มีนักเรียนในคลาส The Real Producer บางคนถามผมในคลาสเกี่ยวกับเรื่องการเข้าห้องอัด แล้วบอกว่ากลัวเสียค่าห้องอัดเป็นหมื่น
ผมฟังแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่า เฮ้ย สมัยก่อนเราก็เคยเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกันนี่หว่า ตอนยังไม่ประสีประสาการทำเพลงมากนัก
มันเป็นปัญหาคลาสสิกอย่างหนึ่งของคนทำวงเลย คือ การไม่เรียบเรียงดนตรีมาให้ชัวร์ ให้ดีพอ ก่อนเข้าห้องอัด
สิ่งที่วงดนตรีมือใหม่มักชอบทำ คือ การเล่นแจมกันในห้องซ้อม แล้วอัดไว้แค่คร่าวๆ แต่ไม่ได้คิดทุกไลน์มาอย่างดี ไม่ได้ทำการบันทึกไว้เป็น demo ใน DAWs
ประกอบกับการไม่ละเอียดกับตัวโน้ต คิดว่า เดี๋ยวด้นสดๆเอาเลย ตามฟีล ผลคือ เมื่อถึงวันที่เข้าห้องอัด มือกีตาร์เล่นไม่เหมือนเดิม แล้วบางทีก็ไม่ชัวร์ว่าจะเล่นแบบไหนกันแน่
เลยใช้เวลาอัดเฉพาะกีตาร์ไปหลายชั่วโมง แล้วไม่ได้วางแผนลำดับการอัดไว้ดีๆว่าเครื่องไหนต้องอัดก่อนหลัง เอาตามสะดวกกันตามสบาย พอคนต่อมาคือมือเบส มือเบสเล่นก็ไม่เหมือนเดิม
แล้วมีบางโน้ตที่ไปขัดกับกีตาร์ ฟังออกมาดูไม่ดี เลยต้องไปเปลี่ยนไลน์ กว่าจะคิดเปลี่ยนไลน์กันได้ ใช้เวลาไปอีกหลายชั่วโมง สรุปกว่าจะอัดเสร็จหมดไปเป็นหมื่นอย่างที่ว่า เข้าของห้องอัดก็ยิ้มสิครับ
ที่จริงมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลยครับ ปัญหาคือ คุณไม่ได้เรียบเรียงดนตรีจนเสร็จก่อนจะมาเข้าห้องอัด วิธีการทำงานที่ถูกต้องคือ
– คุณต้องเรียบเรียงเพลงมาอย่างดี และชัวร์แล้ว ว่าจะเล่นโน้ตไหนยังไง ทั้งเพลง และไม่เปลี่ยนอีกแล้ว ถึงจะพร้อมมาอัด
– สมาชิกทุกคนต้องซ้อมมาอย่างดี ไม่ควรมีเล่นโน้ตผิดแล้ว หรือผิดก็ผิดไม่เยอะ ไม่ต้องหลาย take มากเกินไป
– คุณควรใช้เวลาในห้องอัดให้น้อยที่สุด ฉับไว แต่มีคุณภาพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด
-ถ้าในกรณีผู้อัดไม่เชี่ยวชาญมาก เช่นนักร้องที่ไม่ได้สกิลสูง ควรใช้เวลาในห้องอัดอย่างมากสุดไม่เกิน 3 ชม. ถ้ายังอัดไม่เสร็จใน 3 ชม. ควรแบ่งให้มาอัดวันอื่นต่อ เพราะไม่งั้นเสียงจะล้า
เมื่อการทำเพลงมาถึงขั้นการบันทึกเสียง ที่ถูกต้องแล้วคือ คุณต้องเรียบเรียงดนตรีเสร็จมาหมดแล้ว ชัวร์หมดแล้วว่าชอบ ทำเป็น demo ที่พอฟังได้มา ตัดสินใจหมดแล้ว ทั้งวงเคาะกันมาแล้วว่าผ่าน ไม่ควรเปลี่ยนโน้ตกลางคันระหว่างอัด เพราะอาจทำให้ภาพรวมเปลี่ยนหมด หน้าที่ในตอนอัดคือเล่นหรือร้องให้ดีที่สุด เพื่อหา take ที่ได้อารมณ์ที่สุด เพื่อเป็น source ที่ดีที่สุดสำหรับให้ sound engineer มามิกซ์ในโปรเจคต่อ การที่คุณใช้เวลาในห้องอัดไปกับการมานั่งหาว่าจะเปลี่ยนไปเล่นแบบไหนดี โน้ตไหนดี ถึงจะเข้ากัน มันไม่ใช่แล้ว ในห้องอัดไม่ใช่เวลาสำหรับงานดีไซน์ตัวโน้ต คุณกำลังเผาเงินอยู่ด้วยอัตราวินาทีละ 1-3 บาท
ปัญหาคลาสสิกนี้เคยเจอกันมาหมดแหละครับสำหรับวงดนตรีหน้าใหม่ ที่เริ่มทำเพลงของตัวเอง ผมยังเคยเป็นมาเลย
1. หาบ้านใครสักคนเป็นฐานทัพในการทำเพลง หา Computer , DAWs อุปกรณ์ต่างๆมาลงให้เรียบร้อย
2. พอคุณเริ่มๆร่างเพลงขึ้นมา ไม่ว่าจะจากวิธีไหนก็ตาม ให้มาทำ demo โครงเพลงนั้นบน DAWs
3. ไลน์ดนตรีทุกไลน์ต้องถูกคิดและใส่โน้ตบน DAWs ครบหมด ฟังออกมาทุกคนพอใจแล้ว อาจจะทำคนเดียวหรือช่วยกันทำหลายๆคนก็ได้ คุณอาจจะมีทั้งไลน์ที่ทำด้วย midi และไลน์ที่อัดด้วยเครื่องดนตรีจริงอย่างกีตาร์ เบส อัดต่อตรงเข้าไปใน DAWs เลยก็ได้ครับ
4. เรียบเรียงดนตรี ปรับแก้จนพอใจจนได้ Final Demo ที่พร้อมสำหรับการอัดออกมา ถึงเริ่มไปเข้าห้องอัดครับ
ถ้าคุณต้องเสียเงินเป็นหมื่น ที่จริงแล้วเอาเงินจำนวนนี้มาเรียนเรียบเรียงดนตรียังคุ้มกว่าอีกเยอะ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย สู้เรียนเรียบเรียงดนตรีให้ดีๆไปเลยทีเดียว แล้วทำจบใน DAWs ก่อนชัวร์ๆ ค่อยไปอัด เรียนทีเดียวใช้ได้ตลอดไป ประหยัดค่าห้องอัดอีกไม่รู้เท่าไร เพราะทำเพลงๆนึงถ้าเรียบเรียงไม่ดี ก็หมดเป็นหมื่นละครับ
ข้อดีของการเรียนเรียงดนตรี วิชา Music Designer
– คิดไลน์ดนตรีเองเป็นทุกชิ้น สะดวก ประหยัดเวลาหาคนมาช่วย
– ชัวร์มากขึ้น เวลาจะเลือกว่าโน้ตไหนถูกหรือผิด หรือสมควรไม่สมควร
– ช่วยเพื่อนในวงปรับเมโลดี้ที่เหมาะสม และเข้ากับเพลงได้มากขึ้น
– เพิ่มขีดจำกัดในการทำดนตรี ให้สามารถทำได้หลากหลายแนวมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นถ้าใครสนใจหลักสูตร The Real Producer ของเราก็มีการสอนเรียบเรียง และพื้นฐานต่างๆอีกมากมายที่จำเป็นมารวมไว้ที่เดียวแล้วถ้าหากคุณอยากทำ demo และไม่เสียค่าอะไรต่างๆเพิ่ม สามารถติดต่อเราได้ที่ช่องทางติดต่อด้านล่างเลยครับ
หวังว่าจะช่วยเป็นแนวทางให้หลายๆวงที่เริ่มตามความฝันอยู่ได้นะครับ
[ บทความจากเว็บไซต์ https://verycatsound.com/blog-Bad-Arrangement ]
VERY CAT SOUND
Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
อ่านบทความเก่าๆได้ในเว็บ
ติดต่อจ้างทำเพลง Line @verycatsound
ติดต่อเรื่องเรียนทำเพลง @verycatacademy