หลายคนอาจเคยได้ยินสิ่งนี้อยู่บ้างจากวิชาทฤษฎีดนตรี คือคำว่า ขั้นคู่
แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจว่ามันเอาไว้ทำอะไร จะรู้ไปทำไม วันนี้เราจะมาแบ่งปันกันครับ
บทความนี้มีศัพท์เฉพาะทางดนตรีอยู่มาก ผมไม่สามารถอธิบายทั้งหมดในพื้นที่เล็กๆได้
ใครไม่เข้าใจหรือสนใจรบกวนศึกษาเพิ่มเติมเอานะครับ
(และเราก็มีบทความเกี่ยวกับ Key และ Scale อธิบายไว้ด้วยว่าคืออะไร สามารถกดเข้าไปดูได้เลยครับ)
ขอเกริ่นคร่าวๆ ก่อนสำหรับผู้ที่ไม่เคยได้ยินคำว่าขั้นคู่มาก่อน มันคือเสียงสองเสียงที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เช่น
C กับ C = คู่ 1 Major (มันตัวเดียวกัน)
C กับ D = คู่ 2 Major (ห่างกัน 2 semitones)
C กับ E = คู่ 3 Major (ห่างกัน 4 semitones)
C กับ F = คู่ 4 Perfect (ห่างกัน 5 semitones)
C กับ G = คู่ 5 Perfect (ห่างกัน 7 semitones)
C กับ A = คู่ 6 Major (ห่างกัน 9 semitones)
C กับ B = คู่ 7 Major (ห่างกัน 11 semitones)
C กับ C Octave บน = คู่ 8 (เป็นตัวเดียวกับคู่ 1 โดยห่างกัน 12 semitones)
นอกจากนี้
คู่ Major ถ้าลดความห่างลงไปครึ่งเสียง จะกลายเป็นคู่ Minor
คู่ Minor ถ้าลดความห่างลงไปครึ่งเสียง จะกลายเป็นคู่ Diminished
คู่ Major ถ้าเพิ่มความห่างลงไปครึ่งเสียง จะกลายเป็นคู่ Augmented
คู่ Perfect ถ้าลดความห่างลงไปครึ่งเสียง จะกลายเป็นคู่ Diminished
คู่ Perfect ถ้าเพิ่มความห่างลงไปครึ่งเสียง จะกลายเป็นคู่ Augmented
และแต่ละคู่เสียงที่เกิดขึ้น จะมีให้อารมณ์ที่มีคาแรกเตอร์ของซาวด์ที่แตกต่างกัน
ว่าด้วยในการสร้าง harmony หรือเสียงประสานของดนตรี จะมีเนื้อหาให้เรียนมากมายตั้งแต่ขั้นต้นไปถึงระดับสูงที่จะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพูดง่ายๆว่าในระดับเบื้องต้นนั้น harmony มันก็คือ chord นั่นแหละครับ
เคยสังเกตไหมว่า chord นี่แหละที่เป็นตัวกำหนด vibe หรือบรรยากาศ หรือสำเนียงของเพลงๆนั้น การเลือกคอร์ด การเรียงคอร์ด การจัดการกับ harmony ทุกๆอย่างมีผลต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเพลงทุกอณู
ซึ่งถ้าเรามาดูส่วนประกอบของ chord แต่ละคอร์ดที่เกิดขึ้น จะพบว่าเกิดจากการผสมกันของขั้นคู่จำนวนมากนั่นเอง
คอร์ด C Major จะเกิดขั้นคู่ 3 คู่
คู่แรกคือ C-E (เป็นคู่ 3 Major)
คู่ที่สองคือ E-G (เป็นคู่ 3 Minor)
คู่ที่สามคือ C-G (เป็นคู่ 5 Perfect)
ซึ่งผลรวมของมันทำให้เกิดคอร์ด C Major และมี vibe ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบที่เราได้ฟังกัน
ตอนที่เราฟังคอร์ด เราอาจจะรู้สึกได้ถึง vibe ที่เป็นภาษาสากล อาทิเช่น รู้สึกว่า Major สว่าง Minor หม่น และมักเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้สึกเห็นตรงกัน 90%
ที่จริงแล้ว ขั้นคู่ก็มีความรู้สึกที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับคอร์ด
ซึ่งอาจจะสรุปได้ว่า ขั้นคู่คือ
อณูที่เล็กที่สุดของHarmony
ถ้าเราฟังโน้ตตัวเดียวโดดๆ เราอาจจะไม่รู้สึกถึงอารมณ์ของมันชัดเจน แต่พอเริ่มฟังโน้ตที่เป็นคู่ เราจะเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างเกิดขึ้น
นั่นเท่ากับว่า ในเพลงๆหนึ่ง จะมีขั้นคู่เกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ในไส้ในคอร์ดอย่างเดียว แต่ยังมีไลน์อื่นๆ
อาทิ Melody, Bass, Counter Melody ต่างๆ
เมื่อเอา B กับ D มารวมกัน อาจพบว่า อารมณ์ของเพลงแทนที่จะรู้สึกเด็ก คาดเดาได้ง่าย กลับกลายเป็นผลลัพธ์อีกแบบที่คาดไม่ถึงก็ได้ เพราะอาจเป็นได้ว่า เกิดคู่ 7 กับคู่ 9 อยู่บ่อยครั้ง จนเกิดความเป็น Jazzy Sound และกลายเป็นเกิด vibe ที่รุ้สึก Complicate มีรสนิยม
ฉะนั้นที่จริงแล้ว การศึกษาขั้นคู่ ถ้ารู้ว่ามันเอาไว้ทำอะไร จะให้คุณประโยชน์อย่างมาก ตอนทำการเรียบเรียงดนตรี เพราะเราสามารถกำกับอารมณ์ของเพลงให้ไปในทิศทางที่กำหนดได้เสมือนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน หากใครชอบอะไรลึกๆแบบนี้ อยากเรียนทำเพลงแบบถึงอณูตัวโน้ต ติดต่อได้ที่ VERY CAT ACADEMY หลักสูตร The Real Producer ครับ
หลักสูตรโดย VERY CAT SOUND : Compose Your Dream
เราไม่ได้สอนให้คุณแค่ทำเป็น แต่สอนให้คุณเก่ง รู้ลึก รู้จริง
ถ้าคุณมีอาชีพโปรดิวเซอร์เป็นความฝัน มาคุยปรึกษากันได้ครับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการทำดนตรีจริงๆ อยากเรียนรู้แบบลึก จริงจัง
นี่คือหลักสูตรที่เนื้อหาครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักทำดนตรี ในระดับมืออาชีพ
หลักสูตร The Real Producer
เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาดนตรีแท้ๆ ที่เป็นรากฐานในการสร้างงานดนตรีที่มีคุณภาพทัดเทียมสากล
สนใจหลักสูตร ติดต่อ admin ที่ line ด้านล่าง หรือ รับ demo คอร์สเรียนฟรี! และข้อมูลเพิ่มเติม ที่ link
http://mkt.verycatsound.academy/mf2
——————
Contact
Line ID :
Tel. : 0856662425
Website : verycatsound.com
FB : http://www.facebook.com/verycatsound
YT : http://www.youtube.com/c/verycatsound