัดเจน
ลักษณะของตัวโน้ตที่เห็นได้บ่อยๆ ในท่อน solo ตรงจุดพีค จะสังเกตว่าโน้ตตอนพีคๆ เพื่อจบ หรือตัวสุดท้าย มักจะมีลักษณะลากยาว และมักจะมี approach หรือมีทิศทางที่เคลื่อนตัวมาลง chord tone หรือมักจะเป็นตัว tonic อยู่บ่อยๆ อันเป็นการบอกกลายๆว่า ท่อน solo ได้คลี่คลายและจบลงแล้วนะ
ในการคิด Melody ท่อนปกติ จะเน้นการแบ่งประโยค กล่าวคือ มักเป็นประโยคที่ไม่สั้น หลายๆประโยค แต่ท่อน solo เป็นข้อยกเว้น มันเป็นไปได้ว่า เมื่อไรที่กำลังสร้างความรู้สึกหวือหวา หรือค่อยๆดันความรู้สึกให้พีคขึ้น บางทีจะเป็นประโยคที่ติดๆกันยาวๆ ไม่ใช่ประโยคสั้นๆแบบปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะมีเค้าโครงที่เป็นประโยคบ้างอยู่ดี อย่างน้อยๆก็ในตอนต้น หรือช่วงที่ยังไม่พีค
เราสามารถกำกับอารมณ์ของท่อน solo ได้ด้วยการใช้คอร์ด โดยถ้าอยากให้อารมณ์ไม่แตกต่างจากท่อนปกติมากนัก อาจนำคอร์ดจากท่อนไหนก็ได้มาใช้เลย อาทิเช่น อาจจะใช้คอร์ดเหมือนท่อน verse หรือ hook ก็เป็นแนวคิดที่ง่ายดี แต่อีกทางเลือกคือเราอาจจะออกแบบคอร์ดเซตใหม่เพื่อเพิ่มความหวือหวาหรือสร้างอารมณ์ใหม่ๆให้เกิดขึ้นได้อีก โดยการเปลี่ยนคอร์ด โดยคิดใหม่ทั้งเซตเลยก็ได้ เทคนิคที่เห็นได้บ่อยๆคือ บางครั้งเปลี่ยนอารมณ์ไปสิ้นเชิงด้วยการใช้คอร์ดยืม (Borrow Chord) หรือมีการเปลี่ยนคีย์ (Key Modulation) หรือใช้เป็น Mode ไปเลย เพื่อซาวด์ที่แปลกใหม่ไปจากท่อนอื่นๆในเพลง และรู้สึกหวือหวาขึ้นอีก
ท่อน Solo นั้นไม่ได้จำเป็นว่าต้องเป็นเครื่องดนตรีเดียว มันสามารถพลิกแพลงได้สารพัด อาทิเช่น เล่นด้วยเครื่องดนตรีสองชิ้น สลับกัน หรือแบ่งกัน ครึ่งแรกกับครึ่งหลัง หรือสามารถให้เครื่องหนึ่งเล่นเป็นตัวหลัก อีกตัวเล่นเป็นไลน์ประสาน หรือ Counter Melody หรือทำหน้าที่สลับกันในบางช่วงก็ยังได้
ใน Part ของ Accompany หรือเครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆที่เล่นเป็น background ให้กับเครื่อง solo ก็สามารถวาดลีลาได้เช่นกัน เช่นเปลี่ยนลีลาการเล่น เปลี่ยนวิธีตีคอร์ด เพิ่มไลน์ประสาน ฯลฯ ได้อีกสารพัด เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้ท่อนมากเข้าไปอีก ตราบใดที่ยังทำหน้าที่เดิมคือการสนับสนุน และไม่ได้ไปแย่งหน้าที่ Solo หรือ Melody หลัก กับเครื่องดนตรีตัวเด่นในเวลานั้นๆ
ที่กล่าวไปห้าข้อเป็นเพียงแนวทางที่พบได้ในท่อน solo โดยส่วนใหญ่ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้ตายตัวว่าท่อน solo มันต้องเป็นยังไง มีเพลงบางเพลงที่ออกแบบท่อน solo มาเป็นพิเศษ เช่นบางที เรียบง่ายกว่าที่คิดมาก เพื่อตอบโจทย์เพลงนั้นๆที่ต้องการสื่อสารถึงความเรียบง่าย ความ minimalism บางทีแล้ว การเล่นที่เรียบง่าย เล่นน้อย การไม่เล่น หรือการเงียบ มันก็ถือเป็นการออกแบบอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวคิดของ Composer , Arranger ทั้งสิ้น ว่าต้องการใช้ท่อน solo นี้สื่อสารอะไร และสิ่งนั้นอาจเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง คือมีการออกกแบบพิเศษ ที่แตกต่างไปจากขนบเดิมๆของท่อน solo ก็เป็นไปได้
ขออภัยหากมีศัพท์เทคนิคมากจนไม่เข้าใจเนื้อหา สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเนื้อหาเก่าๆของเรา หรือเรียนรู้อย่างละเอียดได้ในหลักสูตร The Real Producer สนใจติดต่อ admin ได้ครับ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ หากใครอยากให้ทำคลิปหรือเนื้อหาหัวข้อแบบไหนอีก สามารถขอกันเข้ามาได้ ทาง Comment พูดคุยกันได้ด้านล่างเลยนะครับ ขอบคุณครับ
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :