VERYCATSOUND SHIBUYA

เที่ยวโตเกียว 1 เดือน 1 แสนบาท Day0 : บทนำ,สารบัญ,การเตรียมตัว

Share via:

Krissaka Tankritwong

เที่ยวโตเกียว 1 เดือน 1 แสนบาท Day0 : บทนำ,สารบัญ,การเตรียมตัว

บทนำ

    “ญี่ปุ่น” คือ ประเทศที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับไทยเราเสมอมา ประเทศชนชาติเอเชียที่เจริญที่สุดทั้งทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม เป็นประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของหลายสิ่งหลายอย่างในวัฒนธรรมป๊อปของโลกสมัยใหม่ ประเทศที่ไม่มีใครเหมือน และเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายคน ทำให้เดี๋ยวนี้ ใครๆก็ไป โดยเฉพาะคนไทย Gen Y อย่างเราๆ อย่างผมอย่างคุณๆ ทุกท่าน ที่ล้วนโตมากับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ตื่นเช้ามาดู โดราเอมอน, ดราก้อนบอล, เซเลอร์มูน เล่นเกมส์ Nintendo,  Mario, Contra, Rockman พอโตขึ้นมาหน่อยก็ฟัง X-japan ,ดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นทางช่อง Jet TV , ชอบกินซูชิ และร้องไห้ไปกับภาพยนตร์ดังอย่าง Always ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งคนในนั้น ช่วงนี้อะไรหลายๆอย่างประจวบเหมาะ และการที่คนรุ่น Gen Y ทั้งหลายเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่มีกำลังทรัพย์ในการจ่าย ทำให้นิยมเที่ยวที่ญี่ปุ่นกันอย่างไม่ขาดสายจนแทบเป็นปรากฎการณ์ ไปที่ไหนในโตเกียวก็เจอคนไทยได้ง่ายจริงๆ

    คนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ มีสามประเภท

1. ชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม อาทิ กิโมโน ซามูไร นินจา ปราสาท ซูชิ ดังโงะ วัด สวนเซน ภูเขา ออนเซน ธรรมชาติ ฯลฯ

นี่คือการเที่ยวญี่ปุ่นแบบปกติ เสพย์วัฒนธรรม

นี่คือการเที่ยวญี่ปุ่นแบบปกติ เสพย์วัฒนธรรมดั้งเดิม

2. ชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นสมัยใหม่ อาทิ J-pop, J-rock, วิดิโอเกมส์, การ์ตูนมังงะ อนิเมชั่น แฟชั่นฮาราจุกุ ฯลฯ ของอะไรแนวๆ วัยรุ่นๆ Pop Culture นั่นเอง

jpopculture1320

นี่คือการเที่ยวญี่ปุ่นแบบเสพย์ Pop culture ซึ่งก็ยังปกติ

3. กลุ่มคนที่มีความสนใจเฉพาะในบางสิ่งบางอย่าง เป็น geek ที่มีมี hobby ที่ตัวเองหลงไหลเฉพาะทางหรือเป็น Sub Culture นั่นเอง

นี่คือการเที่ยวญี่ปุ่นแบบเฉพาะทาง คนกลุ่มนี้อาจมาหาพวกเดียวกันที่เป็น Gothic Lolita ที่โตเกียว ซึ่งก็ปกติอยู่ดี... เพราะโตเกียวมี Sub Culture อยู่เต็มไปหมด

นี่คือการเที่ยวญี่ปุ่นแบบเฉพาะทาง คนกลุ่มนี้อาจมาหาพวกเดียวกันที่เป็น Lolita ที่โตเกียว ซึ่งก็ปกติอยู่ดี… เพราะโตเกียวมี Sub Culture อยู่เต็มไปหมด…

 

ภาพลักษณ์ของ Geek ที่คนปกติเข้าใจ

ภาพลักษณ์ของ Geek ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ ที่จริงแล้วมีความหมายเดียวกับ Otaku หรือคนที่คลั่งไคล้อะไรสักอย่างมากๆนั่นเอง

    ข้อ 1-2 เป็นเหตุผลของคนส่วนมาก ซึ่งแน่นอนว่า ตัวผมเองก็บ้าญี่ปุ่นไม่น้อยไปกว่าคนอื่น แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว เหตุผลหลักของผมมันอยู่ในข้อ 3 มากกว่า

    ใครที่ติดตามบล้อกของ VERYCATSOUND.COM มาโดยตลอดคงจะรู้กันว่าผมเป็นนักแต่งเพลง ที่บ้าดนตรี Shibuya-kei และ 8-bits / Chiptune Music ขนาดไหน มันเป็นดนตรีอินดี้ญี่ปุ่นประเภทหนึ่งที่กำเนิดในย่านชิบุยะ ในโตเกียว ยุค ’90 และเพื่อให้ได้เข้าใจดนตรีชนิดนี้อย่างลึกซึ้ง มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องดั้นด้นไปค้นหาและศึกษาความเป็นไปถึงแหล่งกำเนิด และพร้อมกับเที่ยวไปด้วยในตัวด้วย อิอิ (เอามาเป็นข้ออ้างหาเรื่องเที่ยว)

    ธรรมชาติของดนตรีอินดี้คือ มันหาข้อมูลยากมากถ้าไม่ได้อยู่ในประเทศนั้นๆ มีศิลปินอะไรบ้าง คนไหนดังไม่ดัง ซื้อแผ่นที่ไหน ไปร้านไหน เรียกว่าถ้าอยากเสพย์ดนตรีอินดี้ของประเทศไหน ยังไงก็ต้องไปให้ถึงแหล่ง และแหล่งของดนตรีอินดี้ญี่ปุ่นที่ผมจะเข้าไปคุ้ยนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่ย่าน “ชิบุยะ” นั่นเอง

    ถึงแม้ว่า นี่คือบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวเชิงดนตรี 1 เดือนใน Tokyo เพื่อตามล่าหาดนตรีอินดี้ ผมได้เก็บข้อมูลหลายอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งแก่คนทั่วไปที่ชอบญี่ปุ่น แหล่งท่องเที่ยวและทริปต่างๆ วัฒนธรรมร่วมสมัย, ผู้คน และผู้ที่อยากมาเสพย์ดนตรีที่โตเกียว คุ้ยแหล่งแผ่นซีดีมือสองหายากราคาถูก ,เครื่องดนตรีแรร์ไอเทมสุดเจ๋ง ,เที่ยวเทศกาลดนตรี บาร์ คลับ และไลฟ์เฮ้าส์สุดมันส์ และในระหว่างทางก็ได้พบเจอประสบการณ์อะไรหลายอย่างที่ไม่คาดคิดอีกมากมาย

    เรียกได้ว่า เป็นทริปที่ครบทั้ง “ที่ๆเค้าไปกัน” และ”ที่เฉพาะทาง” กลางวันไปเที่ยวปกติ ดูวัด กินอาหารญี่ปุ่น ซื้อของเล่น เสพย์วัฒนธรรมทั้งเก่าและใหม่ ถ่ายรูป ตกเย็น คุ้ยแผ่น CD นั่งคาเฟ่เก๋ๆ ค่ำๆเข้าผับ เสพย์ดนตรีใน life house ครบทุกรสของการเที่ยวแบบคนเมืองเลยทีเดียว

    บันทึกนี้บันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2557 ข้อมูลหลายๆอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงอัพเดตตามกาลเวลา
โตเกียว มหานครแห่งการค้นหา กับตั๋วราคาหนึ่งแสนบาท

แสวงดนตรีที่โตเกียว นครเมกกะทางดนตรี ณ โลกยุคปัจจุบัน

    นอกเหนือจากความชอบส่วนตัวอย่างที่กล่าวไป หลายคนอาจไม่รู้ว่า ณ ปัจจุบัน ญี่ปุ่นคือที่ๆตลาดดนตรีเจริญรุ่งเรืองที่สุด ( สถิติและเหตุผลสนับสนุนจาก เวบไซต์ japanmusicmarketing.com/wikipedia.org/wiki/Music_industry และ billboard.com ) อัตราการเสียเงินบริโภคดนตรีของคนญี่ปุ่นนั้นสูงมาก สูสีกับ สหรัฐอเมริกา แต่ถ้าลองเทียบกันในแง่จำนวนประชากรและขนาดของประเทศแล้ว แน่นอนว่า ญี่ปุ่นที่เป็นประเทศเล็กนิดเดียวนั้นกินขาด อุดมไปด้วย Live House เป็นพันๆ ที่ แต่ละคืนมีวงดนตรีที่น่าสนใจเล่นไม่ซ้ำกัน มีวงดนตรีทั้งค่ายใหญ่และอินดี้ที่เจ๋งๆและน่าสนใจอยู่เต็มไปหมด ร้านขายแผ่นเสียงและซีดี มีเปิดกันเป็นล่ำเป็นสัน เป็นประเทศในฝันของศิลปินหลายๆคน รวมถึงผู้ฟังนักสะสม เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของดนตรีจริงๆ

การเตรียมตัว

1. หาข้อมูล

book

นี่คือหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ผมอ่านทั้งหมดก่อนเดินทาง!

    ผมได้สััมผัสความ”เยอะ”ของโตเกียวกันตั้งแต่ก่อนออกเดินทางกันเลยทีเดียว… อ่าห์ ข้อมูลมันมหาศาลมาก มีหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นเยอะโคตรรรรร บนแผงหนังสือในปัจจุบัน ผมพยายามหาข้อมูลไว้ให้มากที่สุดก่อนไป เวลาที่โตเกียวมันแพง และมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่เต็มไปหมด ผมเคยไปค้นหาดนตรีอินดี้ที่นิวยอร์ค และกว่าจะคลำเจอว่ามันอยู่ที่ Brooklyn ก็ปาเข้าไปเป็นสัปดาห์ ทำให้มีเวลาเหลือน้อยมาก บทเรียนจากที่นิวยอร์คหลายปีก่อนมันสอนไว้ ก่อนที่เราจะค้นหาที่ๆคนส่วนใหญ่เค้าไม่ไปกัน ให้เจอ เราจำเป็นจะต้องรู้ที่เที่ยวหลักๆก่อนว่า ที่ปกติที่คนเค้าไปๆกันมันมีที่ไหนบ้าง

    คำแนะนำอีกอย่างคือ ให้ย่อยข้อมูลทั้งหมด ทำลิสต์สถานที่ๆสนใจในแต่ละย่านไว้ แล้วเก็บเป็นทีละย่านๆ ไม่จำเป็นต้องไปหมดทุกที่ครับ เพราะรับรองว่าแค่ดูเฉพาะสิ่งที่เราสนใจอย่างเดียวก็เก็บไม่หมดแล้วสำหรับโตเกียว

    สถานที่แนะนำในหนังสือท่องเที่ยวบางอย่าง ตัดออกไปจากลิสต์ได้เลย เพื่อข้อมูลที่ไม่ overload มากเกินไป เพราะว่ามันหาได้ง่ายๆที่ย่านไหนก็มี อาทิ เช่น พวกร้าน Uniqlo , MUJI , ห้าง Parco , Tokyu , Tokyu Hands ฯลฯ เยอะครับ ซึ่งร้านแต่ละสาขาส่วนใหญ่แล้วก็ขายของเหมือนๆกัน จดลิสต์ไว้เฉพาะที่ๆสำคัญจริงๆที่มีสาขาเฉพาะไม่กี่ที่พอแล้ว

2. วางแผนวันเดินทาง

เนื่องจากอาชีพนักแต่งเพลงที่ทำ ค่อนข้างมีอิสระในการเลือกวันเวลาทำงานได้ ผมจึงเลือกเอาวันที่เพื่อนผมสะดวก (เพราะผมไปพักกับเพื่อน) ซึ่งคือช่วงเดือน กันยายนทั้งเดือน (2 กย. – 2 ตค. )

3. จองที่พัก

พักกับเพื่อนที่หอ แถว Yoyogi (ประหยัดไปเยอะ) แต่ข้อนี้ให้ระวังไว้ดีๆ ถ้ามาเองต้องหาที่พักและต้องจองไว้ก่อนนานๆเลยครับ ที่พักมันเต็มได้ง่ายๆมาก

4. จองตั๋ว

– ค่าตั๋วรวมทุกอย่างแล้วเบ็ดเสร็จ 20000 บาท ไปกลับ (Airasia)
– เปลี่ยนตั๋วขากลับไปหนึ่งครั้ง เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกประมาณ 4000
– ผมจองตั๋วไว้ล่วงหน้าเกือบครึ่งปี เพื่อให้ได้ราคาถูก ซึ่งโชคไม่ค่อยดีเลย เพราะหลังจากที่จองไปไม่นานก็มีออกโปรโมชั่น Airasia-x ที่ถูกกว่านั้นมา -_-‘ กรรม เอาเหอะต่างไม่มาก
– เกี่ยวกับการซื้อน้ำหนักขาไปและกลับนั้น ผมพลาดไปหน่อย แนะนำว่า ขาไปซื้อน้อยๆที่สุด ส่วนขากลับให้ซื้อเต็ม max ไปเลยครับ มันเพิ่มแค่ไม่กี่พันเอง ญี่ปุ่นนี่ใครไปก็เสร็จหมด ของงอกออกมาเป็นเท่าๆแน่นอน ซึ่งถ้ามาเปลี่ยนข้อมูลในตั๋วเพื่อซื้อน้ำหนักเพิ่มทีหลังนั้น จะเสียค่าธรรมเนียมต่างหากค่อนข้างแพงแทบครึ่งหมื่น ไม่คุ้มกันเลย

5. ทำพาสปอร์ต ขอวีซ่า

ตามปกติถ้า ญี่ปุ่นให้เข้าประเทศได้ 15 วัน โดยไม่ต้องขอ มีแค่พาสปอร์ตก็เข้าได้เลย ซึ่ง 15 มันน้อยไปสำหรับผมในทริปนี้ เพราะไหนจะเที่ยวแบบปกติที่คนเค้าเที่ยวกัน แล้วยังต้องใช้เวลาค้นหาแหล่งดนตรีอีก ผมตัดสินใจไปเดือนนึงเลยต้องขอวีซ่า ซึ่งขั้นตอนขอวีซ่าก็ตามปกติ ดูได้ที่เวบไซต์ http://www.jp-vfsglobal-th.com/thai/ ไม่มีอะไรมากครับ ทำไปตามระเบียบการ จะมีซีเรียสหน่อยตรงพวก เอกสารหลักฐานเกี่ยวกับ รายได้ statement หนังสือรับรองต่างๆ และเหตุผลในการเดินทาง ผมเป็นนักแต่งเพลง ทำเพลงโฆษณา ก็ส่งหลักฐานไปตามความเป็นจริงทั้งหมด พร้อมเหตุผลในการเดินทางสองอย่าง 1. ท่องเที่ยว 2. เก็บข้อมูลเรื่องดนตรี สุดท้ายก็ผ่านมาได้ แต่โดนลดจำนวนวันนิดหน่อย คือขอไป 35 วัน แต่เค้าให้ได้แค่ 30 วัน มีค่าใช้จ่ายไม่ได้มากมายอะไร

6. เปิด Roaming

ผมว่าจำเป็นนะ เผื่อมีธุระด่วนจากไทย หรือลูกค้าโทรมาอะไรงี้ เปิดโรมมิ่งสบายๆครับ ติดต่อระบบโทรศัพท์สามเจ้า ใช้เวลาแป๊บเดียว ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ค่าโทรก็ไม่ได้โหดอะไรมาก เราก็ใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นจริงๆ ต้องระวังอย่างเดียวคือการรั่วไหลของการใช้งานอินเตอร์เน็ตระหว่างที่เราอยู่ที่นั่น ต้องเช็คให้ดีๆ ชัวๆ หน่อย ที่อาจทำให้ต้องเสียค่าบริการเป็นล้านอย่างที่เคยมีข่าวออกมา (จริงๆแค่ทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่แนะนำก็ไม่มีปัญหาอะไรละ)

7. เช่า Pocket Wifi

หลายๆคนที่มาแป๊บเดียวอาจจะบอก ไม่จำเป็น แต่มันจำเป็นสำหรับผมมาก เพราะการคุ้ยหาหลายสิ่งหลายอย่างจำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ต และใช้ติดต่อสื่อสารผ่าน App ต่างๆแทนการโทรศัพท์ได้ ผมใช้ของ Samurai Wifi ราคาไม่แพง และคุณภาพดี ไม่ค่อยงอแง (แต่น่าจะชาร์จมาให้ก่อนนะ ๕๕๕ ผมผิดเองแหละที่ไม่ได้เช็คก่อน คืนแรกเกือบซวยเพราะใช้เน็ตไม่ได้นี่แหละ) ปล. อย่าลืมเตรียม Power Bank ให้เรียบร้อย เผื่อแบตหมดด้วยนะ

20130626091253_840250616_10165_9

Pocket Wifi อุปกรณ์โคตรจำเป็นของทริปนี้

8. เตรียมตัวเตรียมใจ

เตรียมสัมภาระอื่นๆให้เรียบร้อย Smart phone คิดว่าคงมีกันทุกคนอยู่แล้ว จัดกระเป๋า เอาของไม่จำเป็นออกไปให้เหลือน้อยที่สุด ของจำพวกของใช้สบู่ อะไรพวกนี้ผมว่าไปซื้อใช้ที่นั่นเอาเถอะครับ ตอนแรกผมก็ติดๆไปเผื่อที่นั่นจะแพง สรุปเอาออกหมดเลยชั่งน้ำหนักไม่ผ่าน T-T เสียของจริงๆ

สรุปค่าใช้จ่าย

– ตั๋วเครื่องบิน 24000 บาท
– wifi ประมาณ 5000-6000 บาท
– ซื้อกล้องใหม่อีก 20000 บาท
– เอาเงินไปที่นั่นอีก 100000 บาท (ประมาณ 300000 เยน)
– กับบัตรเครดิต วงเงินอีก 100000 บาท (เผื่อๆ ฉุกเฉิน)
– สรุปทั้งทริป ถ้าไม่รวมค่าชอปปิ้งของชิ้นใหญ่อย่างเครื่องดนตรี ,ตั๋วเครื่องบิน และกล้อง ผมใช้เงินไปประมาณ 100000 บาท พอดีๆ

ถ้าพร้อมแล้ว! ออกเดินทางกันเลย!!

สารบัญ

Day 0 : บทนำ,สารบัญ,การเตรียมตัว
Day 1 : สัมผัสแรกของโตเกียว
Day 2 : ชิบู(เ)ย(อ)ะ
Day 3 : ตามรอย Lost in Translation กับศาลเจ้า Meiji-Jingu
Day 4 : พลังวัยรุ่นใน Harajuku,ถิ่นดีไซน์เนอร์ Aoyama
Day 5 : Akihabara สวรรค์โอตาคุ และ idol music
Day 6 : Shinjuku Lose Control
Day 7 : ชิลล์ๆที่ สวรรค์กันดั้ม Odaiba และ Onsen ครั้งแรก
Day 8 : คนรวยๆเค้าเดิน Ginza , Marunouchi , ดู Kabuki กัน
Day 9 : จาก Yanaka ถึง Ueno ย่านอนุรักษ์เพื่อการศึกษา
Day 10 : Doraemon รำลึก, Kichijoji ของสาวออร์แกนิก
Day 11 : Surprise! กับ Towa Tei และ ASOBINITE
Day 12 : Chip Union Festival วันรวมพลคน 8-Bit!
Day 13 : HMVสุดยอดร้านแผ่น,Hokusaiสุดยอดศิลปิน
Day 14 : กลิ้งๆหมุนๆกับ เทศกาลดนตรี คนเพี้ยนๆที่ ไซตามะ
Day 15 : มา โตเกียวสกายทรี แบบงงๆ
Day 16.1 : จะไปสะพานเหล็กดันเจอถิ่น jazz ซะงั้น
Day 16.2 : บ้าไปกับพวกเธอ Powann ที่ Shibuya Star Lounge
Day 17.1 : ตามรอยนักเขียน Haruki Murakami
Day 17.2 : ถนนชิคๆ เดินชิลล์ๆ แถว Daikanyama
Day 18.1 : Ikebukuro นอกจาก y แล้วมีอะไร?
Day 18.2 : ดีเจ FPM ที่ Sound Museum Vision
Day 19.1 : Sushi Dai ในตำนานนนนนนน(นานจริงๆ)
Day 19.2 : Tokyo Game Show มันเป็นแบบนี้นี่เอง
Day 20 : Ochanomizu อาณาจักรเครื่องดนตรี
Day 21 : เช้า Tokyo Tower / ค่ำคุยกับ กูรูเพลงญี่ปุ่น
Day 22.1 : เสพย์ศิลปะร่วมสมัยที่ Roppongi
Day 22.2 : Takako Minekawa กับ Live สุดน่าทึ่ง
Day 23.1 : Shimokitazawa ปุๆปะๆประสาเด็กแนว
Day 23.2 : Aire, Wednesday วงไทยไป live ญี่ปุ่น
Day 24 : Electronica กับ ชิบุยะ west
Day 25 : เช้า Edo / ค่ำ live @ Shinjuku Marz
Day 26 : Squaresound รวมพลคน แปดบิท อีกรอบ!
Day 27 : Moshimoshi Nippon งานฝรั่งคลั่ง Pamyu
Day 28 : ตามรอย Cornelius ที่ Nakameguro
Day 29 : สัมภาษณ์ ให้หายข้องใจ ในดนตรี Shibuya
Day 30 : จาก Shibuya ถึง Harajuku ฉันคงคิดถึงที่นี่
Day 31 : บ๊ายบาย โตเกียว ฉันจะไม่ลืมนายเลย
บทส่งท้าย : ได้อะไรจากญี่ปุ่น?

Comments (159)

Leave a Comment

ベリーキャットサウンド ©2014 Copyright. All Rights Reserved.