เรียนทำเพลง แนะนำขั้นต้น

แนะแนวทางเรียนทำเพลงด้วยตัวเอง ระดับขั้นต้น

Share via:

Krissaka Tankritwong

อยากเป็น Producer มืออาชีพ ต้องเรียนอะไร

หลายๆคนที่มีความฝันอยากเป็น Producer และจริงจังกับมันจนอยากทำเป็นอาชีพ แต่อาจจะไม่รู้มาก่อนว่า ต้องเรียนรู้อะไรบ้างถึงจะไปถึงจุดนั้นได้ แน่นอนว่า ทางตรงที่สุดก็คือการไปเรียนอย่างจริงจัง ถูกต้องตามหลักการ ซึ่งก็มีสอนกันถึงระดับมหาวิทยาลัย คณะดนตรี เลือกสายที่ตรงกับความสนใจ ก็จะมีเซตของความรู้ที่ทางหลักสูตรของสถาบันนั้นๆจัดมาให้แล้ว คัดกรองและคิดมาให้แล้วว่า วิชาใดบ้างที่จำเป็นกับการเรียนรู้เพื่อไปสู่อาชีพนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้เรียนดนตรีในรูปแบบ Academic แบบในมหาวิทยาลัย จึงมีหลายคนที่พยายามหาทางเลือกสำหรับการเรียนรู้เอง หรือเรียนรู้จากคอร์สหรือสถาบันนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งโดยมากแล้วมักจะเจอปัญหาที่เหมือนๆกันคือ

ปัญหาของการเรียนทำเพลงด้วยตัวเอง

– ไม่สามารถเรียงลำดับความรู้ได้ว่า อะไรต้องเรียนก่อนหลัง จับต้นชนปลายความรู้ที่มีอยู่กระจัดกระจายไม่ถูก
– ความรู้ส่วนใหญ่ที่อยู่ใน internet ทั้งที่เป็นของฟรี และที่ราคาไม่แพง ล้วนเป็นความรู้พื้นฐานที่หาไม่ยาก มากกว่าจะเป็นระดับลึก ทำให้คุณไม่สามารถพ้นจากระดับ Basic ไปสู่ขั้น Advance หรือ Expert ได้ซะที
– ความรู้บางอย่างต้องมีคนอธิบายและชี้แนะ เป็นการยากที่จะเข้าใจเมื่อเรียนเอง โดยเฉพาะเรื่องทฤษฎีดนตรีลึกๆต่างๆ
– คุณขาดเพื่อนร่วมทาง ในการเรียนในสถาบันโดยปกติแล้วคุณจะมีเพื่อนที่สนใจอะไรแบบเดียวกัน มีความฝันแบบเดียวกัน ทำให้เกิดสังคมที่ช่วยเหลือประคับประคองกันเมื่อมีปัญหา หรือเป็นแรงกระตุ้นให้กันและกันเพื่อให้ไปสู่ความฝันนั้นได้

บางข้อมันอาจจะแก้ไขยาก หรือไม่สามารถทดแทนการเรียนในสถาบันได้ แต่อย่างน้อยๆ ข้อแรกที่เป็นลำดับการเรียนรู้ เป็นสิ่งที่เราคิดว่า อย่างน้อยสิ่งนี้เราก็สามารถแนะนำเป็นแนวทางได้ สำหรับผู้ที่มีความพยายามจะไขว่คว้ามันด้วยตัวเอง

ในฐานะที่ผมก็เคยผ่านการดิ้นรนไขว่คว้าด้วยตัวเองมาก่อน จนเข้าใจปัญหาของการเรียนทำเพลงที่คนส่วนใหญ่เจอกันอยู่ ก่อนที่ผมจะได้ไปเรียนจนแตกฉาน จึงอยากจะมาแบ่งปันลำดับของการเรียนรู้เรื่องของการทำเพลงทั้งหมด ที่จำเป็นต่อการเป็น Producer มืออาชีพ ตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 100 ระดับโปรนะครับ

ขั้นตอนการเรียนรู้เรียงตามลำดับ

1. คุณควรพอเล่นดนตรีหรือร้องเพลงได้ก่อน

ถ้าคุณทำไม่ได้ทั้งสองอย่างนี้เลย คุณก็ไม่น่าจะมาสนใจการเป็นโปรดิวเซอร์จริงไหมครับ? ถ้าใครยังร้องเพลงหรือเล่นดนตรีไม่เป็น ไปเรียนสิ่งนี้ก่อนนะครับ การเล่นหรือร้องเพลงได้ จะเป็นการสะสมชั่วโมงบินความคุ้นเคยกับดนตรี เป็นการวางรากฐานเรื่อง ear training โดยที่เราไม่รู้ตัวครับ ไม่ต้องถึงขนาดร้องดีมาก หรือเล่นเก่งมากก็ได้ครับ แค่พอเล่นได้ประมาณนึง บางคนอาจจะกังวลว่าแค่ร้องเพลงได้ แต่เล่นดนตรีไม่เป็นจะทำเพลงได้เหรอ ที่จริงแล้วถ้าร้องเพลงพอได้ ไม่ได้เพี้ยนเยอะอะไรมาก มันเป็นตัวบ่งบอกแล้วครับว่า หูคุณโอเค และคุณสามารถแยกแยะและเลียนแบบ Pitch หรือระดับเสียงตัวโน้ตแต่ละตัวได้ เท่านั้นก็เพียงพอต่อการเริ่มต้นทำเพลงครับ

2. ฝึกเล่น Keyboard

ถ้าอยากไปได้ยาวๆกับการทำเพลง คุณควรฝึกเล่นเครื่องดนตรีประเภท Keyboard / Piano ไว้ด้วย เพราะเป็นเครื่องดนตรีที่เอื้ออำนวยต่อการทำเพลงเป็น Composer , Producer ที่สุดแล้วครับ เอาแบบง่ายๆก็พอครับ พอเล่นมือซ้ายคอร์ด มือขวาเมโลดี้ พอได้ ยังไม่จำเป็นต้องเก่งมาก

3. เริ่มศึกษาการแต่งเพลง

การทำ Song Writing หรือการแต่งเพลงง่ายๆ เนื้อร้อง-ทำนอง โดยแค่เล่นกีตาร์ตัวเดียว หรือเปียโนตัวเดียว ประกอบ แล้วร้องทำนองพร้อมเนื้อไปด้วย นั่นคือขั้นแรกของการเข้าสู่การทำเพลงครับ เพลงที่คุณแต่งตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องดี แต่ขอให้แต่งจบเพลงออกมาได้ก่อนครับ เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของเพลง

4. เริ่มศึกษาการใช้โปรแกรมทำเพลง

เมื่อเราเริ่มๆจะแต่งเพลงได้ การทำงานในปัจจุบันนี้คุณควรใช้ UI ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสมัยก่อน ฉะนั้นโปรแกรมทำเพลงหรือ DAWs เป็นสิ่งที่สะดวกกว่าบรรทัดห้าเส้นแน่นอน ให้คุณศึกษาการใช้เครื่องมือเหล่านี้ไว้ และเริ่มๆฝึกหัดทำ บันทึกเพลงที่ตัวเองแต่งลงไปในนั้น และเริ่มใช้มันเป็นสื่อกลางในการทำเพลง หรือเรียนรู้ต่อจากนี้ สามารถอัดเสียงง่ายๆ ใส่โน้ตง่ายๆลงในโปรแกรมได้

5. เริ่มศึกษาการทำดนตรีแบบง่ายๆ

เมื่อแต่งเพลงได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการทำดนตรี หรือการเรียบเรียงดนตรีให้กับตัวเพลงของเรา คือการใส่เครื่องดนตรีทั้งหมด ที่จะทำให้เพลงสมบูรณ์ อาทิ กีตาร์ กลอง เบส คีย์บอร์ด โดยใช้โปรแกรมที่เราใช้เป็นแล้วข้างต้นเป็นสื่อกลาง ลองศึกษาวิธีเรียบเรียงเพลง หรือ Music Arragning ดู อย่างที่บอกว่า ยังไม่จำเป็นต้องดีมากก็ได้ ขอแค่ได้ระดับ พอทำได้จบเพลงก่อน

6. เริ่มศึกษาการมิกซ์เสียง เพื่อจบกระบวนการทำงานแบบง่ายๆได้

กระบวนการนี้คือสิ่งที่เรียกว่า Music Production หรือคือสิ่งที่ Sound Engineer เค้าทำกัน นั่นคือการ Record , Edit , Mix , Master คุณควรเรียนรู้ทุกขั้นตอนแบบพื้นฐาน ให้พอสามารถทำเพลงของตัวเองจบกระบวนการได้ ยังไม่ต้องดีมากก็ได้ครับ ขอแค่ให้ได้ทำจบเพลงก่อน

*ขอเน้นย้ำว่า ขั้นที่ 3-6 ไม่ควรเรียนข้ามขั้นนะครับ การมาเรียน Mix,Master เลย โดยที่ไม่ได้ผ่านการเรียนแต่งเพลง หรือเรียบเรียงดนตรีมา มันจะกลายเป็นไม่ได้ประโยชน์ แล้วต้องเสียเวลาเรียนใหม่อยู่ดี คุณควรแต่งเพลงและทำดนตรีพอได้ซะก่อนที่จะมาเรียน Mix, Master นะครับ

แตกเส้นทางออกเป็น 4 สายที่ต้องเลือก

เมื่อจบขั้นที่ 6 มาถึงตรงนี้ คุณจะมีความรู้พื้นฐานหมดทั้งสามกระบวนการแล้ว นั่นคือ Compose – Arrange – Mix และคุณสามารถทำเพลงทำดนตรีเป็นงานอดิเรกได้ และยังมีความรู้พื้นฐานมากพอที่จะต่อยอดไปยังระดับสูง โดยคุณจะมองเห็นภาพรวมของการทำเพลงแบบพื้นฐานคร่าวๆแล้วทั้งกระบวนการ และคงรู้แล้วว่าทั้งสามขั้นตอนนี้ ใช้ความรู้ความชำนาญคนละอย่างกัน และคุณก็อาจจะชอบหรือถนัดบางอย่าง ไม่ถนัดบางอย่าง คุณสามารถเลือกเส้นทางของคุณแตกออกไปได้อีก 4 เส้น ซึ่งจะมาถึงจุดที่คุณควรเลือก หรือตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ คุณอยากเป็นอะไร หรืออยากศึกษาด้านไหนในระดับที่สูงขึ้น มี guide line ดังนี้ครับ

ถ้าคุณต้องการเป็น Song Writer หรือนักเขียนเพลง เนื้อร้อง-ทำนอง มืออาชีพ

ยินดีด้วยถ้าคุณมีเป้าหมายนี้ เพราะใช้เวลาเรียนรู้น้อยที่สุด และค่าใช้จ่ายถูกที่สุด สิ่งที่รอคุณอยู่ไม่ใช่ ชม. การเรียนที่มากมาย และไม่ได้ต้องการอุปกรณ์ราคาแพงอะไรมาก คุณต้องฝึกแต่งเพลงเยอะๆ เพิ่มชั่วโมงบินให้กับตัวเอง ประสบการณ์สำคัญที่สุด ขัดเกลาการเขียนของตัวเองไปเรื่อยๆจนฝีมือแหลมคม ถ้าคุณอยากศึกษาต่อเรื่องเนื้อเพลงเพื่อให้เหนือชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ คุณอาจหาเรียนคอร์สเล็กๆ ที่มีนักแต่งเพลงหรือศิลปินคนโปรดของคุณเปิด เพื่อศึกษาลายมือของคนนั้นๆ หรือถ้าคุณอยากแต่งเพลงที่มีทำนอง คอร์ด และเมโลดี้ที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น คุณอาจเพิ่มเติมสกิลโดยการเรียน ทฤษฎีดนตรีในระดับกลางถึงสูงขึ้น หรือวิชา Harmony เพื่อเรียนรู้การเรียบเรียงเสียงประสานตัวโน้ตกับคอร์ดเพิ่มขึ้น

ถ้าคุณต้องการเป็น Music Arranger หรือนักทำดนตรีมืออาชีพ

หนทางที่รอคุณอยู่จะค่อนข้างต้องใช้เวลาเรียนมากซักหน่อย เพราะคุณต้องศึกษาเรื่องดนตรีอย่างลึก ซึ่งมันลึกมากจริงๆ ทั้งทฤษฎีและปฎิบัติ เนื้อหามีระดับเยอะมาก กว่าจะแตกฉานทั้งหมด ลำพังแค่คอร์สระดับเบสิคที่หาเรียนได้ง่ายๆ จะไม่เพียงพอแล้ว การจะทำดนตรีได้ทุกระดับความยาก และทุกแนว อาจกินเวลาศึกษาอีก 1-2 ปี เป็นอย่างต่ำ ซึ่งก็ต้องมีค่าเรียนที่สูงมากขึ้นตามและค่อนข้างหาเรียนได้ยาก เมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าคุณจะเอาดีทางนี้ อาจจะเป็นจุดที่คุณตัดสินใจเข้าเรียนมหาวิทยาลัยคณะดนตรีไปเลยก็เป็นได้

ถ้าคุณต้องการเป็น Sound Engineer มืออาชีพ

หนทางที่รอคุณอยู่ จะค่อนข้างใช้เงินเยอะในเชิงอุปกรณ์ มีเรื่องให้คุณเรียนอีกมากประมาณนึง แต่คุณสามารถหาเรียนได้หลากหลายช่องทาง ทั้งทางออนไลน์ หรือออฟไลน์ตามสถาบันหรือห้องอัดที่รับสอน Sound Engineer ต่างๆ ความยากจะอยู่ที่ประสบการณ์ โดยเฉพาะประสบการณ์การฟัง ซึ่งคุณต้องคลุกคลีอยู่กับอุปกรณ์ราคาแพง และเสียงที่มีคุณภาพสูง อยู่ค่อนข้างใช้เวลานานจนชิน ถึงจะพัฒนาให้หูตัวเองสามารถแยกแยะคุณภาพเสียงที่ดีกับไม่ดีได้ นอกจากนี้ก็ยังต้องฝึกกับงานจริงบ่อยๆ ในการ Record , Edit , Mix , Master เพิ่มชั่วโมงบินให้กับตัวเอง ทั้งยังต้องมีทุนทรัพย์ในการซื้ออุปกรณ์เรื่องเสียงที่มีมาตรฐาน ซึ่งมักมีราคาแพงแทบไม่สิ้นสุด

ถ้าคุณต้องการเป็น Producer มืออาชีพ หรือ Composer สายต่างๆ
อาทิ สายทำดนตรีประกอบภาพยนตร์, สายทำเพลงเกม , เพลงประกอบโฆษณา

ถ้าเป็นไปได้คุณควรศึกษาทั้งหมดที่กล่าวไป ซึ่งแน่นอน ใช้เวลาเรียนรู้และงบประมาณที่ค่อนข้างมาก แต่สิ่งที่ควรเน้นคือ ส่วนของ Music Arranging เพราะเป็นงานหลักที่คุณต้องทำ และยังใช้เวลาเรียนค่อนข้างนานที่สุด กว่าจะแตกฉาน ในขณะเดียวกัน เรื่อง Song Writing หรือ Sound Engineer คุณก็ทื้งไม่ได้ ควรมีความรู้เพียงพอต่อการทำงานทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวได้ แม้คุณจะไม่ได้ถนัดมันทั้งหมด แต่ในการทำงานจริง ไม่ใช่ทุกงานที่คุณจะมีทีมที่สามารถแบ่งงานเป็นส่วนๆให้แต่ละคนทำได้ และคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ Producer ควรมี ก็คือ การเคยผ่านงานทุกกระบวนการมาหมดแล้ว จึงสามารถมองภาพรวมและควบคุมคุณภาพการผลิตทุกส่วนได้ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนใครที่อยากเป็น Composer สายดนตรีประกอบ ที่จริงแล้วก็มีเรื่องที่ต้องเรียนเยอะไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะต้องเรียนรู้จักรวาลของการทำดนตรีทุกชนิดอย่างแตกฉานแล้ว ยังต้องเรียนรู้ภาคประยุกต์การนำไปใช้จริงกับการทำดนตรีประกอบแขนงต่างๆ ซึ่งเป็นศาสตร์เฉพาะของมันอีก บางคนอาจจะคิดว่ามันไม่น่าจะยากขนาดนั้น แต่ในการทำงานจริงคุณเลือกโจทย์ไม่ได้อย่างที่ผมบอก และงานประเภทดนตรีประกอบส่วนใหญ่แล้ว เกิน 60-70% ที่ดนตรีมักมีส่วนผสมของความเป็น Orchestra เข้ามา ทำให้ความรู้ทางดนตรีที่ไม่สูงพอขนาดจะทำดนตรีแบบ Orchestra ได้ ไม่สามารถตอบโจทย์การทำอาชีพนี้ได้

สำหรับใครที่อยากรู้ว่า พอพ้นการเรียนรู้ขั้นต้นไปแล้ว และได้เลือกสายตัวเองไปแล้ว ถ้าคุณยังแน่วแน่ว่าอยากเป็นโปรดิวเซอร์มืออาชีพให้ได้ ครั้งหน้าเราจะมา “แนะแนวทางการเรียนทำเพลงด้วยตัวเอง ขั้นสูง” กันต่อในอาทิตย์หน้านะครับ

ข่าวดีสำหรับผู้แสวงหาสิ่งนี้
ทุกอย่างที่กล่าวไปหาเรียนได้ในหลักสูตร The Real Producer

สำหรับผู้สนใจที่อยากหาเรียนทุกขั้นตอนที่กล่าวไปทั้งหมด มีสอนในหลักสูตร “The Real Producer” (0-100 สู่อาชีพโปรดิวเซอร์) ของทาง VERYCATSOUND
สอนทุกกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้น จนจบเป็นโปรดิวเซอร์มืออาชีพ นี่ไม่ใช่คอร์สทางลัดแบบสั้นๆจบแต่ได้แค่พอทำได้ แต่เป็นทางตรงให้กับผู้ที่รู้แล้วว่าดนตรีไม่มีทางลัด อยากเก่งมีแต่ต้องทุ่มเท เหมาะกับผู้ที่จริงจัง

สนใจติดต่อ line ID : @verycatacademy


The Real Producer
REAL / DEEP / EXCLUSIVE

หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream

เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ

หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link

http://mkt.verycatsound.academy/mf2

——————

Contact

Line ID :

  • เรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy
  • เรื่องจ้างทำเพลง @verycatsound

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.